ใครชน..ใคร ...ยังเป็นเรื่องที่ตอบยากจากคำพูดของ สน.วิภาวดี แต่ที่รู้มาเร็วทั้งคู่ทิศทางเดียวกันไม่น่าเป็นเรื่องที่พูดออกมาจากพนัก
งานสืบสวน เลยแม้แต่น้อย เพราะใครก็รู้ว่าบนโทล์เวย์คงไม่มีใครทะลึ่งขับรถสวนทางกัน แต่ที่น่าสนใจ คือการพบรอยครูดของล้อแม็ก กับผิวจราจร และรอยห้ามล้อ เมื่อบวกกับคำให้การของนายอำนาจ อีกคู่กรณีที่เจ็บหนัก ซึ่งขับรถมาสด้า 2 ตามมาด้วยความเร็ว 100 ก.ม./ ช.ม. แต่เกิดมีรถขวางในระยะกระชั้นชิด หมายถึงต้องมีรถคันใดคันหนึ่งหมุน หรือเสียหลัก เป็นแน่แท้
เมื่อมามองภาพ ซึ่งได้ถูกโพสต์ โดยคุณ Sumruay ในเว็บบอร์ด pantipซึ่งเป็นภาพจากที่เกิดเหตุชัดเจนมากในเรื่องสภาพรถทั้ง 2 ที่พังยับ จนเป็นเหตุที่มาของการเสียชีวิตของผู้ขับขี่ทั้ง 2 แม้จะมีบางกระแสว่าคนขับ Fortuner อยู่ในที่นั่งคนนั่ง แต่ภายหลังก็มีการเปิดเผยว่าอยู่ในตำแหน่งคนขับ สื่อให้เห็นความบิดเบือนทางข้อมูลของสื่อต่างๆ
กลับมาที่อุบัติเหตุต่อเมื่อเราสรุปข้อมูลต่างๆมารวมกัน ทั้งรอยเบรค สภาพรถ ทั้ง 2 เข็มไมล์ และ คลิปที่ว่าจับภาพไว้ได้ ผมเชื่อว่าหลายคนเห็นคลิปแล้ว แต่ก็ไม่ชัดเจน เพราะภาพเบลอ ประกอบกับ กว่าจะเคลื่อนกล้องไปยังจุดเกิดเหตุ ใช้เวลารวมกว่า 19 วินาที ทำให้เกิดคำถามว่าที่จริง เกิดอะไรขึ้น แล้วกล้องวงจรปิดจะเชื่อได้หรือ เพราะยามค่ำคืนมีแต่แสงไฟ
หลายคนอาจจะถามว่า ทำไม Porsche ถึงขับรถเร็วขนาดนั้น เราลองมาดูที่ วินาที ที่ 0.01 ของคลิป จะพบว่ามีรถคันหนึ่งวิ่งแล่นด้วยความเร็ว ซึ่งจะเห็นว่าถนนช่วงนั้นจะโล่งพอสมควรเลยทีเดียวที่ใช้ความเร็ว เพราะแม้แต่รถคันนั้นยังใช้ความเร็วพอประมาณ อาจจะราวๆ 140 ก.ม./ช.ม. ทำไมถึงทราบ ง่ายมาครับ เวลาเราวัดความเร็ว เราใช้หน่วยเป็นก.ม. ถ้าเราอยากรู้ว่ารถคันนั้นวิ่งเท่าไร ก็เอา จำนวน วินาที ใน 1 ช.ม. ซึ่งคือ 3600 วินาที จาก 60 วินาที * 60 นาที = 1 ช.ม. เราก็จะทราบว่า รถคันดังกล่าวเครื่องที่ กิโลเมตรละ กี่ วินาที และ ถ้าประมาณ การจากกล้อง รถคันดังกล่าวจะมีเริ่มโผล่มาราวๆ 1. ก.ม. ก่อนห้า และผ่านไป ราวๆ วินาที ที่ 2
อีกครั้งที่ภาพไม่ได้บอกอะไรมาก แต่เมื่อมาดูจากภาพถ่ายที่เราพอมี จะพบว่า จากคำให้การของ จนท.สืบสวนที่บอกว่ามีรอยครูแม็กบนผิวจราจรและรอยเบรค แสดงว่าต้องมีรถคันใดคันหนึ่งเบรคอย่างรุนแรง สิ่งที่น่าคิดคือคันไหนกัน ซึ่งถ้ามองจากความเป็นจริงเราจะพบว่า เป็นไปได้ทั้ง 2 คัน คำถามคือทำไมต้องเบรค และเบรค เพราะ อะไร คือเรื่องที่เรายังไม่สามารถหาคำตอบได้
เมื่อดูภาพซากรถที่เหลือ เราจะพบว่า Porsche มีลักษณะหน้ารถเละ คล้ายกัยบการอัดก๊อบปี้รถคันหน้า โดยท้ายรถยังะพอบ่งบอกได้ ส่วน รถ fortuner ก็ออกแนวในลักษณะไม่สามารถบอกได้ เพราะไฟหน้าไฟท้าย ไปหมด เหลือแต่ซาก จนในคลิปวงจรปิด รถที่ตามมาก็แทบจะไม่เห็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น คำตอบน่าจะชัดเจนว่า เป็น porsche ที่เสียบเข้าไปใต้รถฟอร์จูนเนอร์ เพราะด้วยความสูง เพียง 1,275 ม.ม. ส่วนฟอร์จูนเนอร์สูง 1809 มม..แต่มีระยะต่ำสุดจากพื้น 220 ม.ม. จึงไม่แปลกถ้าจะมีความเป็นไปได้ที Porsche จะมุดเข้าไป แต่ที่สำคัญคนที่ขับเร็วขนาดนั้นทำไมถึงพลาดได้
เราไม่ได้บอกว่าการขับรถเร็วเป็นเรื่องดี แต่ข้อหนึ่งที่หลายที่ใช้ความเร็วจะทราบคือการขับรถเร็วให้ความระทึกและความระทึกมาสู่แรงกระตุ้นต่อร่างกายทั้งการหลังสารอะดรีนาลีน ตามคำนิยามของสาร “อะดรีนาลีน” คือฮอร์โมนที่ถูกสร้างมาจากต่อมหมวกไต เป็นฮอร์โมนในภาวะฉุกเฉิน จะมีมากเมื่อร่างกายอยู่ในภาวะเครียด ตกใจกลัว ตื่นเต้น หรือออกกำลังกาย ช่วยให้ร่างกายรับกับสถานการณ์ที่ฉุกเฉินต่างๆได้ และมันคือสารที่กระตุ้นคนขับรถให้ตื่นตัว ยิ่งใช้ความเร็วสูง จะรู้ได้ทันทีถึงความตื่นเต้นและมาสู่ความตื่นตัวของร่างกาย ยิ่งคุณเหยียบ 280 ก.ม./ช.ม. คงไม่ต้องบอกว่ามันระทึกขนาดไหน แต่เราไม่ได้ศรัทธาในความเร็ว ทว่าสิ่งที่อยากบอกคือ มีความเป็นไปได้แค่ไหนที่คุณจะตื่นตัวเมื่อใช้ความเร็ว ยิ่งกับคนที่มีรถอย่าง Porsche GT-2 ขับทุกวันเป็นประจำ จะต้องชินมือกับรถ อย่างแน่นอน