มหกรรมศิลปะการแสดงและดนตรีนานาชาติ
ฉลองครบหนึ่งรอบด้วยการแสดงสุดยิ่งใหญ่กว่า 22 ชุด
“งานมหกรรมศิลปะการแสดงและดนตรีนานาชาติ” ปีที่ 12 ฉลองครบหนึ่งรอบ นำสุดยอดการแสดงและดนตรีดนตรีที่ดีที่สุดจากทั่วทุกมุมโลกถึง 22 ชุด ประกาศความยิ่งใหญ่เพื่อให้เป็นมหกรรมด้านศิลปวัฒนธรรมที่สำคัญแห่งปีของประเทศไทย ระหว่างวันที่ 11 กันยายนถึง 24 ตุลาคม 2553 ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย
โดยการแสดงที่ได้รับเลือกมาประเดิมเปิดงานมหกรรมฯ ในวันที่ 11 กันยายน คือ Prince Igor โอเปราเรื่องเด่นจากรัสเซีย โดยคณะโนโวซิบิร์สก์ โอเปรา เธียเตอร์ สหพันธรัฐรัสเซีย ซึ่งเคยคว้ารางวัล Theatre Golden Mask Award ในสาขาโอเปรามาครองถึง 4 รางวัล ซึ่งรวมทั้งเยฟเกนี โวลินสกี (Evgeny Volynsky) เจ้าของรางวัลวาทยกรยอดเยี่ยม National Theatre Golden Mask Award ซึ่งถือเป็นโอกาสพิเศษที่ผู้ชมชาวไทยจะได้ชมฝีมือการกำกับดนตรีของวาทยกรผู้นี้ที่ไม่ค่อยจะออกแสดงนอกประเทศบ่อยนัก
และพบกับการแสดงของคณะโนโวซิบิร์สก์ โอเปรา เธียเตอร์อีกครั้งในวันที่ 12 กันยายน กับการแสดงคอนเสิร์ต Symphony No.1 ของ แซร์เกย์ โปรโคเฟียฟ (Sergei Prokofiev) Symphony No.9 ของ ลุดวิก ฟาน เบโธเฟน (Ludwig van Beethoven) หลังจากนั้นในวันที่ 13 กันยายน พบกับ La Bohème โอเปราที่นำเสนอเรื่องราวความรักที่หลุดลอยและน่าสะเทือนใจของมิมี หญิงรับจ้างเย็บผ้า และกวีหนุ่มนาม โรดอลโฟ
สำหรับผู้ที่รักในการเต้นรำก็มีการแสดงต่าง ๆ ให้เลือกชมมากมายเริ่มจากการแสดงจากคณะโนโวซิบิร์สก์ บัลเลต์ เธียเตอร์ หนึ่งในสามของคณะบัลเลต์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของรัสเซีย La Bayadère เรื่องราวของนางรำในวิหารนาม นิกิยา และโซลอร์ นักรบผู้กล้าซึ่งเป็นคนรักของเธอ จัดแสดงในวันที่ 15 กันยายน หลังจากนั้นในวันที่ 16 กันยายน พบกับการแสดงเดี่ยวบัลเลต์ Serenade และ Who Cares? โดยจอร์จ บาแลนไชน์ และ Whispers in the Dark โดยเอ็ดวาร์ด เหลียง ส่วนในวันที่ 17 และ 18 กันยายนจะจัดแสดงในเรื่อง Cinderella ที่คีรีลล์ ซิมินอฟ ตีความบทประพันธ์เดิมให้มีความร่วมสมัยมากขึ้น การแสดงชุดนี้เคยได้รับรางวัล National Theatre Golden Mask Award 2007 ในสาขาโปรดักชันบัลเลต์ยอดเยี่ยมมาแล้ว
พลาดไม่ได้กับการแสดงบัลเลต์คลาสสิกที่โด่งดังที่สุดเรื่องหนึ่งของโลกเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดของ Swan Lake โดยคณะซูริก บัลเลต์ จากสวิตเซอร์แลนด์ หนึ่งในคณะบัลเลต์ที่ดีที่สุดของโลกในปัจจุบัน จัดแสดงในวันที่ 22 และ 23 กันยายน ส่วนวันที่ 25 และ 26 กันยายน เป็นการแสดงของคณะนอร์เทิร์น บัลเลต์ เธียเตอร์ จากสหราชอาณาจักร A Christmas Carol บัลเลต์ที่สร้างจากผลงานของชาร์ลส์ ดิกเกนส์ ที่สามารถชมได้ทั้งครอบครัว
