Blue Valentine ( 3 ดาวครึ่ง )
...............................ผู้สันทัดกรณีล้วนชี้ตรงกันว่า Blue Valentine คือ 500 Days of Summer ของปีนี้ แต่ผมกลับรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้ละม้ายคล้ายกับหนังฝรั่งเศสเรื่อง 5 X 2 ของ ฟรังซัวส์ โอซง มากกว่า ... หนังมีจุดร่วมตรงกันสองอย่างคือ เป็นหนังที่ว่าด้วย สามีภรรยา รักกัน แล้วก็เลิกกัน กับอีกอย่างก็คือ หนังทั้ง 3 เรื่องนี้ได้เข้ามาฉายที่โรงหนัง House Rca เหมือนกัน !! จะว่าไปแล้วแม้ว่าหนังทั้งสามเรื่องนี้จะเป็นหนังดราม่าผัวเมียที่มีความคล้ายคลึงกันอยู่บ้าง แต่มองกันดีๆแล้ววิธีการเล่าของทั้งสามเรื่องนั้นไม่เหมือนกันนะครับ 500 Days เล่าในมุมมองของผู้ชายที่โดนแฟนทิ้ง แล้วก็นั่งนึกย้อนหลังตั้งแต่วันแรกถึงปัจจุบันว่ามันเกิดอะไรขึ้น ส่วน 5 X 2 นั้นเก๋ไก๋ เพราะเล่าตั้งแต่ปัจจุบันที่เลิกกัน แล้วเล่าถอยหลังไปจนถึงอดีตตอนที่พบรักกัน ส่วน Blue ตัดสลับระหว่างปัจจุบันกับอดีต ซึ่งหนังทั้งสามเรื่องนี้ผมสารภาพว่าผมชอบทั้งหมดเลย ~
...............................Blue Valentine เริ่มต้นเล่าเรื่องด้วยฉากหนูแฟรงกี้ ลูกสาววัยประมาณ 5 - 6 ขวบของครอบครัวนี้ตะโกนร้องเรียกหาน้องหมาประจำบ้านที่หายไป ก่อนจะค่อยๆโฟกัสกลับมาที่คุณพ่อและคุณแม่ ซึ่งก็เริ่มโรยๆไปพอสมควรกับภารกิจชีวิตการงานและความเป็นอยู่ จากนั้นก็ค่อยๆเผยให้เรารู้ทีละน้อยๆว่าครอบครัวนี้เป็นอยู่อย่างไร และไปไงมาไงกันมาบ้าง มันก็เหมือนกับครอบครัวของหลายๆคน ที่ผมคิดว่าเกือบๆจะเพอร์เฟคน่ะครับ การใช้ชีวิตแบบสามีภรรยานั้นมันต้องมีการปรับอะไรต่อมิอะไรหลายอย่าง และเชื่อว่าครอบครัวนี้ก็ไม่ต่างจากคนอื่นๆ ที่มีช่วงเวลาดีๆให้กันและช่วงเวลาแย่ๆระหว่างกัน หนังไม่ได้เล่าเรื่องหวือหวาแต่เน้นความสมจริงในทุกรายละเอียดของชีวิตคู่ พวกเค้าเคยรักกันมาก น่าจะเรียกได้ว่ารักแรกพบเลยก็ว่าได้ ต่างคนต่างก็ต้องตาต้องใจกันและกัน ด้วยรูปลักษณ์ที่ผู้ชายหล่อ ผู้หญิงก็สวย แต่ ..
...............................วัฐจักรของชีวิตคู่ ทุกสิ่งไม่มีความแน่นอน และไม่จีรังยั่งยืน ความรักไม่ใช่เรื่องของเหตุผล แต่เป็นเรื่องของอารมณ์และจิตใจ เราไม่สามารถพยากรณ์ความรักได้ บางคนว่ารักแท้มีจริง บ้างก็ว่ารักไม่มีวันตาย แต่ใครจะรู้ว่า " หมดรัก " มันจะเกิดหรือโผล่มาเมื่อไหร่ ? และมีเหตุผลหรืออะไรมาดลใจให้คนเราเกิดความหมดรัก ปราศจากความปรารถนาระหว่างกันและกัน ? บ่อยครั้งที่คนเราหมดรักกันเกิดจากมือที่ 3 หรือว่าการนอกใจ แต่ถ้าต่างฝ่ายต่างก็เป็นคนดี ไม่มีใครมายุ่งเกี่ยว คนเราจะหมดรักกันได้ใหม ? ส่วนใหญ่คงว่า อ้าว ถ้าไม่มีใครมายุ่ง เรื่องเซ๊กส์ก็ดี ลูกก็มี แล้วจะเลิกกันได้ไง คำตอบมันก็คงไม่ต่างจาก แล้วคนเรารักกันได้อย่างไร !! บางทีถึงจะพยายามค้นหาคำตอบเท่าไหร่ เราก็ไม่มีวันทราบและไม่มีวันไขปริศนาแห่งดวงดาวได้ คงได้แต่ทำใจ ปรับตัวให้สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันให้ได้
...............................ภาพยนตร์เรื่องนี้ถือว่าเล่าเรื่องได้ฉลาด สมบูรณ์แบบ และมีความเป็นออริจินัลอย่างสูง เล่าเรื่องแบบดิบๆได้เข้ากับเหตุการณ์ท้องเรื่อง ทุกอย่างดูสมจริงไปหมด ทุกรูปแบบของการดำเนินชีวิตของคู่ผัวตัวเมียถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างน่าเชื่อถือ ไรอัน กอสลิง และ มิเชล วิลเลียมส์ ให้การแสดงได้ในระดับที่วิเศษ เช่นเดียวกับบทภาพยนตร์และงานกำกับของ เดเรค เซียนฟรานส์ ที่บอกได้คำเดียวว่าน่าจดจำและน่าดูเป็นกรณีศึกษามากๆ ฉากรักในหนังถือว่าจำเป็นและส่งผลทางอารมณ์แก่คนดูสูง หนังเก๋ตรงที่ไม่พยายามให้เศร้า ไม่เล่าหดหู่ ไม่มีฟูมฟาย ไม่พยายามบิ๊วท์อารมณ์ให้ดราม่าจ๋า ไม่เอากันตายแบบหัวใจสลาย แต่ไม่มีวินาทีใหนในหนังที่รู้สึกน่าเบื่อ ที่สำคัญเมื่อหนังจบ เราคนดูล้วนรู้สึกช็อคกับสิ่งที่เกิดขึ้น ยิ่งเมื่อใช้เวลาอยู่ในความเงียบต่ออีกสักพัก พอทุกอย่างประมวลผลได้แล้วไซร้ หนังเรื่องนี้อาจจะทำให้คุณสะอื้นให้อยู่เพียงลำพังให้กับ " ชีวิตรัก " ของคุณหรือบางคน
ผู้เขียน
http://www.pandagroup.pantown.com/
S! Movie