ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทกับชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น ครอบงำในส่วนต่างๆ ของโลก ควบคุมวิถีชีวิตมนุษย์ตั้งแต่ตื่นจนหัวถึงหมอนกันเลยทีเดียว โดยเฉพาะ Apple, Amazon, Google, Microsoft และ
Facebook เมื่อโลกธุรกิจถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ต่างฝ่ายก็ต้องหาอะไรมาเสริมความแกร่งหรือหนีจากการถูก disrupt ยกตัวอย่าง Metaverse ซึ่งเป็นอีกขั้นของเทคโนโลยี Facebook เองยังต้องการเปลี่ยนจากบริษัท Social media ให้กลายเป็นบริษัท Metaverse ภายในระยะเวลา 5- 10 ปี
หรือจะเป็น Microsoft ก็ได้ให้นักพัฒนา Microsoft Azure สร้างโลกดิจิตอลที่คู่ขนานไปกับโลกจริงแบบ real-time และการพัฒนาในครั้งนี้ทำให้สามารถจำลองรูปแบบของสิ่งแวดล้อมเสมือนจริง และวิเคราะห์แนวโน้มต่าง ๆ เพื่อสร้างสมมุติฐานที่มีความ
แม่นยำสูง ได้แบบ real-time และจะมีการนำรูปแบบโมเดลสิ่งแวดล้อมเสมือนไปใช้ในโลกแห่งความเป็นจริงในอนาคต
มาดูที่ฝั่งไทยเราบ้าง ปี 2564 ถือว่าเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลง หลายองค์กรมีการปรับตัวเข้าสู่ Tech Company
SCB ประกาศจะไม่ใช่แค่ธนาคารอีกต่อไป เปลี่ยนสู่ Tech Company หนี Disruption มีการปรับโครงสร้างธุรกิจตั้งบริษัทโฮลดิ้ง SCBX เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แทน เพื่อทำธุรกิจเป็นบริษัทลงทุน (Holding Company) ปลดล็อกข้อจำกัดจากธุรกิจธนาคาร สู่ความเป็น Tech Company วางเป้าหมาย 5 ปี ขึ้นชั้นบริษัทระดับภูมิภาค มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) แตะ 1 ล้านล้านบาท
มาที่อุตสาหกรรม
โทรคมนาคมกันบ้าง เกิดการควบรวมรัฐวิสาหกิจระหว่าง TOT-CAT ทำการจดทะเบียนตั้ง NT หรือ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หลังจากการควบรวมเป็น NT จะเป็นบริษัทที่มีโครงสร้างพื้นฐานครบวงจรมากที่สุดมูลค่าสินทรัพย์มากถึง 300,000 ล้านบาท ผู้บริโภคจะได้รับบริการโทรคมนาคมที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ มีประสิทธิภาพในประเทศเพื่อเข้าถึงโลกดิจิทัลทุกพื้นที่ ที่สำคัญ NT จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการพัฒนาประเทศเพื่อเข้าสู่ Thailand 4.0
เช่นเดียวกับ True และ Dtac บริษัทโทรคมนาคมเบอร์ 2-3 ของไทย ที่จำเป็นต้องมีการปรับตัวเช่นกัน โดยสร้างความฮือฮาไปเมื่อช่วงปลายปี 2564 ที่ผ่านมา ด้วยการประกาศควบรวมกิจการ ยกระดับจากบริษัท Telco สู่ Tech Company เต็มตัว
โดยจะมุ่งพัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับด้านเทคโนโลยีเพิ่มเติม ซึ่งรวมถึงปัญญาประดิษฐ์ ระบบคลาวด์เทคโนโลยี IoT อุปกรณ์อัจฉริยะ เมืองอัจฉริยะ ดิจิทัลมีเดียโซลูชั่น และปรับโครงสร้างเพื่อให้สนับสนุนการลงทุนในบริษัทเทคโนโลยี มุ่งเน้นลงทุนในสตาร์ทอัพไทย และสตาร์ทอัพต่างประเทศ ที่ตั้งในประเทศไทย เน้นการสร้างผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ บนแพลตฟอร์มดิจิทัล เพื่อประโยชน์แก่ผู้บริโภคในประเทศไทย
ดังคำที่ว่า “แม้แต่มหาอำนาจดิจิทัลก็ยังต้องเผชิญกับภัยคุกคาม” ทุกธุรกิจต่างต้องปรับตัวไปตามกระแสโลกที่เปลี่ยนไป ไม่ว่าธุรกิจรายเล็กหรือรายใหญ่ต่างต้องดิ้นรนหาทางรอด การที่ธุรกิจของไทยสามารถปรับตัวเชิงรุก จึงไม่เพียงจะอยู่รอด แต่ยังก้าวข้ามสภาพการแข่งขันฟาดฟันกันเองในประเทศ ไปสู่โอกาสที่จะก้าวกระโดดเป็นผู้เล่นระดับโลกได้ จึงถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีและควรสนับสนุน เพราะจะช่วยเปิดโอกาสให้กับประเทศได้อีกหลายทางในอนาคตที่ไม่ไกลจากนี้