และขาดไม่ได้กับลาติน แดนซ์ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของผู้ชมชาวไทยอย่างการเต้นฟลาเมงโก การแสดงในวันที่ 19 กันยายนนี้เป็นของคณะนูโว บัลเลต์ เอสปาญอล จากเมืองมาดริด ประเทศสเปน การแสดงชุด Sangre Flamenco ออกแบบท่าเต้นโดยแองเกล โรจัส และคาลอส โรดริเกซ นักเต้นฟลาเมงโกคู่หูผู้ทรงเสน่ห์ ขณะที่การแสดงชุด Fiesta the Night Away โดย Kings of Salsa คือความมีชีวิตชีวาของการเต้นซัลซาคิวบาแบบร่วมสมัย ที่ผสมผสานสตรีทซัลซาเข้ากับจังหวะแมมโบ้ รุมบ้า และช่ะ ช่ะ ช่าได้อย่างลงตัว จัดแสดงในวันที่ 28 และ 29 กันยายน ส่วนในวันที่ 12 ตุลาคม พบกับ 18 นักเต้นและนักดนตรีคณะเอสเตมปัส ปอร์เตนัส แดนซ์ คอมปานี จากอาร์เจนตินา ในการแสดงสุดร้อนแรงชุด Tango Feeling
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเต้นรำแบบร่วมสมัยมี 2 รายการที่น่าสนใจ ได้แก่ การแสดง Whereabouts Unknown ซึ่งโดดเด่นด้วยแสงเงา ร่างกายที่เปี่ยมด้วยพละกำลัง และหยุดนิ่งมากกว่าเคลื่อนไหว กับการสำรวจตำแหน่งแห่งที่ในการดำรงอยู่ และ The Second Person สะท้อนถึงความหลงใหลของคริสตัล ไพต์ ในการ
สงครามการฉุดยื้อระหว่างการแสดงออกถึงตัวตนของมนุษย์กับการทำตัวให้สอดคล้องกับสังคม โดยคณะเนเธอร์แลนด์ แดนซ์ เธียเตอร์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ คณะนักเต้นร่วมสมัยผู้บุกเบิกระดับแถวหน้า และคอนเทมโพรารีแดนซ์จากบราซิล ในวันที่ 9 ตุลาคม โดยคณะคิสเน เนโกร แดนซ์ คอมปานี ลีลาการเต้นซึ่งมีพละกำลังที่แข็งแกร่ง ท่วงท่าชัดเจน และเทคนิคอันแพรวพราว กับการแสดงเต้นรำร่วมสมัย 4 แบบ 1 องก์ที่ประกอบขึ้นจากผลงานของนักออกแบบท่าเต้นหลายคน
ปิดท้ายด้วยคอนเสิร์ต The Rite of Spring ของ อิกอร์ สตราวินสกี และ Symphony No.1 ของ กุสตาฟ มาห์เลอร์ โดย: คณะอิสราเอล ฟิลฮาร์โมนิก ออร์เคสตรา รัฐอิสราเอล อำนวยเพลงโดยสุบิน เมห์ทา วาทยกรระดับปรมาจารย์ หนึ่งในวาทยกรซึ่งเป็นที่ต้องการตัวมากที่สุดของโลก ที่จะมาสร้างสีสันให้ผู้ชมในเมืองไทยเพียงค่ำคืนเดียว การแสดงให้เห็นถึงพลังสร้างสรรค์อันไม่รู้จบ และความสามารถในการควบคุมวงให้บรรเลงไปตามสกอร์ของบทเพลงที่มีความซับซ้อน ซึ่งจะทำให้ผู้ชมประจักษ์ว่า เหตุใดเขาจึงได้รับการยกย่องให้เป็นตำนานที่มีชีวิต
งานมหกรรมศิลปะการแสดงและดนตรีนานาชาติ ครั้งที่ 12 จัดขึ้นที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โดยบริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล คัลเจอรัล โปรโมชั่นส์ จำกัด และได้รับการสนับสนุนจาก ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) บีกริม โรงแรมดุสิตธานี คิง พาวเวอร์ กรุ๊ป บริษัท โพสต์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) เครือซิเมนต์ไทย บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และการท่องเที่ยวแห่ง ประเทศไทย รายละเอียดการแสดงทั้งหมด สามารถเข้าไปชมได้ที่เว็บไซต์ www.bangkokfestivals.com
ผู้สนใจสามารถจองบัตรเข้าชมการแสดงได้ที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา หรือผ่านทาง Call Center โทร. 0-2262-3456 Hotline 0-2262-3191 หรือทางเว็บไซต์ www.thaiticketmajor.com (ตลอด 24 ชั่วโมง) และมีบริการรถรับ-ส่งฟรีจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินศูนย์วัฒนธรรมฯ ประตูทางออกที่ 1 ระหว่างเวลา 17.30-19.00 น. ของวันที่มีการแสดง
