เปิดนม แม่ชี เรยา และสไนเปอร์

[เมื่อ:]

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1304584549&grpid=&catid=02&subcatid=0207
โดย ปราปต์ บุนปาน

(ที่มา คอลัมน์สถานีคิดเลขที่ 12 หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับประจำวันที่ 5 พฤษภาคม 2554)

กรณีเด็กสาววัยรุ่น 3 คน "เปิดนม" โชว์ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ก่อให้เกิดเสียงสะท้อนเชิงวิพากษ์ที่น่าสนใจตามมามากมาย

ล่าสุด คือข้อเสนอของ อ.นิธิ เอียวศรีวงศ์ ที่ว่า "นมผู้หญิง" นั้นเป็นสิ่งที่คนไทยคุ้นเคยกันอยู่แล้วในชีวิตจริง

ทว่า ความคุ้นเคยดังกล่าวกลับไป "ขัดขืน" หรือกระทั่ง "ล่วงละเมิด" ต่อวัฒนธรรมไทยตามอุดมคติของชนชั้นนำ ที่ทำงานผ่านกลไกอำนาจเชิงสังคมและกฎหมาย

เพื่อผดุงโครงสร้างอำนาจอันไม่เท่าเทียมเอาไว้

อาจกล่าวได้ว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นจากกรณี "เปิดนม" มีที่มาจากการปะทะกันระหว่าง "คุณค่า" หรือ "ความเชื่อ" ทางวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน

ซึ่งไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการผูกขาดอำนาจในการนิยาม "วัฒนธรรม" ไว้ที่ผู้มีอำนาจหรือชนชั้นนำกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

เช่นกันกับกรณีคำสอนเรื่อง "การแก้กรรม" ของแม่ชีทศพร เทวาพิทักษ์ธรรม หรือกรณีความห่วงใยในเนื้อหาของละครโทรทัศน์เรื่อง "ดอกส้มสีทอง"

ซึ่งแรกๆ ดูเหมือนกระทรวงวัฒนธรรมที่ออกมาเล่นบท "คุณพ่อรู้ดี" คอยเฝ้าระวัง "หลักคำสอนแท้จริง" ทางพุทธศาสนา และ "ชีวิตครอบครัวอันดีงาม" ตามอุดมคติชนชั้นกลาง จะกลายเป็น "พระเอก"

แต่สุดท้าย "พระเอก" ก็ยังต้องถูกตั้งคำถาม เมื่อเขากำลังใช้ชีวิตอยู่ในสังคมไทยปัจจุบันที่มีความหลากหลายทางความคิดความเชื่อ

ทั้งคำถามที่ว่า ทำไมกระทรวงวัฒนธรรมจึงพยายามใช้อำนาจของตนเองไปปิดทับ กีดกัน หยุดยั้ง ความเชื่ออื่นๆ ที่ผิดแผกไปจากความเชื่อหลักในสังคม

แทนที่จะเปิดพื้นที่ให้การถกเถียง วิพากษ์วิจารณ์ และตรวจสอบความเชื่อที่หลายคนเห็นว่างมงาย (แต่อีกหลายคนก็เชื่ออย่างนั้นจริงๆ) อย่างมีเหตุผล

หรือถ้ามีการหวั่นวิตกว่า "ดอกส้มสีทอง" จะส่งผลกระทบต่อเยาวชนผู้ดูละครจริงๆ

สิ่งที่ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบควรทำ คงไม่ใช่การแบนละคร เร่งให้ละครจบเร็วขึ้น หรือบีบผู้จัดและสถานีด้วยวิธีการต่างๆ

แต่ต้องช่วยเปิดเวทีในการวิพากษ์วิจารณ์ ถกเถียง และเพิ่มเติมความคิดหรือความรู้หลากแง่มุม ซึ่งเท่าทันต่อความสลับซับซ้อนของสังคม ให้แก่เยาวชนเหล่านั้นใช่หรือไม่

การครอบงำผูกขาดทางวัฒนธรรม ผ่านการเฝ้าระวัง การแบน การห้าม อาจเป็นเครื่องมือล้าสมัยไปแล้วในยุคนี้

