Falling in Love at Samui & Mu Ko Angthong national park

ทริปนี้เป็นทริืปสงกรานต์ของ http://www.travelrouteclub.com พาไปเที่ยว เกาะสมุย และหมู่เกาะอ่างทอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี

ออก เดินทางจากกรุงเทพฯ เย็นวันศุกร์ที่ 9 เมษายน กลับถึงกรุงเทพฯ เช้าวันพุธที่ 14 เมษายน พวกเราออกเดินทางด้วยรถตู้อันแสนสะดวกสบายของทีมงานเช่นเคย

ทริปนี้ออกเดินทางกัน 6 คน แล้วมีสมาชิกตามมาสมทบด้่วยการนั่งเครื่องบินมาลงเกาะสมุยเลย เนื่องจากติดภาระกิจเรื่องงานกระทันหันกัน ก้อเลยต้องยกนิ้วให้เรื่องสปริตอันแรงกล้าของลูกทริปผม

พวกเรามาเช้า กันที่ ท่าเรือซีทรานเฟอร์รี่ ดอนสัก ตอนประมาณ 6 โมงเช้า ซึ่งผมได้จองเที่ยวเรือไว้ตอนเจ็ดโมงเช้า มันก้อเลยมีเวลาเหลือ ผมเลยพาสมาชิกลูกทริปไปทานอาหารเช้ากันก่อน อาหารที่ท่าเรือสะอาด รสชาติใช้ได้ ราคาไม่แพงเลย ลองทานก๋วยเตี่๋ยวดูนะครับ อร่อยดี

การ จัดการเรื่องตั๋วของซีทรานเฟอร์รี่ต้องบอกเลยว่าดีมากๆ ตั๋วใช้ระบบสแกนทั้งหมด เรือที่ใช้ก้อค่อนข้างใหม่ เท่าที่รู้ดีกว่า ราชาเฟอร์รี่

เบอร์ติดต่อสำหรับการจองตั๋วล่วงหน้า 077-251555 แต่ช่วงวันหยุดเทศกาลไม่รับจองนะครับ ต้องมารอคิว

ท่าเรือซีทรานเฟอร์รี่

รูปนี้ถ่ายจากบนเรือเฟอร์รี่ ที่ออกเดินทางจากดอนสักมาที่เกาะสมุยครับ

สาวผู้น่ารัก สมาชิกร่วมเดินทางคนหนึ่งของทริปนี้

เรือเฟอร์รี่ ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 1.30 ชั่วโมง สำหรับการข้ามมายังเกาะสมุย

หลังจากนั้น ผมก้อนำสมาชิกมายัง ที่พัก ที่ผมได้เตรียมไว้ คือ พี เฉวง เกสเฮ้าส์ ที่พักราคาประหยัด สะอาด ที่หาดเฉวง แต่ไม่ติดริมหาดนะครับ

รายละเอียดสำหรับการติดต่อ http://www.pchaweng.com/

หลังจากนั้นผมก้อปล่อย ให้ทุกคนได้พักผ่อน อาบน้ำ กัน เนื่องจากเหน็ดเหนื่อยมาจา่กการเดินทางตลอดทั้งคืน

เสร็จ แล้ว พวกเราก้่อมีนัดกันตอนเวลา 11 โมงเช้า เพื่ออกไปทา่นอาหารกลางวันกัน มื้อแรก ผมจะพาไปทานขนมจีนชื่อดังของเกาะสมุย นั่นคือ ขนมจีนป้าไมตรี อยู่ ซอยแม่น้ำ 4 ข้างวัดภูเขาทอง หาไม่ยากเลย แต่ต้องสังเกตป้ายหน่อย ระวังขับรถเลย จากปากซอย อยู่ซ้ายมือ

ป้าที่กำลังตักขนมจีนอยู่ ไม่ต้องบอกก้อน่าจะรู้นะครับว่า เค้าคือป้าไมตรีนั่นเอง

มุมแกงไตปลา ที่เป็นบุปเฟ่ห์ ให้ตักกันได้ตามสบายเลย รูปนี้อาจจะมืดไปหน่อย

หน้าตาของ ขนมจีนน้ำยากะทิ

กินอิ่มกันแล้ว ก้อออกตะเวนเที่ยว เกาะสมุยกันดีกว่า

ที่แรก คือ วัดพระใหญ่

ซึ่งเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธโคดม พระพุทธรูปปางมารวิชัยสูง 12 เมตร

