ในเคสนี้นับว่าเป็นความโชคร้ายของ จขกท. นะคะ เราเป็นคนนึงที่ Honda เช่นกัน ซึ่งเป็นคนแรก
และคนเดียว ของตระกูลเลยก้อว่าได้ที่รถยี่ห้อ ส่วนตัวแล้วไม่อยากให้โทษที่ตัวรถและยี่ห้อ คิดว่าน่าจะเป็นที่พนัก
งานบริการของแต่ศูนย์และแต่ละดีลเลอร์มากกว่า ถ้าใครหลายๆคนจำได้ เมื่อประมาณ 5 ปี ก่อน เกิดกรณีลูกค้าที่ซื้อ
Honda CRV ป้ายแดงจากศูนย์ศร๊อยุธยา แล้วเจอปัญหาเกี่ยวกับตัวรถ ทั้งทีออกมาได้ไม่นาน จึงได้ทำการทุบรถ
ประจาน เพื่อนสนิทเราก้อซื้อรถจากศูนย์ฯนี้ ซึ่งเป็นรุ่นเดียว ปีเดียว และเวลาใกล้เคียงกับที่ดิฉันซื้อ แต่คนละศูนย์ ฯ
แต่เมื่อได้มาคุยและเปรียบเทียบของแถม ดอกเบี้ย(กรณีจัดไฟแนนซ์) และการบริการหลังการขาย ก็แตกต่างกัน
โดยสิ้นเชิง นับว่าโชคดีที่เพื่อของเรา ยังไม่เจอปัญหาเช่นเดียวกับ จขกท.
โดยปกติเราก้อเป็นคนนึงที่ถนอมรถพอสมควร เพราะคำนึงถึงราคาเมื่อขายต่อ (ขายรถคันเก่าก่อนมาซื้อคัน
ปัจจุบันเลยทราบดีว่า เวลาที่คนมาตีราคา ส่วนใหญ่พิจารณาจากอะไรบ้าง ?) ดังนั้นจะต้องนำรถเข้าตรวจเช็คที่ศูนย์ฯ
ตลอดทุกครั้ง รวมถึงการประกันภัย ก็ต้องซ่อมห้างด้วยเช่นกัน โดยเลือกศูนย์ที่ใกล้บ้านที่สุด ที่สำคัญคือขี้เกียจต้องให้
ข้อมูลหากเปลี่ยนศูนย์ฯ (รุ่นเรายังไม่มีสมาร์ทการ์ด) ซึ่งตลอดระยะเวลา 3 ปี คิดว่าเราได้รับบริการเป็นอย่างดีแล้ว
รับรถตรงเวลา และมั่นใจว่าราคาสมเหตุสมผล ถ้าเทียบกับรถญี่ปุ่นยี่ห้ออื่นของคนในครอบครัวที่ซื้อห่างกันเพียง 1 เดือน
แต่เมื่อต้นปีที่ผ่านมาทำการเคลมประกันจากอุบัติเหตุ(เล็กน้อย) และไม่สามารถนำรถเข้าเคลมที่ศุนย์เดิมได้ เนื่องจาก
ไม่ได้ Co กับบริษัทประกัน ต้องสำรองเงินจ่ายไปก่อน จึงต้องเปลี่ยนมายังอีกศูนย์ฯ หนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่บน ถ.วิภาวดีฯ -
รังสิต เช่นเดียวกัน แต่ไกลบ้านพอสมควร ในครั้งนั้นก้อยังรู้สึกการบริการคล้ายๆกับที่เดิม หลังจากนั้นไม่นานก้อได้งาน
ใหม่ที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงกับศูนย์ฯนี้ เมื่อถึงเวลาตรวจเช็คระยะจึงนำรถเข้าที่ศูนย์นี้ในตอนเช้า ก่อนเข้าทำงานและแวะมารับ
