นายศิริโชค โสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์ ชี้แจงกรณี
“จดหมาย ผู้ว่าพิษณุโลก” และตอบโต้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลัง
งานถอดรหัสกรณี ผู้ว่า พิษณุโลก ตอกย้ำ กั๊ก ถุงยังชีพ เลือกปฎิบัติ คิดถึงแต่การเมือง ไม่มีใจให้ชาวบ้าน 1)ในเอกสารผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ระบุชัดว่า
"ไม่ทราบว่ามีถุงยังชีพ 500 ถุงอยู่ที่สำนักงานพลังงานจังหวัดพิษณุโลก" ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของ
ความล้มเหลว ในการบริหารถุงยังชีพเพื่อดูแลพี่น้องประชาชนอย่างรวดเร็วและทั่วถึง มีเพียงสองเหตุผลที่ผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งมีอำนาจอนุมัติถุงยังชีพไปแจกจ่ายให้ประชาชนจะไม่รับทราบข้อมูลดังกล่าว คือ
1 ผู้ว่า บกพร่องในหน้าที่จนปล่อยให้ถุงยังชีพตกค้างในสำนักงานพลังงานจังหวัดพิษณุโลก ทั้ง ๆ ที่ยังมีประชาชนต้องการความช่วยเหลือ หรือ
2 กระทรวงพลังงานกั๊กถุงยังชีพไว้ด้วยเหตุผลทางการเมือง ไม่ใช่ด้วยเหตุเพื่อช่วยชาวบ้าน
2)
"ในสถานการณ์นั้น ข้าพเจ้ามีความรู้สึกอึดอัดและกังวลใจเป็นอย่างยิ่ง หากจะปฏิเสธการสนับสนุนกรณีดังกล่าวก็เห็นว่าผู้ที่ร้องขอมาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลกต้องการที่จะนำไปช่วยเหลือราษฎรและอาจถูกตำหนิได้ว่าไม่ให้ความสนใจดูแลประชาชน เป็นเสมือนสถานการณ์บังคับให้ข้าพเจ้าต้องอนุญาตให้ไปตามจำนวนเท่าที่สำนักงานพลังงาน จ.พิษณุโลก มีอยู่" ข้อความนี้แสดงให้เห็นว่า ผู้ว่าฯเองก็รับทราบดีว่า ส.ส.มีสิทธิ์ที่จะขอความอนุเคราะห์จากทางราชการเพื่อนำสิ่งของไปช่วยผู้ประสบภัย ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ ไม่เช่นนั้นผู้ว่าฯคงไม่พูดถึงความรู้สึกของตัวเองเกรงว่า "อาจถูกตำหนิได้ว่าไม่ให้ความสนใจดูแลประชาชน เป็นเสมือนสถานการณ์บังคับให้ข้าพเจ้าต้องอนุญาต" แต่ที่ผู้ว่าฯรู้สึกอึดอัดเป็นเพราะคนที่ขอความอนุเคราะห์เป็นส.ส.ฝ่ายค้านใช่หรือไม่ จะไม่ให้ก็ไม่ได้เพราะเป็นสิทธิที่ส.ส.จะขอความอนุเคราะห์จากทางราชการในการช่วยเหลือประชาชน นี่คือสถานการณ์บังคับทำให้ผู้ว่าปฏิเสธคำร้องขอนี้ไม่ได้ ไม่ใช่เพราะส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ไปบีบบังคับผู้ว่าฯแต่อย่างใด
3 )เนื้อหาในเอกสารดังกล่าวยิ่งตอกย้ำว่ารัฐบาลบริหารถุงยังชีพ
โดยยึดผลประโยชน์ทางการเมืองเป็นที่ตั้ง ไม่มีใจให้ประชาชนที่กำลังเดือดร้อน บีบบังคับให้ข้าราชการทำงานลำบาก เพราะมีการเลือกปฏิบัติกีดกัน ส.ส.ฝ่ายค้านไม่ให้ได้รับความอนุเคราะห์จากทางราชการ ทั้ง ๆ ที่เป็นการทำเพื่อประโยชน์ของประชาชน สะท้อนถึงความคับแคบของรัฐบาล จึงต้องตั้งคำถามไปยังผู้ว่าฯว่า หากเป็นส.ส.รัฐบาลขอความอนุเคราะห์เรื่องถุงยังชีพท่านพร้อมที่จะดำเนินการให้ทันทีใช่หรือไม่?
