ยางรถยนต์ ถือเป็นส่วนประกอบรถในส่วนล้อที่ผลิตจากยางและมีสีดำ ลักษณะเป็นวงกลม มีรู เหมือนวงแหวน ขอบภายในใช้บรรจุอากาศ หรือก๊าซไนโตรเจนเพื่อให้รับน้ำหนักและช่วยในการเคลื่อนที่ได้ ยางบางรุ่นจะมียางในโดยเฉพาะรถบรรทุกที่รับน้ำหนักในปริมาณที่มาก ยางรถยนต์จะมีขนาดที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับการใช้
งานและขนาดของรถแต่ละคันซึ่งจะต้องยึดวงล้อเป็นหลักในการเลือกขนาดของยาง เช่น หากรถมีวงล้อ 16 นิ้ว ก็ควรเลือก ยางรถยนต์ขอบ 16 ไม่สามารถเลือกใช้ยางขนาดที่เล็กกว่าหรือใหญ่กว่าได้
ขอบยางรถยนต์คือขนาดที่ใช้เรียก
ยางรถเก๋ง เมื่อต้องเลือกใช้งานกลับวงล้อ โดยวัดจากเส้นผ่าศูนย์กลางภายในวงมีหน่วยเป็นนิ้ว โดยปกติแล้วจะใช้วิธีในการดูตัวเลขบนแก้มยางรถยนต์ที่ทางโรงงานผลิต ซึ่งเป็นตัวเลขมาตรฐานที่ใช้กันทั่วโลก ยกตัวอย่างเช่น 225/60R15 หมายความว่า ยางเส้นนี้มีหน้ายางกว้าง 225 mm สูง 60% ของหน้ากว้าง และมีขอบยาง 15 นิ้ว หรือ 225/45R18 หมายความว่ายางเส้นนี้มีหน้ากว้าง 225 mm แก้มยางสูง 45% ของหน้ากว้าง และมี ยางรถยนต์ขอบ 18 นิ้ว เป็นต้น
การเลือกยางรถยนต์ ให้เหมาะสมกับรถ
ลำดับแรกเจ้าของรถต้องตรวจสอบตัวเลขบนแก้มยางของตนเองเสียก่อนว่าเป็นยางขนาดกี่นิ้ว โดยดูได้จากรหัสตัวเลขดังต่อไปนี้เพื่อที่จะได้เปลี่ยนยางไม่ผิดไซส์
ตัวอย่าง รหัสตัวเลขบนแก้มยาง BRIDGESTONE ECOPIA EP300 185/60R15 84V
- ตัวเลขชุดที่ 1 ได้แก่ 185 ตัวเลขชุดนี้ใช้บอกขนาดของหน้ายาง หรือหน้ายางที่สัมผัสกับผิวถนน มีหน่วยเป็นมิลลิเมตร
- ตัวเลขชุดที่ 2 ได้แก่ 60 หมายถึง เปอร์เซ็นต์ความสูงของแก้มยาง มีวิธีในการคำนวณ คือ หน้ายาง x เปอร์เซ็นต์ความสูงแก้มยาง = ความสูงของแก้มยาง นั่นก็คือ 185 x 60% = 111 มิลลิเมตร แสดงว่าแก้มยางสูง 111 มิลลิเมตร หรือ 11.1 เซนติเมตร
- ตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวที่ 1 ได้แก่ R เป็นประเภทของยางในที่นี้คือ ยางเรเดียล หากมีตัวย่อเป็น PR คือยาง Bias หรือยางแบบผ้าใบ (ยางสมัยเก่า)
- ตัวเลขชุดที่ 3 ได้แก่ 15 หมายถึง ขนาดของวงภายใน นั่นคือ ยางรถขอบ 15 นิ้ว ซึ่งเมื่อนำไปใช้ก็ต้องเลือกใช้กับวงล้อ 15 นิ้ว เท่านั้น
- ตัวเลขชุดที่ 4 ได้แก่ 84 คือตัวเลขที่บอกดัชนีการรับน้ำหนักของยางต่อเส้น ซึ่งจะต้องนำไปเทียบกับตารางที่ทางโรงงานผลิตยางรถยนต์กำหนดมา หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Load Index จากตัวอย่าง ดัชนี 84 จะสามารถรับน้ำหนักได้สูงสุด 500 กิโลกรัมต่อเส้น
- ตัวภาษาอังกฤษตัวที่ 2 คือ V คือ สัญลักษณ์ความเร็วที่สามารถดูได้จากตารางผู้ผลิตยางรถยนต์ ในที่นี้ V จะสามารถทำความเร็วได้สูงสุด 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งถ้าหากเกินกว่านั้นจะเกิดอันตรายได้
ในการเลือกใช้ยางที่เหมาะสมควรเลือกยางให้ตรงกับขนาดของเดิมที่ติดมากับรถตอนซื้อมาใหม่ ๆ เพราะนอกจากจะตรงสเปคตามการออกแบบแล้ว ยังช่วยให้ประหยัดน้ำมันและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ หากมีการปรับเปลี่ยนไปใช้วงล้อที่ใหญ่ขึ้น ควรเลือกขนาดไม่ให้เกินกว่าของเดิม 1 นิ้ว และต้องดูซุ้มล้อเป็นหลัก เพราะหากของเดิมใส่ล้อขนาด 15 นิ้ว
ยางขอบ15นุ่มเงียบ แล้วเปลี่ยนไปใช้วงล้อ 17 นิ้ว นอกจากวงล้อที่ใหญ่ขึ้น 2 นิ้ว แล้ว ยางรถขอบ 17 ก็จะสูงขึ้นไปอีก 1-2 นิ้ว แม้จะใส่และใช้งานได้ แต่ประสิทธิภาพและสมรรถนะในการขับขี่จะไม่เหมือนเดิม