เพราะแค่มีการ "ปิดพื้นที่" และพยายามผูกขาดความคิดทางการเมืองมา 4-5 ปี สังคมไทยก็ยังย่ำแย่หนัก

หากจะมา "ปิดพื้นที่" และใช้อำนาจผูกขาดทาง "วัฒนธรรม" ซึ่งเป็นเรื่องใกล้ตัวผู้คนมากกว่า และไวต่อความเปลี่ยนแปลงมากกว่า สังคมไทยก็คงจะยิ่งพังไปกันใหญ่

ขออนุญาตยืมวรรคทองล่าสุดของ อ.นิธิ มานำเสนอซ้ำอีกครั้งว่า ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในสังคมไทย จน "วัฒนธรรมไทย" ถูกท้าทายอย่างหนักนั้น

"สไนเปอร์อย่างเดียวหยุดการท้าทายนี้ไม่ได้"

[ตอบ #1 เมื่อ:]

[ตอบ #2 เมื่อ:]

สรุปแล้วต้องการจะสื่ออะไร..งง

[ตอบ #3 เมื่อ:]

เพราะที่นี่ประเทศไทย มีความแตกต่างทางชนชั้น พื้นที่ที่ว่ายิ่งแคบลง ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ประเทศไทย จะเป็น ไทย ตามชื่อประเทศ?

[ตอบ #4 เมื่อ:]

ตรรกะใช้ไม่ได้เลย

[ตอบ #5 เมื่อ:]

สรุปแล้วต้องการจะสื่ออะไร..งง

นี่แหล่ะผลของการปิดกั้นสื่อ...และขาดการปลูกฝังอย่างถูกทาง...และขาดความเป็นบูรณาการ...มังก็เป็นงี้แหละ
ค่อยๆอ่านนะน้อง แล้วตีความทีล่ะประเด็น..มันจะค่อยๆมาเอง

[ตอบ #6 เมื่อ:]

ก็เห็นด้วยบางส่วนกับเจ้าของบทความที่พูดให้เราคิดว่า รัฐมีวิธีคิดที่ปิดกั้นการแสดงออกใด ๆ ก็ตามที่ไม่ถูกต้องตามความคิดของตน แทนที่จะรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่แตกต่างกับความคิดของตน โดยผ่านการกระทำของรัฐ ต่อเรื่องราวของ เปิดนม แม่ชี และดอกส้มสีทอง
แต่ทว่าส่วนตัวแล้ว ผมเห็นว่าไม่ว่าฝ่ายใดเป็นรัฐบาลก็จะมีเรื่องเช่นนี้เรื่อย ๆ และไม่ทราบว่าการที่เจ้าของบทความใช้คำว่า สไนเปอร์ เพราะอะไร ซึ่งแน่นอนมันกระชับและตรงประเด็น บอกถึงวิธีการจัดการปัญหาในรูปแบบหนึ่ง
แต่ถ้าหากมีเจตนาแอบแฝงที่จะบอกว่าเป็นเพราะรัฐบาลนี้ ผมไม่เห็นด้วย เหมือนกับเรื่อง 2 มาตราฐาน ซึ่งไม่ได้เพิ่งเกิดในรัฐบาลนี้เป็นครั้งแรก น่าจะพูดให้ชัดเจนขึ้นอีกสักนิด แม้นว่าจะบอกเรื่องการผูกขาดความคิดทางการเมืองมา 4-5 ปี นั้น แปลว่าไม่ว่ารัฐบาลไหนก็เป็นอย่างนี้ใช่ไหมครับ แต่มันก็ยากนะครับที่จะอธิบายเรื่องพวกนี้ในประโยคสั้น ๆ แล้วผู้อ่านทุกคนสามารถเข้าใจได้ตรงกันว่าผู้เขียนพยายามที่จะสื่ออะไร ซึ่งถ้าอ่านผ่าน ๆ อาจจะเห็นว่าเป็นการโจมตีรัฐบาลนี้ก็ได้ เพราะดูเหมือนในสนุกนี้ จะมีทั้งสองฝ่ายค่องข้างเยอะที่ชอบตั้งกระทู้ด่ากันไป ด่ากันมา
ในการแก้ปัญหาเรื่องดอกส้มสีทองนั้น ผมเข้าใจนะว่าในเรื่องนี้กระแสมันดัง ดังนั้นทางภาครัฐควรมีปฏิกริยาอะไรออกมาบ้าง ซึ่งส่วนตัวเห็นด้วยกับทางออกที่เป็นอยู่ขณะนี้ คือ ตัดเลิฟซีนบ้าง และมีคำเตือน ผมเห็นว่าละครเรื่องนี้มีบทละครที่ดีมาก และเป็นการพัฒนาละครไทยในทางที่ดี แต่ขอตินิดหนึ่งคือเรื่องที่เรยา ด่าแม่ จนแม่เสียใจ ตาย ควรจะมีบทคำพูดที่สอนใจมากกว่านี้ เช่น ต้องมีตัวละครที่บอกแม่ว่า ที่เรยาเป็นอย่างนี้ส่วนหนึ่งก็เกิดจากการสั่งสอนของแม่ หรือมีตัวละครที่ต้องสอนเรยาในเรื่องนี้