หลังเลิกงานซึ่งคราวนี้ รู้สึกได้ของการบริการที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการล้างทำสะอาดของตัวรถ ภายใน และห้องเ
ครื่อง รวมถึงการบริการของพนักงาน ที่มาคอยต้อนรับถึงประตูรถ ระหว่างการประเมินราคา-ทำเอกสาร และก่อนส่งมอบ
รถ ซึ่งเจ้าหน้าที่แทบจะต้องท่องมาเป็นformat เดียวกันในเวิธีการตรวจเช็คเครื่องยนตร์ด้วยตนเอง หากว่ามีการเปลี่ยน
อะไหล่ เจ้าหน้าที่ก้อจะมีรถเข็นตั้งไว้ข้างตัวรถ เพื่อวางอะไหล่เก่าให้เจ้าของเห็น และชี้แจงตรงจุดที่เสื่อมคุณภาพ
และเมื่อนำรถออกมาแล้วประมาณ 3-4 วัน จะมีเจ้าที่ลูกค้าสัมพันธ์โทรมาสอบถามถึงอาการรถ และคุณภาพการบริการ
ทุกครั้ง เท่าที่ทราบจะมีการบันทึกข้อมูล โดยเฉพาะการที่ลูกค้า complain พนักงานบริการ พิมพ์ติดประกาศที่บอร์ดให้
พนักงานทุกคนในศุนย์นั้นๆ รับทราบโดยทั่วกัน และล่าสุด!!! เมื่อสัปดาห์ก่อน เรารู้สึกว่ารถจะมีปัญหาที่ระบบไฟ
เนื่องจากกระจกไฟฟ้าไม่เลื่อนขึ้นออโต้ และวิทยุกระตุกไปชั่วขณะ ตั้งใจว่าวันรุ่งขึ้นจะนำไปเช็ค แต่พอรุ่งเช้ารถสตาร์ท
ไม่ติด ต้องจั้มพ์แบต เลยนำรถเข้าศูนย์ฯ เจ้าหน้าที่แจ้งว่าแบตฯเสื่อมสภาพแต่เราเคยนำรถเข้าศูนย์ฯเดิม เพื่อเช็คอาการ
เดียวกันนี้ เมื่อเดือน ม.ค. 51 และแบตฯ นั้นได้ทำการเปลี่ยนมาจากศูนย์เดิม ตั้งแต่วันที่ 4 พ.ย. 50 เมื่อช่างตรวจ
สอบยังแน่ใจแล้วว่าเป็นที่ตัวแบตฯ เลยโทรแจ้งเราที่ออฟฟิศ เพื่อให้ได้รับกายืนยันว่าจะเปลี่ยนหรือไม่ ? เราเลยอธิบาย
เรื่องดังกล่าวให้กับช่าง ปรากฏว่าทางศูนย์Honda ทั้ง 2 ศุนย์ ซึ่งต่างดีลเลอร์ ได้ติดต่อประสานงานกันและจัดส่งข้อมูล
รถเราทางแฟกซ์ ถ้าจำไม่ผิดวันนั้นตรงกับวันที่ 21 ต.ค. 51 และเพียงไม่กี่วันก้อจะครบ 1 ปี นับจากวันที่เปลี่ยนแบตฯ
ซึ่งน่าจะพอๆกับอายุการใช้งานของมัน +- นิดหน่อย แต่ทางศุนย์เปลี่ยนให้เราใหม่ ฟรี!!! เท่ากับว่าเราใช้แบตฯ
1 ลูกฟรี เกือบ 1 ปี นอกจากนั้นก้อมีการเปลี่ยนอะไหล่บางชิ้นที่เสื่อมคุณภาพ โดยพนักงานบริการมักจะคอยแนะนำ
เสมอหากไม่จำเป็น อาทิเช่น การล้างตู้แอร์ หลายๆคนคงเคยเจอกับการนำเสนอ ส่วนที่นี่แม้เราจะเป็นคนเอ่ย เพราะ
