เมื่อมีแผนการเดินทางไปต่างประเทศไม่ว่าจะด้วยเหตุผลทางหน้าที่การงานหรือการท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ นอกจากการเตรียมการเรื่องเอกสารการเข้าประเทศ การจองที่พัก ตั๋วโดยสารเครื่องบิน การเตรียมเสื้อผ้า สัมภาระต่าง ๆ และการแลกเงินแล้ว ยังมีสองตัวช่วยสำคัญที่สามารถเพิ่มความมั่นใจและความราบรื่นในการเดินทางได้ตลอดทริป นั่นก็คือวัคซีนพาสปอร์ตและ ประกันเดินทาง ต่างประเทศ
ทำไมวัคซีนพาสปอร์ตจึงสำคัญสำหรับการเดินทางไปต่างประเทศ
หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ประเทศต่าง ๆ จะมีข้อกำหนดให้ผู้เดินทางเข้าประเทศต้องแสดงวัคซีนพาสปอร์ตหรือเอกสารที่ยืนยันว่าได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบ 2 โดส ตามข้อกำหนดของสาธารณสุขแต่ละประเทศเพื่อเป็นการยืนยันทางด้านสุขภาพ ไม่เช่นนั้นอาจถูกกักตัวตามที่แต่ละประเทศกำหนด
ดังนั้นเมื่อต้องเดินทางไปต่างประเทศจึงต้องเช็กว่า วัคซีนพาสปอร์ตทำที่ไหน เพื่อจะได้นำเอกสารที่จำเป็น ได้แก่ บัตรประชาชน ใบรับรองการฉีดวัคซีน พาสปอร์ตและเอกสารการเดินทาง ไปยื่นแสดงต่อเจ้าหน้าที่
วัคซีนพาสปอร์ตทำที่ไหน ได้บ้าง?
โดยทั่วไปสามารถยื่นขอทำวัคซีนพาสปอร์ตได้ที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ สนามบินสุวรรณภูมิ สถาบันบำราศนราดูร กรมควบคุมโรค สถาบันป้องกันและควบคุมโรคเขตดอนเมือง สำนักงานป้องกัน ควบคุมโรค เชียงใหม่ ขอนแก่น สงขลา สระบุรี และชลบุรี รวมถึงโรงพยาบาลของรัฐในแต่ละพื้นที่
ประกันเดินทางต่างประเทศ สำคัญอย่างไร
หลายครั้งที่การเดินทางในต่างประเทศจะพบกับปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ เช่น เกิดอุบัติเหตุ หรือเจ็บป่วย ซึ่งเมื่อเกิดขึ้นในต่างประเทศอาจทำให้เกิดความไม่สะดวกและมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง ดังนั้น ประกันเดินทางต่างประเทศ จึงเข้ามาช่วยดูแลและให้ความคุ้มครองการเดินทางไปต่างประเทศ หากมีปัญหาต่าง ๆ ที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้น เช่น เกิดอุบัติเหตุ เจ็บป่วยกะทันหันต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล มีปัญหาเที่ยวบินล่าช้า สัมภาระหาย หรือการยกเลิกเที่ยวบิน จะได้รับความคุ้มครองจึงช่วยให้อุ่นใจได้มาก หลายคนจึงให้การทำ ประกันเดินทาง ไปต่างประเทศและการทำวัคซีนพาสปอร์ตเป็นหนึ่งในลิสต์ที่ต้องดำเนินการใน ขั้นตอนการขึ้นเครื่องบิน ไปต่างประเทศด้วย
นอกจากการเตรียม 2 ตัวช่วยดังกล่าวแล้วยังต้อง เตรียมตัวก่อนขึ้นเครื่องบิน โดยเฉพาะในกรณีที่เป็นการเดินทางต่างประเทศครั้งแรก โดยขั้นตอนที่สำคัญประกอบด้วย
-การวางแผนเดินทางออกจากบ้านเพื่อไปสนามบินต้องเผื่อเวลาในการดำเนินการ ขั้นตอนการขึ้นเครื่องบิน ไว้อย่างน้อย 3 ชั่วโมง ก่อนออกเดินทาง
-ต้องตรวจสอบเคาน์เตอร์สายการบินที่สนามบินว่าอยู่โซนใด เมื่อถึงสนามบินจะได้ไปยังเคาน์เตอร์เพื่อติดต่อเช็กอินได้ทันที
-เมื่อถึงหน้าเคาน์เตอร์ต้องเตรียมเอกสารแสดงตัวตนและเอกสารการเดินทาง ทั้งพาสปอร์ตและเอกสารการซื้อตั๋วเครื่องบิน หากมีสัมภาระที่ต้องการโหลดใต้ท้องเครื่องให้แจ้งเจ้าหน้าที่หน้าเคาน์เตอร์ในขั้นตอนนี้ แต่ต้องไม่ลืมกระเป๋าหรือสัมภาระที่จะนำติดตัวขึ้นเครื่อง โดยจะต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัม และต้องไม่มีของเหลวที่ปริมาณมากกว่า 100 มิลลิลิตร
-เมื่อได้รับบัตรขึ้นเครื่องบินหรือ Boarding Pass ควรตรวจสอบหมายเลขที่นั่งบนเครื่องบิน ประตูทางออกรวมถึงเวลาขึ้นเครื่องที่ระบุในบัตรนี้อีกครั้ง โดยจะต้องไปถึงประตูขึ้นเครื่องบินตามเวลาที่กำหนด
-เมื่อเสร็จขั้นตอนการเช็กอินก็สามารถเข้าไปยังโซนผู้โดยสารขาออก เพื่อเข้าไปดำเนินการตรวจหนังสือเดินทางได้เลย
ทั้งนี้หากเสร็จสิ้นกระบวนการต่าง ๆ เรียบร้อย และมีเวลาเหลือก่อนที่จะมีการเรียกผู้โดยสารขึ้นเครื่อง สามารถเดินช้อปปิ้งสินค้าปลอดภาษีที่สนามบินได้อย่างจุใจ
ชมรายละเอียดเพิ่ม
https://online.scbprotect.co.th/travel/international