[ตอบ #7 เมื่อ:]

การผูกขาดทางความคิด ความรักชาติ ความดี คือปัญหาของสังคมไทย
สอนให้คนคิดเป็นและใช้ปัญญาคือการแก้ปัญหาที่แท้จริง
คิดไม่เหมือนกันก็ว่าเค้าโง่ มองต่างกันก็ว่าเค้าไม่รักชาติ ทำต่างกันก็ว่าเค้าไม่ดี

[ตอบ #8 เมื่อ:]

อยากรู้ว่าถ้าเด็กๆดูละครดอกส้มสีทองอยู่ พ่อแม่จะอธิบายยังไงกับฉากที่ตัวละครทำอะไรไม่ดี อย่างฉากมีอะไรกันอย่างลึกซึ้ง เราคิดว่าละครเรื่องไหนๆก้อมีฉากแบบนี้นะ ทำไมไม่ถ่ายไปที่อื่น ที่โคมไฟ หน้าต่าง ผ้าม่าน ไปเน้นฉากบนเตียงทำไม และพ่อแม่จะอธิบายว่าไร ที่ควรเบนมันตรงนี้เเหละ เนื้อหาของเรื่องก้อดีนะ แต่แสดงออกมาไม่ดี

[ตอบ #9 เมื่อ:]

ทำไมต้องเรยา ตอนนี้
พวกคุณหลงกลมาร์ค เทือก ห้อยและทีมงาน แล้วครับ วัตถุประสงค์จริงๆๆเพื่อ
กลบเรื่องที่มาร์คประกาศยุบสภา
กลบเรื่องที่ ครม มาร์ค เทือก โกงกินมูมมาม จนตีสอง
มาร์ค มันให้องอาจเอาเรื่องเรยา องอาจนี่เคยสูบยาบ้าออกทีวี จนจะโดนจับ ร้องไห้ขอโทษอยู่หลายวัน
ทำไมต้องเรยา เพราะต้องการกลบเรื่องการโกงกินถึงตีสอง
ต้องลงบันทึกว่าเป็นครม ที่มีการโกงกินที่หน้าด้านที่สุด
อนุมัติรับประทาน อนุมัติกิน อนุมัติแตก
ท่านครับตีสองแล้ว
อ้าวมือใครยาวสาวได้สาวเอา เงินงบเงินแผ่นดินโกงได้กินเอา
เงินชาติ เงินงบ เงินแผ่นดิน กู้มาแล้วพวกมัน มาร์ค เทือก เนห้อยโหนเจ้า เตี๊ย กู้มาโกงกินแท้ๆๆ
อนุมัติผ่าน อนุมัติสวาปาม์ล ทุกโครงการ
อ๋อ อย่ามาบอกว่า ครม มาร์คมันทำ มันขยัน เพื่อประชาชนนะ 555



ไป จว ไหน ก็ได้ แต่ไปเช้าเย็นกลับ คุณนู๋ไม่เคยนอนที่ลำบากๆๆ
วันแรก
ชายแดนไทยรบเขมร สุรินทร์ วันแรกทหารตาย ชาวบ้านอพยพ
มาร์คอยู่กทม เยี่ยมโรงงานยกทรง หลอกเอาคะแนนเสียงกับสาวโรงงาน เพราะมันวิเคราะห์แล้ว ว่าหลอกได้ง่าย
ชายแดนไทยรบเขมร สุรินทร์ วันสองทหารตาย ชาวบ้านอพยพ
มาร์คไปชายแดนไทยพม่า แม่ฮ่องสอน ช่วยหาเสียงให้ลูกน้อง
แม่เจ้า เกิดเหตุปะทะ สุรินทร์ มันไป แม่ฮ่องสอน

