การเป็น “ทายาท” ของธุรกิจขนาดใหญ่อย่างร้านค้าปลอดภาษีอากรรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย นอกจากต้องใช้ความอดทนและรับมือต่อแรงกดดันในทุกสถานการณ์แล้ว การคิดต่อยอดและดำเนินธุรกิจให้เติบโตแบบไม่สิ้นสุดก็ถือเป็นเรื่องท้าทาย
ปี 2566 “คิง เพาเวอร์” ได้ก้าวสู่ห้วงเส้นทาง 3 ทศวรรษ ซึ่งเป็นก้าวที่สำคัญของธุรกิจในเครือและบทพิสูจน์ของ 4 พี่น้องตระกูล “ศรีวัฒนประภา” ประกอบด้วย วรมาศ ศรีวัฒนประภา (รัก), อภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา (ต้อล), อรุณรุ่ง ศรีวัฒนประภา (รุ่ง) และ อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา (ต๊อบ)
โดยเฉพาะ “อัยยวัฒน์” ในวัย 38 ปี ที่ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ เพราะสนิทสนมกับผู้เป็นบิดามากที่สุด เนื่องจากในขณะนั้นพี่ ๆ ทั้ง 3 คนได้ศึกษาอยู่ในต่างประเทศ และเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่คิง เพาเวอร์ กำลังเติบโตสูงสุด โดยอัยยวัฒน์ผ่านการทำงานในทุกแผนกของบริษัทในเครือ เพื่อเรียนรู้การบริหารจัดการให้ครบทุกโหมด
นอกจากเป็น CEO คนรุ่นใหม่ของดิวตี้ฟรีระดับชาติแล้ว เขายังเป็นประธานสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้ ในประเทศอังกฤษอีกด้วย ล่าสุดทั้ง “อัยยวัฒน์-อภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา” ได้นำทีมคิง เพาเวอร์ คว้าแชมป์ “ไทยแลนด์ โปโล โกลด์ คัพ 2023” มาครองได้สำเร็จ พร้อมตั้งเป้าจะผลักดันให้กีฬาประเภทนี้ขยายในวงกว้างให้มากขึ้น
ขับเคลื่อนธุรกิจสู่มิติใหม่ในระดับสากล
ก้าวสำคัญในรอบ 3 ทศวรรษของคิง เพาเวอร์ ในปีนี้จะดำเนินธุรกิจด้วยแนวคิด “THE POWER OF POSSIBILITIES” หรือชีวิตไม่หยุดค้นหาความเป็นไปได้ เพื่อเร่งขับเคลื่อนธุรกิจคนไทยสู่มิติใหม่ ๆ ในระดับสากล ด้วยกลยุทธ์ 4Es คือ enable, encourage, explore และ empower ที่เป็นเทคโนโลยีนวัตกรรมสินค้าที่ทันสมัย และเซอร์วิสโซลูชั่นใหม่ ๆ ทั้งในสนามบิน และย่านใจกลางเมือง
ภายใต้โครงสร้าง 8 แกนหลัก ตั้งแต่กลุ่มธุรกิจสินค้าปลอดอากร, กลุ่มธุรกิจค้าปลีก, กลุ่มธุรกิจอาหาร, กลุ่มธุรกิจโรงแรม, กลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภคและบริโภค, กลุ่มธุรกิจสร้างสรรค์ประสบการณ์, กลุ่มธุรกิจกีฬา ตลอดจนกลุ่มกิจกรรมเพื่อสังคม เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน และเทรนด์ธุรกิจที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ กล่าวย้ำว่า “ช่วงเวลา 3 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ความร่วมมือร่วมใจของพนักงานบริษัทในทุกระดับ ถือเป็นพลังใจที่สำคัญมาก กับการขับเคลื่อนธุรกิจจนก้าวข้ามทุกอย่างผ่านมาได้ถึงทุกวันนี้”
และก่อให้เกิดแนวคิด “WE are powerful than I” ที่จะนำมาต่อยอดเป็นแบรนด์ไอเดียขององค์กร ซึ่งเกิดจากการมีส่วนร่วมของพนักงานทุกคนในการสร้างพลังแห่งความเป็นไปได้ ตลอดจนการสร้างสรรค์สู่การเป็นแนวคิดหลัก “THE POWER OF POSSIBILITIES”
คิง เพาเวอร์ จึงต้องมุ่งเน้นที่จะค้นหา และสร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ ๆ ต่อไปไม่สิ้นสุด เพื่อให้นักเดินทางทั่วโลกพบสิ่งที่พอใจ และมีความสุข
https://www.prachachat.net/d-life/news-1230896