วัด พระใหญ่สร้างขึ้นในปีพุทธศักราช 2515 ทางปลายสุดด้านเหนือของเกาะใกล้กับหาดบ่อผุด ซึ่งเป็นที่เคารพสักระของพุทธศาสนิกชนชาวสมุยจนถึงปัจจุบัน และถือเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดของภาคใต้ ที่ประดิษฐานไว้กลางแจ้งบนยอดเขา พวกเราขับรถยนต์เข้าไปจอดที่บริเวณลาดจอดรถของวัด ไหว้พระพุทธรูปศักดิ์สิทธ์ และพบกับจุดชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามรอบบริเวณองค์พระใหญ่

รอบๆบริเวณองค์พระใหญ่ สามารถมองเห็นสนามบินเกาะสมุยได้เลย แถมเครื่องบินยังบินผ่านศรีษะอีกด้วย

หลังจากนั้น ก้อออกเดินทาง ไปยังวัดปลายแหลม ที่อยู่ใกล้เคียงกัน ถ้าไปสมุยแล้วไม่ได้ไปวัดนี้หละก้อ เหมือนไม่ไปเที่ยวสมุยเลย

อีกมุมหนึ่งครับ

ตัวโบสถ์ตั้งอยู่กลางน้ำครับ

เจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่ตั้งสง่าอยู่กลางน้ำ

อีกมุมกับโบสถ์กลางน้ำครับ

หลังจากไหว้พระทำบุญแล้ว ก้อออกเดินทางไปยัง หินตา หินยาย ที่หาดละไม

หิน ตา หินยาย เป็นหินขนาดใหญ่มหึมาที่ตั้งอยู่ชายทะเล มีรูปร่างคล้ายอวัยวะเพศชายและหญิง ซึ่งเกิดจากปรากฎการณ์ธรรมชาติของหินแกรนิตที่ถูกกัดเซาะโดยน้ำทะเลและความ ร้อนเกิดเป็นโขดหิน

จริงๆ ที่เที่ยวในสมุย มีแยะมากมาย แต่ด้วยการเที่ยวของผมไม่เน้นปริมาณครับ แต่เน้นความสบายๆ ไม่รีบร้อน วันนี้สำหรับสมุยก้อเลยมีเท่านี้ครับ

เช้าวันรุ่งขึ้น พวกเรามีโปรแกรมไปค้างที่ หมู่เกาะอ่างทองกัน โดยผมได้ทำการจองเรือ ของไฮซีบุคกิ้ง ซึ่งเป็นทีมงานที่ผมติดต่อไว้สำหรับทริปสมุยทั้งหมด

เรือ ที่จะออกไปหมู่เกาะอ่างทอง จะออกจาก ท่าเรือหน้าทอน ตอนประมาณ 8.30 น. ซึ่งทุกคนที่จะออกเดินทาง ก้อต้องซื้อแพคเกจวันเดย์ทัวร์ ราคา 1100 บาทต่อท่าน ราคาพร้อมอาหารกลางวันและค่าเข้าอุทยานแห่งชาติ

บนเรือ ตอนเช้า จะมี กาแฟ โอวัลติน ชา ขนมปัง ผลไม้ให้ทานกัน เรือจะใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมง ก้อจะมาถึง เกาะวัวตาหลับซึ่งเป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง

หลังจากที่เรือถึง หน้าอ่าวคา เกาะวัวตาหลับแล้ว จะต้องถ่ายลงเรือหางยาวของ อช เนื่องจากมีแนวปะการังอยู่รอบๆ

เกาะวัวตาหลับ เป็น เกาะที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะอ่างทอง เป็นที่ตั้งของที่ทำการ อช. และบ้านพักที่อยู่ท่ามกลางความร่มรื่นของแมกไม้ หาดหน้าที่ทำการฯ หรืออ่าวคา มีทรายขาวสะอาด น้ำทะเลใสน่าเล่น เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่งดงาม

ด้านล่าง คือ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว สำหรับติดต่อที่พัก เช่าเรือหางยาว เช่าอุปกรณ์ดำน้ำ หรือ ขอข้อมูลสำหรับการท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่้างทอง

เบอร์ติดต่อ อุทยานแห่งชาติบนเกาะโดยตรงคือ 077-280222 อยากทราบอะไรก้อโทรมาเบอร์นีเ้ลยนะครับ

มาเยือนที่นี้่ จะไม่ถ่ายป้ายอุทยานแห่งชาติ ก้อดูจะกะรัยอยู่

ท่าเรือสำหรับการถ่ายโอน นักท่องเที่ยวจากเรือหางยาว เข้าเกาะ โดยมีเจ้าหน้ารักษาความปลอดภัยของ อุทยานฯ ดูแล

ศูนย์ช่วยเหลือผูประสบภัยจากการท่องเที่ยว

ตอนนี้ผมจะพาไำปดูบรรยากาศรอบๆ หน้าหาดกัน ว่าหน้าไปเที่ยวขนาดไหน

เรือหางยาวหลายลำจอดนอนรอ หลังจากเหน็ดเหนื่อยกับการรับส่งนักท่องเที่ยวก่้อนหน้านี้

ถ้าไม่มีเรือคายัค คงไม่ใช่ที่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่้างทอง

อัตราค่าเช่าเรือคายัค กับทางอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง

1 ชั่วโมง ราคา 200 บาท
2 ชั่วโมง ราคา 400 บาท
3 ชั่วโมงขึ้นไป ราคา 500 บาท

ที่เกาะวัวตาหลับ ไม่ได้มีที่เที่ยว แค่หาดทราย และจุดชมวิวนะครับ ยังมี ถ้ำบัวโบกอีก ที่ผมคิดว่าบางคนไปเที่ยวแต่กลับไม่ได้ไปชม

ถ้ำบัวโบก อยู่ห่างจากที่ทำการฯ ไปราว 150 ม. ทางขึ้นชันมาก มีเชือกให้อาศัยเกาะขึ้นไป ถัดจากนั้นเป็นทางเลียบผาที่ร่มรื่น ด้วยต้นไม้ใหญ่ เมื่อถึงปากถ้ำจะมองเห็นหินงอกหินย้อยได้ชัดเจน เพราะ คูหาหน้าถ้ำเป็นเพดานทะลุ มีหินงอกรูปตุ๊กตาจีน หินย้อยรูป ชมพู่ และรูปบัวโบกหรือบัวตูมที่คว่ำลงซึ่งเป็นที่มาของชื่อถ้ำ ปัจจุบันถ้ำบัวโบกเป็นถ้ำตาย ไม่มีการก่อตัวของหินงอกหินย้อยแล้ว

วันแรกที่ เกาะวัวตาหลับก้อผ่านไปด้วยดี ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวนิดหน่อย

วันที่สองที่ เกาะวัวตาหลับ ตื่นเช้ามา ก่อนลูกทริปจะตื่น ผมกับสมาชิกทริปบ้างคนที่ชอบถ่ายภาพ เลยออกมาถ่ายรูปแสงแรกยามเช้า หน้าเกาะซะหน่อย เกาะวัวตาหลับ เป็นมุมที่ถ่ายพระอาิทิตย์ยามเช้าสวยดีครับ เพราะมีต้นมะพร้่าวด้วย ทำให้ดูเป็นเรื่องราว

บรรยากาศแสงแรกยามเช้าหน้าหาดที่อ่าวคา

เช้าวันนี้พวกเราเจอ ค่างแว่นถิ่นใต้ มีรูปร่างเหมือนลิงสีดำใส่แว่นสีขาว แต่หางยาวกว่า ที่ทุกวันจะพากันลงมาหากินบริเวณใกล้ๆ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ให้นักท่องเที่ยวได้ดูอย่างใกล้ชิด ลองดูภาพซิครับ แล้วจะเห็นความน่ารักของพวกเขา