นอกจากนี้การที่รมว.พลังงานพูดในสภาว่า กรณีที่ผู้ว่าฯมอบถุงยังชีพให้ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์กระทบกับแผนในการแจกจ่ายถุงยังชีพของท่านนั้น น่าสงสัยว่า จะมีแผนอะไรสำหรับรัฐบาลมากไปกว่าการเร่งรีบกระจายถุงยังชีพไปบรรเทาทุกข์ให้กับประชาชนอย่างรวดเร็วและทั่วถึงให้ได้มากที่สุด ถ้าไม่ใช่แผนทางการเมืองที่รัฐบาลมีเจตนาใช้เงินภาษีของประชาชนสร้าง
คะแนนเสียงบนความทุกข์ยากของประชาชนใช่หรือไม่ ยอมทำแม้กระทั่งกั๊กถุงยังชีพเอาไว้โดยที่แม้แต่ผู้ว่าราชการจังหวัดก็ยัง ไม่ทราบว่ามีถุงยังชีพอยู่ในความดูแลของตัวเอง
4)
พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ผอ.ศปภ.ยืนยันมาโดยตลอดว่าถุงยังชีพของทางราชการไม่ได้เลือกปฏิบัติให้เฉพาะ ส.ส.รัฐบาล แต่ส.ส.ฝ่ายค้านก็มีสิทธิ์ขอได้ด้วยการทำเรื่องไปยัง ศปภ.
ซึ่งกรณีนี้
นายแพทย์วรงค์ก็ขออนุมติจากผู้ว่าฯ ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนและในการแจกถุงยังชีพก็ระบุชัดว่าเป็นของกระทรวงพลังงานไม่ได้มีการแอบอ้างว่าเป็นของพรรคประชาธิปัตย์ หรือสวมรอยใส่ชื่อของตัวเอง ซึ่งพรรคยังยืนยันว่า หากมีการแอบอ้างเหมือนที่เกิดขึ้นในหลายกรณีที่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจไปแล้ว ถือเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
น่าแปลกใจว่านายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รมว.มหาดไทย เพิ่งออกมาปกป้อง ส.ส.รัฐบาลที่ใส่ชื่อตัวเองไปใส่ในถุงยังชีพด้วยการตอบคำถามผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 28 พ.ย.เกี่ยวกับประเด็นนี้ว่า
"ไม่มีใครว่างคิดมากอย่างนั้น เพราะประชาชนกำลังอดอยาก จะทำอย่างไรก็ได้ ขออย่าให้ประชาชนเดือดร้อนก็พอ"จึงต้องตั้งคำถามกลับไปว่า
ทำไมการที่ส.ส.ฝ่ายค้านนำถุงยังชีพของกระทรวงพลังงานไปแจกจ่ายให้ประชาชน โดยไม่มีการแอบอ้างมาเป็นของตัวเองเพื่อประโยชน์ทางการเมือง กล่าวขอบคุณกระทรวงพลังงานว่าเป็นผู้อนุเคราะห์ถุงยังชีพให้ประชาชนอย่างตรงไปตรงมากลับมีคนว่างคิดมาก ในขณะที่ประชาชนกำลังอดอยาก ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ถ้าไม่ใช่เพราะ รมว.พลังงานต้องการหยิบยกเรื่องนี้มาเป็นประเด็นการเมืองกลบเกลื่อนการกระทำผิดของพรรคพวกตัวเอง
5) การที่ รมว.พลังงาน กล่าวหาว่า การประสานเพื่อขอความอนุเคราะห์นำถุงยังชีพมาแจกจ่ายให้ประชาชน เป็นการกระทำที่บีบบังคับผู้ว่า กทม.เข้าข่ายกระทำผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 266 นั้น เป็นการแสดงให้เห็นว่า ผู้พูดขาดความเข้าใจในข้อกฎหมายโดยสิ้นเชิง และยังขาดแคลนปัญญาที่จะแยกแยะความแตกต่างระหว่างการประสานเพื่อขอความอนุเคราะห์กับการที่ ผอ.ศปภ.มีคำสั่ง
แต่งตั้ง ส.ส.เพื่อไทยเข้าไปมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ ซึ่งทำให้ฝ่ายนิติบัญญัติเข้าไปแทรกแซงฝ่ายบริหาร ถือเป็นการกระทำที่ขัดรัฐธรรมนูญชัดเจน
จึงขอท้าให้ รมว.พลังงาน ยื่นถอดถอนนายแพทย์วรงค์ ควบคู่ไปกับการที่พรรคประชาธิปัตย์กำลังจะยื่นถอดถอน 9 ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย เพราะบุคลากรของพรรคประชาธิปัตย์เคารพการตรวจสอบ จะไม่มีการไปฟ้องดำเนินคดีแพ่งและอาญากับท่านเหมือนที่นายจตุพรขู่จะดำเนินการกับพรรคประชาธิปัตย์แน่นอน
เรื่องนี้ผมเข้าใจความหมายของคำว่าผู้มีปัญญาแพ้คนหน้าด้าน แต่ผมยืนยันได้ว่าคนมีปัญญาอย่างพรรคประชาธิปัตย์จะยืนหยัดทำในสิ่งถูกต้อง ไม่มีทางยอมแพ้อย่างแน่นอน