เห็นมันออกทีวี แล้วทุเรศ
จากการพบปะพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ
ต่างด่าเป็นเสียงเดียวว่า
ดีแต่พูด
เดินหน้าโกหกโกหกต่อไป
ใครจะเดินไปกับมันก็เชิญเถอะ ใครจะเลือกพวกมันอีกก็เอาเลย
แล้วไม่ต้องไปห่วงเรื่องไข่แพง ไข่กิโลโง่จริงๆๆ เพราะพวกที่ยังเลือกพวกมันอีก ก็กินหญ้าแล้ว จึงไม่ต้องห่วงเรื่องไข่แพง ไข่กิโลโง่จริงๆ

ถูกต้องแล้วคร๊าบบบ

[ตอบ #10 เมื่อ:]

เห็นด้วยกับความคิดที่ 6 ค่ะ คุณพูดได้ตรงประเด็นมาก ๆ และอีกอย่างเห็นว่ากระทู้นี้ มีการสอดแทรกการเมือง โจมตีกันไปมา เรื่องแบบนี้มันก็มีมานาน ไม่ว่าจะรัฐบาลใหน ๆ บางเรื่องอาทิเช่นเรื่องละคร หรือการกระทำบางอย่างที่เป็นการไม่เหมาะสม ในสังคม กระทรวงออกมาท้วงติงบ้างก็เป็นเรื่องที่ดีแล้ว ส่วนเรื่องของการเชื่อเรื่องบางเรื่องจนเป็นการงมงายนั้น ก็เห็นสมควร เช่นเรื่องการแก้กรรม ดูแล้วก็เห็น ๆ ว่ามันไม่เหมาะสม คนที่จะเชื่อก็ควรจะมีเหตุและผลใช้วิจารณญานหน่อย ไม่ใช่หลับหูหลับตาเชื่อ ผู้เขียนอาจใช้ถ้อยคำทีดูสละสลวย วิชาการแต่โดยรวมแล้วเนื้อหาก็คือการใชhสื่อ โน้มน้าวในทางจิตวิทยา โจมตuกันไปมานี่เอง น่าเบื่อที่สุด

[ตอบ #11 เมื่อ:]

ผมคิดว่าคนที่ลงหัวข้อนี้มาต้องการจะแนะแหน่อะไรนะ ลองไม่มีมีการใช้กฏหมาย ใครเปิดนมโชว์ก็ได้ไม่ผิด นมฉันจะให้ใครดูก็ได้ แล้วเปิดเสรีให้ลูกหลานคุณๆที่เป็นลูกเล็กเด็กแดง ดูเป็นแบบอย่าง แล้วสนับสนุนข้อความข้างต้น ดูซิสังคมประชาธิปไตยในแบบที่คุณต้องการคงโกลาหล สนุกสนานพิลึกกึกกือดีนะครับเจ้านาย !!! ผมว่าคงไม่มีความผูกขาดความคิดหรอกวัฒนธรรมเป็นตัวกลั่นกรองสิ่งที่คนร่วมสมัยในยุคนั้นๆเห็นว่าดีแล้วจึงสานต่อมาจนปัจจุบัน สอนให้คนรุ่นหลังคิดเป็นและเข้าใจปัญหามากขึ้นนั่นเอง อย่าใจกว้างมองอะไรไม่รอบด้านบนความโง่เขลา แล้วมาสนับสนุนกันแบบนี้ เราจะเสียใจในภายหลังเมื่อแก้ไขมันไม่ได้อีกต่อไป

[ตอบ #12 เมื่อ:]

ผมคิดว่าคนที่ลงหัวข้อนี้มาต้องการจะแนะแหน่อะไรนะ ลองไม่มีมีการใช้กฏหมาย ใครเปิดนมโชว์ก็ได้ไม่ผิด นมฉันจะให้ใครดูก็ได้ แล้วเปิดเสรีให้ลูกหลานคุณๆที่เป็นลูกเล็กเด็กแดง ดูเป็นแบบอย่าง แล้วสนับสนุนข้อความข้างต้น ดูซิสังคมประชาธิปไตยในแบบที่คุณต้องการคงโกลาหล สนุกสนานพิลึกกึกกือดีนะครับเจ้านาย !!! ผมว่าคงไม่มีความผูกขาดความคิดหรอกวัฒนธรรมเป็นตัวกลั่นกรองสิ่งที่คนร่วมสมัยในยุคนั้นๆเห็นว่าดีแล้วจึงสานต่อมาจนปัจจุบัน สอนให้คนรุ่นหลังคิดเป็นและเข้าใจปัญหามากขึ้นนั่นเอง อย่าใจกว้างมองอะไรไม่รอบด้านบนความโง่เขลา แล้วมาสนับสนุนกันแบบนี้ เราจะเสียใจในภายหลังเมื่อแก้ไขมันไม่ได้อีกต่อไป

เห็นด้วยครับ

[ตอบ #13 เมื่อ:]

จากการวิจัยพบว่า ทีวีไม่ได้ทำให้เด็กก้าวร้าว แต่เด็กที่มีความเป็นไปได้ที่จะก้าวร้าวดูทีวีที่มีเนื้อหาก้าวร้าวจะทำให้เด็กคนนั้นก้าวร้าว

งงมั้ย? ถ้างง เอาง่ายๆ "เด็กดีดูยังไงก็ไม่ก้าวร้าว แต่ถ้าเด็กมันจะไม่ดีทีวีจะทำให้มันก้าวร้าว"

ถ้าจะบอกว่าคุณดูแล้วคุณแยกแยะได้ โปรดสำเหนียกใว้ว่าคนบางคนบางช่วงอายุแยกแยะไม่ได้

จะเถียงยังไงก็ช่าง จะยกตัวอย่างที่บ้านมาก็ช่างแต่อย่าลืมว่าอย่าใช้ตัวอย่างเดียวมาตัดสินความเป็นไปได้ทั้งหมด

แต่สถิติไม่โกหก

[ตอบ #14 เมื่อ:]

สรุปแล้วต้องการจะสื่ออะไร..งง

นี่แหละผลของการดูละคร ด้านตรรกะจะไม่ค่อยได้ใช้ เพราะละครป้อนตรรกะแบบผิดๆไปให้ วงการบรรเทิงถูกขนานนามว่าโลกมายา ซึ่งแปลว่ามันไม่ใช่เรื่องจิง แล้วก้อเสพกันเข้าไป

[ตอบ #15 เมื่อ:]

เห็นด้วย กับข้อคิดเห็นที่ 6 ใครจะเป็นใคร ใครจะเป็นอะไร ขอให้ตัวเราเป็นคนดี ดีด้วยจิตใจเราเอง ไม่ต้องเสแสร้ง ไม่ต้องต่อหน้า แล้วตอนจบของชีวิตก็จะรู้เอง ว่าบาปกรรมมีจริง

[ตอบ #16 เมื่อ:]

ที่ว่า อาจารย์เค้าแอบแฝงเรื่องการเมืองหรือไม่นั้น เอาเป็นว่า แกเป็นหนึ่งในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศไทยที่รัฐบาลชุดนี้เชิญมา แล้วแกก็เอาเกียรติภูมิของแกมาทิ้งเพราะเชิญแกมาแต่สิ่งที่อาจารย์แกเสนอ ไม่ได้รับการสนอง เชิญแกมาเพื่อให้ดูว่ามีการปฏิรูปจริงๆ ก่อนจะวิจารณ์ใดๆ ก็หาข้อมูลความรู้ก่อนซิ ในบทความนี้ก็บอกอยู่ หรือคุณคือหนึ่งในผลของการปิดกั้นทางความคิด จึงตอบกระทู้แบบนี้ ???????????

[ตอบ #17 เมื่อ:]

ประชาชนไทยไม่ค่อยจะยอมรับในสิ่งที่ไม่ดี ชอบแต่สิ่งดีๆ แต่ลืมไปว่าทุกวันนี้คนไทยเกือบครึ่งก้กำลังตกอยู่ภายใต้ความเสื่อมโทรมทางวัฒนธรรม เห็นได้ชัดว่าคนไทย ไม่ค่อยจะยอมรับความจริงซักเท่าไ

[ตอบ #18 เมื่อ:]

ผมว่า การแสดงผลของการโพสการตอบกระทู้หรือบทความ น่าจะเรียงผลจากกระทู้ปัจจุบัน แล้วเรียงย้อนกลับไป สู่อันดับแรก เพื่อให้เห็นชัดว่า กระทู้ตอบรับ ใหม่ๆเรียงจากใหม่ไปหาเก่า หากคนสนใจกระทู้จริง เขาจะอ่านอย่างต่อเนื่องไม่ต้องห่วง...การตอบโต้ และการแสดงความเห็นจะเหมือนเหตุการณ์ มันจะเป็นปัจจุบัน แล้วควรมีช่องการตอบกระทู้ เฉพาะราย ทำเหมือน ผู้จัดการ จะดีนะผมว่า เป็นคำแนะนำนะครับ

[ตอบ #19 เมื่อ:]

สรุปแล้วต้องการจะสื่ออะไร..งง

agree, this content don't have a main topic.You are Just like many people would like to say " Why don't the government don't do this, do that bla bla bla....". HOW ABOUT YOU ?. THAILAND HAVE SOME KIND LIKE YOU TOO MUCH. SO WHY WE NEVER MOVING FORWARD.
If you really worry about our culture why don't you do something, making shot movie,advertising or at least OPENING SUBJECT FOR THOSE SHOWGIRL TO DISCUSS 'WHY THEY SHOWED HER BREAST', MAYBE YOU WILL GET SOME GOOD REASON FOR TEACH YOUR DAUGHTER IN FUTURE.

[ไอค่อนข้อความ:]

	ปรากฎข้อผิดพลาดตังต่อไปนี้ขณะส่งข้อความนี้:
	คำเตือน: ความคิดเห็นนี้ถูกล็อกไว้! เฉพาะผู้ดูแลเท่านั้นที่ตอบได้
ชื่อ:
	แชร์ไป Facebook ด้วย
กระทู้:
ไอค่อนข้อความ:	ไอค่อนขณะนี้ กระทู้ทั่วไปเหมาะสำหรับผู้ชมทุกวัย กระทู้สำหรับเด็กก่อนวัยเรียน กระทู้สำหรับเด็ก กระทู้ที่ผู้ใหญ่ควรให้คำแนะนำ กระทู้ที่ผู้ใหญ่ควรให้คำแนะนำแก่ผู้อ่านที่มีอายุน้อยกว่า 13 ปี กระทู้ที่ผู้ใหญ่ควรให้คำแนะนำแก่ผู้อ่านที่มีอายุน้อยกว่า 18 ปี กระทู้เฉพาะไม่เหมาะกับเด็กและเยาวชน
	ตัวหนาตัวเอียงตัวขีดเส้นใต้จัดย่อหน้าชิดซ้ายจัดย่อหน้ากึ่งกลางจัดย่อหน้าชิดขวา ขนาดตัวอักษร เล็กมาก เล็ก ปกติ ใหญ่ ใหญ่มาก เปลี่ยนสี สีดำ/ขาว สีแดง สีเหลือง สีชมพู สีเขียว สีส้ม สีม่วง สีนํ้าเงิน/ฟ้า สีเทา สีน้ำตาล สีเขียวฟ้า สีกรมท่า สีเลือดนก สีเหลืองอมเขียว
	[เพิ่มเติม]
	กลับไปกระทู้นี้ หลังจากการตั้งความคิดเห็น ไม่ใช้สัญลักษณ์แสดงอารมณ์
แนบไฟล์:	(แนบไฟล์เพิ่ม) ไฟล์ที่อนุญาต: gif, jpg, jpeg ขนาดไฟล์สูงสุดที่อนุญาต 20000000 KB : 4 ไฟล์ : ต่อความคิดเห็น
ติดตามกระทู้นี้ :	ส่งไปที่อีเมลของสมาชิกสนุก
	ส่งไปที่
พิมพ์อักษรตามภาพ: