แม้ธุรกิจจะเจออุปสรรคครั้งใหญ่จากวิกฤติโควิด-19 แต่หลายบริษัทยังคงสานต่อกิจกรรมเพื่อสังคม อย่างเช่น โครงการสนาม
ฟุตบอล สนามหญ้าเทียม ที่กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ มีแผนสร้าง 100 แห่งทั่วประเทศภายในปี 2565 หลังจากเริ่มมาตั้งแต่ปี 2560 มาในวันที่ 31 มีนาคม 2564 นี้ ได้ส่งมอบให้ชุมชนที่ 61 แห่ง ที่โรงเรียนวัดมังคลาราม อ.พิปูน จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งมีนักเรียน 280 คน ชั้นอนุบาลถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3
นับเป็นภารกิจสำคัญ ที่นาย
อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้มาส่งมอบด้วยความภาคภูมิใจ เช่นเดียวกับที่ผ่านมา หลังจากชะลอไปเมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19
งานนี้ไม่เพียงทำให้เด็กๆ ในพื้นที่ดีใจที่ได้สนามฟุตบอลไว้ฝึกซ้อม ยังเรียกเสียงกรี๊ดดีใจจากน้องๆ จากการจัดแข่งฟุตบอลนัดพิเศษ ระหว่างทีมก้าวคนละก้าว โดยพี่ตูน บอดี้สแลม กับทีมน้องๆ โรงเรียนวัดมังคลาราม สื่อมวลชน และซีอีโอ อัยยวัฒน์ ก็ไม่พลาดโชว์ฟอร์มลงเตะด้วย
การสนับสนุนด้านกีฬาของกลุ่มคิง เพาเวอร์ นอกจากสนามฟุตบอลแล้ว ยังมีแผนการส่งมอบลูกฟุตบอลให้เด็กทั่วประเทศ ด้วยเป้าหมาย 1 ล้านใบภายในปี 2565
ที่ผ่านมาจากการส่งเสริมให้เด็กๆ ได้ฝึกซ้อมฟุตบอล ทำให้เกิดทีมโรงเรียน และได้เข้าแข่งในระดับอำเภอ ระดับจังหวัดแล้วหลายทีม นอกจากนี้ น้องๆ Fox Hunt ที่มีโอกาสไปฝึกซ้อมที่สโมสรเลสเตอร์ซิตี้ ประเทศอังกฤษ 2 ปี เมื่อกลับมาประเทศไทยแล้วบางคนได้รับคัดเลือกเข้าไปเล่นอยู่ในไทยลีก เป็นกำลังสำคัญให้กับทีมชั้นนำของประเทศเช่นกัน
กิจกรรมสนับสนุนกีฬาฟุตบอลเป็นหนึ่งในกิจกรรมเพื่อสังคมของโครงการคิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย ที่ก้าวสู่ปีที่ 5 ยังมีอีก 2 โครงการคือ ด้านดนตรี ที่มีการจัดการแข่งขันนานาชาติ และด้านชุมชน เช่น การส่งเสริมผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติที่หมู่บ้านคีรีวง เพื่อกระจายโอกาส และสร้างความสุขให้กว่า 2,000 ชุมชน กว่า 4,000 โรงเรียนใน 77 จังหวัด
สำหรับที่หมู่บ้านคีรีวง ซึ่งเป็นที่รู้จักของแฟนบอลสโมสร เลสเตอร์ซิตี้อย่างดี จากการที่คิง เพาเวอร์ได้นำผลิตภัณฑ์ผ้ามัดย้อมไปเผยแพร่มาแล้ว ซึ่งนายอัยยวัฒน์บอกว่า ดีใจที่เป็นส่วนหนึ่งในการเชื่อมโยงชุมชนคีรีวงให้เป็นที่รู้จัก แน่นอนว่าเมื่อได้มีโอกาสมา จึงต้องลงมือมัดย้อมเอง แม้จะไม่มั่นใจว่านักว่าสวยงามแค่ไหน
แต่งานนี้ก็ต้องลองทำดู
นายอัยยวัฒน์ กล่าวด้วยว่าในปี 2564 นี้ มีแผนในการพัฒนาชุมชน โดยนำกลยุทธ์ ‘Together Beyond Boundaries’ เข้ามาปรับใช้ให้เป็นรูปธรรม เน้นการรวมพลังผนึกกำลังพันธมิตร บุคลากร และความเชี่ยวชาญขององค์กรไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ร่วมกับความสามารถ และศักยภาพของท้องถิ่นเพื่อสร้างวิถีแห่งคุณค่าเชิงเศรษฐกิจ และสังคมควบคู่กันไป เน้นการผสมผสานการทำกิจกรรม และการสื่อสารแบบ Hybrid Power ผนึกพลังความร่วมมือของทุกฝ่าย ทั้งฝั่งผู้บริหาร พนักงาน คู่ค้า และพันธมิตร รวมถึงผู้ประกอบการท้องถิ่น และชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศ ขับเคลื่อนธุรกิจสู่ออนไลน์มากขึ้น เพื่อสร้างความผูกพัน และยกระดับขีดความสามารถของคนไทยไปอีกขั้น จนนำไปสู่การพัฒนาสังคมเชิงเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนในยุคดิจิทัลต่อไป
