หาข้อมูลใหม่ล่าสุดมาให้อ่านกันค่ะ
วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก
ความสำเร็จจากการค้นพบสาเหตุและวิทยาการของการแพทย์สมัยใหม่ ได้นำมาสู่การพัฒนาเป็นวัคซีนชนิด 4 สายพันธุ์ (6,11,16,18) ที่ช่วยลดโอกาสในการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้ถึง 70-80% ในส่วนที่เป็นผลมาจากการติดเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่สำคัญ โดยองค์การอาหาร และยาแห่งสหรัฐอเมริกา (US FDA) และ ยุโรป (EMA) ได้ให้การรับรองว่าวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกนี้มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกที่เกิดจากเชื้อ HPV สายพันธุ์หลักเหล่านี้ได้ 100% ถ้าหาได้รับวัคซีนก่อนที่จะมีการติดเชื้อ นอกจากนี้ วักซีนดังกล่าวยังสามารถป้องกันการติดเชื้อ HPV ชนิดที่ไม่มีผลต่อการเกิดมะเร็ง แต่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคหูดหงอนไก่ที่อวัยวะเพศได้อีกด้วย
ด้วยประสิทธิภาพในการป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูก (Cervical cancer) มะเร็งช่องคลอด (Vulva cancer) มะเร็งปากช่องคลอด (Vaginal cancer) มะเร็งที่คอมดลูก (Adenocarcinoma in situ) รวมทั้งโรคหูดอวัยวะเพศ (Genital wart) ทำให้วัคซีนมะเร็งปากมดลูกชนิด 4 สายพันธุ์ (6,11,16,18) นี้ ได้รับการยอมรับและผ่านการอนุมัติการใช้แล้วในประเทศไทย และกว่า 120 ประเทศทั่วโลกนอกจากนี้ในประเทศชั้นนำอย่างออสเตรเลีย แคนาดา ฝรั่งเศษ และบางรัฐของสหรัฐอเมริกา ยังได้ประกาศให้วัคซีนนี้เป็นภาคบังคับ สำหรับเด็กหญิงและผู้หญิงในช่วง อายุ 9-26 ปี และในอเมริกาเองยังได้อนุมัติให้มีการใช้วัคซีนชนิดสี่สายพันธุ์ได้ในชายอายุ 9-26 ปี
ข้อมูลล่าสุด, 25 มิถุนายน 2553 มีประกาศจากองค์การอาหารและยากลุ่มประเทศยุโรป (CHMP/EMA) แถลงการ์ณเบื้องต้น (positive opinion) รับรองการให้วัคซีนชนิดสี่สายพันธุ์ในสตรีอายุ 26-45 ทำให้ ณ ปัจจุบันนี้ วัคซีนชนิดสี่สายพันธุ์จึงมีข้อมูลยืนยันจากองค์การอาหารและยาระดับโลกว่าสามารถใช้วัคซีนได้ในสตรีอายุตั้งแต่ 9-45 ปี และมีข้อมูลยืนยันถึงประสิทธิภาพที่สูงในการป้องกันโรคทั้งในสตรีกลุ่มที่เคยและยังไม่เคยมีเพศสัมพันธุ์มาก่อน เนื่องจากมีข้อมูลยืนยันว่าสตรีที่มีโอกาสติดเชื้อ HPV ครบทั้งสี่สายพันธุ์นั้นมีน้อยกว่า 0.1% และส่วนใหญ่ในสตรีที่มีเพศสัมพันธุ์แล้วจะมีโอกาสในการติดเชื้อเพียงชนิดเดียว จึงเป็นที่แน่ใจได้ว่าถึงแม้สตรีดังกล่าวจะมีเพศสัมพันธุ์มาแล้ว การได้รับวัคซีนก็ยังให้ประโยชน์สูงสุดในการป้องกันกับสายพันธุ์ที่ยังไม่เคยติดมาก่อน และล่าสุดยังพบว่าสามารถป้องกันการเกิดโรคใหม่ในกรณีที่เคยรับการรักษามาแล้วอีกด้วย ปัจจุบันวัคซีนชนิดสี่สายพันธุ์นี้มีการใช้แล้วทั่วโลกมากถึง 61 ล้านโดส
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกแล้วการตรวจพบเป็บสเมียร์ PAP SMEAR อย่างสม่ำเสมอก็เป็นเรื่องที่สูติ-นรีแพทย์ ยังคงแนะนำให้ปฏิบัติอยู่ในส่วนของเชื้อ HPV เฉพาะสายพันธุ์ที่เป็นสาเหตุหลัก 70-80% ของการเกิดมะเร็งปากมดลูก ในขณะที่เราอาจจะยังมีโอกาสติดเชื้อ HPV ในสายพันธุ์อื่น ๆ อีก 20-30% ที่อาจมีผลต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้เช่นกัน
การป้องกันเพื่อห่างไกลจากมะเร็งปากมดลูก โดยมีข้อแนะนำดังนี้
1.หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธุ์ตั้งแต่อายุน้อย จากพฤติกรรมของการมีเพศสัมพันธ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในยุคปัจจุบัน
2.ควรจะให้ความสำคัญกับการตรวจคัดกรองมะเร็งมากมดลูกที่เรียกว่า"แป็บสเมียร์" (Pap Smear) ซึ่งปัจจุบันสามารถทำได้อย่างสะดวกและรวดเร็วโดยควรที่จะรับการตรวจเป็นประจำทุก ๆ ปี เพื่อให้เราทราบว่า เซลล์บริเวณปากมดลูกมีลักษณะการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติหรือไม่
3.การฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกร่วมกับการตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอ
วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกนี้ ต้องฉีดกี่เข็มและจะป้องกันได้นานเท่าไหร?
คุณจะต้องได้รับวัคซีนทั้งหมด 3 เข็ม ภายในระยะเวลา 6 เดือน โดยฉีดเข็มแรกแล้วจึงฉีดเข็มถัดมาในเดือนที่ 2 จากนั้น จึงฉีดเข็มสุดท้ายในเดือนที่ 6 สำหรับวัคซีนชนิดสี่สายพันธุ์ของบริษัทเอ็มเอสดี สามารถ ปรับตารางการฉีดได้ โดยหากสามารถฉีดวัคซีนให้ครบสามเข็มภายในระยะเวลา 1 ปี หรือ ปีกว่า ๆ ก็ยังได้ประสิทธิภาพในการป้องกันไม่ต่างกับผู้ที่ฉีดแบบ 0, 2 และ 6 เดือน
จากข้อมูลการศึกษาได้มีงานวิจัยตีพิมพ์เพื่อแสดงให้เห็นว่า ภูมิคุ้มกันจากวัคซีนชนิดสี่สายพันธุ์ของบริษัทเอ็มเอสดี จะอยู่ได้อย่างน้อย 30 ปี ทั้งนี้ปัจจุบันการศึกษาระยะเวลาของการป้องกันยังดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ได้มีการศึกษาเพื่อพิสูจน์แล้วว่าวัคซีนชนิดนี้สามารถทำให้ร่างการมีภูมิจำทำให้มีแนวโน้มว่าอาจไม่ต้องฉีดกระตุ้นซ้ำเหมือนในวัคซีนป้องกันตับอักเสบบี
ข้อมูลอ้างอิง
http://www.cdc.gov/STD/hpv/STDFact-HPV-vaccine-hcp.htm
http://www.fda.gov/biologicsbloodvaccines/vaccines/approvedproducts/ucm094042.htm
http://www.ema.europa.eu/pdfs/human/opinion/Gardasil_41207510en.pdf
http://apps.who.int/hpvcentre/statistics/dynamic/ico/country_pdf/THA.pdf