เคยล้างจากศูนย์ฯเดิมแต่จะได้รับคำแนะนำว่า ไม่จำเป็นตราบใดที่แอร์ยังเย็นอยู่ สิ้นเปลืองเปล่าๆ โดยเฉพาะใคร
ที่มักบอกว่าศูนย์บริการ มักจะเปลี่ยนอะไหล่หลายๆชิ้น อาจจะเสียจิงหรือไม่จิงว่ากันอีกเรื่อง แต่คงใช้ไม่ได้กับศูนย์นี้
เพราะตลอด 3 อาทิตย์ที่ผ่านมา เราเอารถเข้าศูนย์ทุกอาทิตย์ ในอาการที่ไม่เหมือนกัน และทุกครั้งก้อทำการเปลี่ยน
อะไหล่ ไม่ว่าจะเป็นผ้าเบรค สายผ่าน
แม่ปั้มเบรค เติมน้ำมันเบรค
จนล่าสุดต้องบอกกับเจ้าหน้าที่ว่า ช่วยเช็คให้ครบ
ทุกอย่างที่เถอะ จะบวกค่าแรงเพิ่มก็ไม่ว่า แต่ไม่อยากเสียเวลามาที่ศุนย์แล้ว เพราะรู้สึกว่าเราแจ้งอาการไปแค่ไหน
จะตรวจเช็คเพียงแค่จุดนั้น และบริเเวณใกล้เคียง แต่ก้อทำใจในระดับนึง เมื่อคำนึงถึงอายุการใช้งานของรถด้วย
โดยปกติรถยนตร์ทั่วไป จะมีอายุการใช้งานเพียงแค่ 5 ปี และหลังจากนั้นจะมีทั้งการเปลี่ยนอะไหล่ ซ่อมบำรุงอื่นๆ
ตามมาอีกมากมาย ลองสังเกตุจากหลักการบัญชีที่สามารถหักค่าเสื่อมราคา รถยนตร์ที่จดทะเบียนนิติบุคคล
เพียง 5 ปี หลังจากนั้นจะนำขายทอดตลาดในราคาถูก รถเราก้อเช่นกันครบ 4 ปี เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำใจเลยว่า
ปีหน้าคงต้องบำรุงรักษามากกว่านี้อีก ก่อนซื้อรถคันนี้ ตั้งใจว่าจะใช้เพียงแค่ 5 ปีเท่านั้นเพราะไม่อยากต้องเสียทั้ง
เงินและเวลาในเอารถเข้าซ่อมบำรุง แต่มั่นใจว่ารถคันต่อไปในอีก 1 ปีข้างหน้า ยังต้องเป็นยี่ห้อ Honda เช่นเดิม
ดังนั้นจึงขอฝากกับ จขกท. และผู้ใช้รถทุกท่านนะคะ อย่าโทษที่ตัวยี่ห้อ หรือ ผู้ผลิตเลย เชื่อว่ารถทุก
ยี่ห้อมีปัญหาด้วยกันทั้งสิ้น ยิ่งถ้าอายุการใช้งานเพิ่มมากขึ้น มันก้อต้องเสื่อมไปตามกาลเวลาค่ะ หากคิดจะซื้อรถ นอกจาก
ต้องมีค่าน้ำมันแล้ว ควรจะคำนึงค่าบำรุงรักษาด้วย รถ ก้อมีแต่ ลด...ลด...ลด...เงินในกระเป๋าของเจ้าไปด้วยค่ะ ปล. ทั้งนี้ทั้งนั้น อย่าเข้าใจผิดว่าเราเป็นพนักงานหรือเจ้าของดีลเลอร์ ซึ่งมีส่วนได้ส่วนเสียกับทาง Honda แต่อย่างใด
เราเป็นคนๆนึงที่รับบริการจากศูนย์Honda มาตลอด 4 ปีเต็ม เลยอยากถ่ายทอดประสบการณ์ของตนเอง ทุกอย่าง
เกิดขึ้นจริง เพื่อให้เห็นอีกมุมนึงของการบริการเท่านั้น