หลังจากทำธุระ กันเรียบร้อยแล้ว ผมได้เตรียมเรือหางยาว เพื่อออกเดินทางไป เที่ยวตามเกาะต่างๆ ของ หมู่เกาะอ่างทอง

ราคาสำหรับการเช่าเรือ

เวลา 08.00-12.00 น. ราคา 1500 บาท
เวลา 13.00-17.00 น. ราคา 1500 บาท
เวลา 09.00-16.00 น. ราคา 3000 บาท

ช่วงหน้าเทศกาล จะไม่รับการเช่าเรือนะครับ เนื่องจาก ทางอช. ต้องเตรียมไว้สำหรับการรับส่งนักท่องเที่ยวจากเรือใหญ่

หลังจากทานอาหารเช้ากันเรียบร้อยแล้ว พร้อมเตรียมอาหารกลางวันด้วย พวกเราก้อออกเดินทางไปยัง เกาะท้ายเพลา ซึ่งตั้งอยู่ด้านเหนือ มีหาดทรายสวยงาม สามารถดำน้ำชมปะการังได้ และนักท่องเที่ยวนิยมมาพายคายัคเล่น ซึ่งบริการโดยบริษัททัวร์

สำหรับ นักท่องเที่ยวท่านใดที่ เคยไปดำน้ำ แถว สิมิลัน สุรินทร์ หลีเป๊ะ ก้ออย่าได้คาดหวังว่าจะเทียบได้นะครับ เอาเป็นว่าแบบสนุกสนานดีกว่า บางครั้งเราได้ออกมาเที่ยว มันก้อทำให้เราลืมเรื่องราว

หลังจากนั้น ออกเดินทางต่อมายัง เกาะสามเส้า ซึงเป็นเกาะขนาดใหญ่ที่มีประติมากรรมของธรรมชาติสวยงามมากคือ สะพานหินธรรมชาติที่ยื่นโค้งออกไปในทะเล นอกจากนี้ยังมีปะการังสวยงามน่าชม

เรือคายัค จอดรอนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่ชอบมาเช่าพายเรือเล่น

เรือหางยาว จอดรอรับพวกผมอยู่ ว่าเมื่อไหรจะเคลื่อนพล

นั่งเล่น กินขนม หลับบ้าง สบายๆ ก้อลองเดินไปดู ฟอสซิลไม้ ที่อยู่บริเวณเกาะสามเส้าแห่งนี้ ระยะทางประมาณ 280 เมตร แต่ขอบอก ทางเต็มไปด้วยหินแหลมคมมากมาย ถ้าพลาดหกล้มคือเวอะเลย

รูปด้่านล่างคือ อ่าวที่อยู่บริเวณ ฟอสซิลไม้กลายเป็นหินครับ ผมถ่ายจากกะเตงของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ ที่เอาไว้ดูเรือประมงที่เข้ามาลอบอวนปลา หรือ สัตว์น้ำครับ บรรยากาศ ลมมันเย็นน่านอนเหลือเกิน

ความตั้งใจของวันนี้ก่อนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า คือการได้มาถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกครับ ผมก้อเลยต่้อเวลาเช่าเรือออไปจากเวลาที่กำหนด เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ หลังจากที่ออกจากเกาะสามเส้า พวกผมก้อแวะดำน้ำ ตามเกาะต่างๆมาเรื่อย มาจบที่อ่าวด้านหนึ่งของ เกาะวัวตาหลับ คือ อ่าวม่อง

แต่ช้าก่อน เมื่อมาถึง พวกเราต่างคน ต้องเก็บขยะตามหน้าหาด เพื่อช่วยเหลือสังคม และให้ลูกหลานได้ดูชายหาดที่สะอาด และพวกเราก้อไม่อยากเห็นหาดเหล่านี้ เป็นเหมือน สวนสน หาดแม่รำพึง

อ่าวม่อง เป็นอ่าวที่ดูพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม ชายหาดสวยงาม ทรายขาวเนียน เงียบสงบ ผมว่าจำนวนไม่น้อยสำหรับนักท่องเที่ยวไม่ได้ไปเยือนที่นี่

รูปนี้คือรองเท้าต่างข้างต่างคู่ที่พวกเราเก็บได้ ก้อเลยนำมาถ่ายเป็นที่ระลึก ก่อนนำไปทิ้งที่อุทยานแห่งชาติ

ลองคิดดูแล้วกัน ถ้าไปเที่ยวกับคู่รัก แล้วถ่ายรูปตอนพระอาทิตย์ตก คงจะมีความสุขไม่เบา

หลังจากนั้น เมื่อพระอาทิตย์หมดแสง พวกเราก้อเดินทางกลับเข้าที่พัก ที่อุทยานแห่งชาติ เตรียมทานอาหารเย็น อันแสนอร่อยของพวกเรา

สำหรับเพือนๆ ที่ไปค้างที่ เกาะวัวตาหลับ ถ้าต้องการทานอาหารทะเล โทรสั่งนะครับ เพราะของทุกอย่าง ครัวต้องสั่งมาจากเกาะสมุย เราจะคาดการณ์ไม่ได้เลยว่าวันนี้จะได้ทานอะไร

มื้อเย็นวันนี้ ทานกันพุงกางไปเลย อิ่มกันถ้วนหน้า

เช้า วันที่สามบนเกาะ วันสุดท้ายของพวกเรา หลังทานอาหารเช้าแล้ว กิจกรรมแรกคือ การเดินขึ้นจุดชมวิวทิวทัศน์ของเกาะวัวตาหลับ

จุดชมวิวเกาะวัวตาหลับ ระยะทางประมาณ 500 เมตร เป็นจุดชมวิวที่สวยงามที่สุดในอ่าวไทย สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางราว 222 ม ซึ่งเป็นทางลาดชัน ต้องจับเชือกตลอดการเดินเท้าครั้งนี้ ระยะทาง 150 เมตรสุดท้าย เป็นหน้าผา หินคมตลอด ต้องจับเชือกตลอดเลย

นักท่องเที่ยว สามารถนำน้ำดื่มขึ้นไปทานได้ แต่ต้องมัดจำค่าขวดๆละ 20 บาท เพื่อต้องการให้นักท่องเที่ยวนำกลับมาทิ้งด้านล่าง การเดินทางใช้เวลาไปกลับประมาณ 2 ชั่วโมง ตอนลงจากจุดชมวิว สามารถนำขวดน้ำมาแลกเงินคืนได้

รูปนี้เป็นจุดชมวิวที่ ระยะทาง 150 เมตรจากด้านล่าง

อากาศวันนี้ร้อนมากนัก แต่ฟ้าไม่แจ่มเลยครับ

เดินไป ก้อดื่มน้ำไป เป่าปากไป สงสัยผมจะแก่แล้ว ช่วง 100 เมตรสุดท้าย จะต้องปีนป่ายหินที่เป็นร่องลึกและมีแง่คมมาก ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะ อาจเกิดอันตรายได้ง่าย และแล้วก้อมาถึงซะที ด้านบนของจุดชมวิว จะมีระเบียงให้ยืนชม แต่สามารถรองรับน้ำหนักได้แค่ 20 คน เมื่อขึ้นไปถึงจุดชมวิวจะมองเห็นทัศนียภาพของหมู่เกาะอ่างทองที่ทอดตัวเป็น แนวยาว ทั้งเกาะขนาดใหญ่อย่าง เกาะแม่เกาะ เกาะสามเส้า เกาะหินดับ และเกาะเล็กเกาะน้อยที่มีรูปลักษณ์ต่าง ๆ กัน เรียงรายอยู่ท่ามกลางท้องทะเล สีคราม ดูงดงามตระการตา

จุดชมวิวทิวทัศน์ของเกาะวัวตาหลับ จุดหมายแห่งการเดินทางมาหมู่เกาะอ่างทองคือที่นี่ เป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ที่ติดอันดับต้นๆ ของเมืองไทยทีเดียว

จริงๆ ยังมีจุดที่สูงกว่าอีก แต่เจ้าหน้าที่ห้ามปีนขึ้น เนื่องจากไม่ปลอดภัย

หลังจากดูดดื่มกับบรรยากาศ บนจุดชมวิวเรียบร้อยแล้ว พวกผมก้อต้องรีบลงมา เนื่องจากต้องออกเดินทางกลับแล้ว เดียวจะตกเรือซะ

ที่ทำการแห่งนี้ มีห้องน้ำมากมาย สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาค้างคืน หรือมาเช้ากับเย็น

ช่วงเที่ยงวันนี้หน้าหาดเต็มไปด้วยเรือคายัคมากมาย

ก่อนจะอำลา เกาะวัวตาหลับ ก้อขอถ่ายรูปหมู่กันซะหน่อย เอ้า เฮ้..เฮ้

เมื่อเดินทางขึ้นเรือของไฮซี แล้ว พวกเราก้อทานอาหารกลางวันบนเรือกัน อร่อยไม่เบา หลังจากนั้นเรือก้อเล่นออกมายัง เกาะแม่เกาะ พวกเราจะดูทะเลในกันครับ

เมื่อถึงชายหาดจะเห็นทางขึ้นเป็นบันไดและ สะพานไม้ลัดเลาะไปตามซอกเขา ใช้เวลาเดินราว 15 นาทีจะถึงจุดชมวิวทะเลในจุดแรก เดินต่อไปจะมีทางแยกให้เลือกว่าจะลงไปที่สระมรกตหรือ ขึ้นสู่จุดชมวิวชั้นบนสุด จุดพักชมวิวชั้นบนสุดเป็นศาลาไม้หลังคามุง กระเบื้อง มองเห็นทะเลเปิดที่อยู่อีกฟากของเขาหินปูน และทะเลในกว้างใหญ่อยู่กลางหุบเขา มีผาสูงชันโอบล้อมเป็นวงรีอยู่โดยรอบ

ทะเลในมีเส้นผ่านศูนย์กลางกว้าง 250 ม. ยาว 350 ม. ลึกประมาณ 7 ม. มีพื้นที่ 41 ไร่ สันนิษฐานว่าเกิดจากการยุบตัวของหลังคาถ้ำหินปูนใต้ดิน ต่อมามีน้ำขังอยู่ภายในทำให้หลุมยุบนั้นกลายเป็นทะเลสาบ และมีอุโมงค์ใต้น้ำเชื่อมต่อกับทะเลด้านนอก ทำให้ระดับน้ำของทะเลในเท่ากับระดับน้ำทะเลภายนอก แต่สีของน้ำทะเลต่างกัน เพราะทะเลในท้องน้ำตื้นและมีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทราย

จากมุมอีกมุมหนึ่งครับ

เมื่อได้เวลาอันสมควร แล้ว เรือก้อออกเดินทางกลับเข้าเกาะสมุย เรือใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมง จากเกาะแม่เกาะ ถึง ท่าเรือหน้าทอน เกาะสมุย หลังจากนั้น พวกผมก้อต่อเรือเฟอร์รี่ข้ามฝั่งไปดอนสักเลย เที่ยวที่จะทันคือ เที่ยวหกโมงเย็นนะครับ

ระหว่างทาง ได้เห็นพระอาทิตย์ตกด้วย สุดแสนจะบรรยาย และโรแมนติค

ผมขอปิดฉากสำหรับกระทู้นี้ ด้วยรูปพระอาทิตย์ตก ที่ถ่ายจากบนเรือเฟอร์รี่ ก้อแล้วกัน

ไม่ได้ไปสมุยมานานแล้ว เห็นแล้วคิดถึง q*021

น่าไปมากเลยครับ

ร่ำรวยกันจังนะครับเที่ยวกันจังนะช่วยออกค่าเทอมให้ผมหน่อยครับจะไม่ลืมพระคุณเลยครับ0879794552นะครับติดต่อผมด้วยขาดทุนผมเกิดมาจนแต่อยากเรียนครับผม

ท่านสามารถเดินทางจากกรุงเทพ-สมุย ได้อีกทางที่ถูกกว่า
ราคารถบัส+เรือไปสมุย 650บาท
กรุณาติดต่อสอบถามและสำรองที่นั่งได้ที่ GREEN HOUSE AGENCY คุณปลา-คุณเก๋
www.greenhousebkk.com E-mail travel@greehousebkk.com
เบอร๋โทร 02 6295881 Fax 02 6295880

กระทู้ฮอตในรอบ 7 วัน