หน้า: 1

ชนิดกระทู้ ผู้เขียน กระทู้: ทำไมพระจีนจึงพนมมือหรือไหว้มือเดียว?  (อ่าน 5617 ครั้ง)
Guest
ชอบอ่าน
เรทกระทู้
« เมื่อ: 21 พ.ค. 13, 06:39 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
Send E-mail

แบ่งปันกระทู้นี้ให้เพื่อนคุณอ่านไหมคะ?

ปิดปิด
 
ทำไมพระจีนจึงพนมมือหรือไหว้มือเดียว?

จุดกำเนิดมาจาก..........พุทธนิกายเซนจากอินเดียสืบทอดธรรมและตำแหน่งพระสังฆนายกเข้ามาในจีน ถึงองค์ที่ 2 ท่าน
ฮุ่ยเข่อ 慧可 (ค.ศ. 487 - 593)

ก่อนหน้าที่ท่านจะขอรับการถ่ายทอดธรรมะกับพระโพธิธรรมซึ่งเป็นผู้นำนิกายเซนจากอินเดียมาสู่จีน เพื่อจะศึกษาและปฏิบัติจนบรรลุขั้นเถรวาทเพื่อให้ตนหลุดพ้นและเพื่อคนอื่น เพื่อช่วยเหลือผู้คนตามหลักพระโพธิสัตว์มหายานท่านจึงออกบวช เวลานั้นบวชมาแล้ว 8 ปี ก่อนหน้านี้ได้ ศึกษา ลัทธิหรู เต๋า พุทธ 3 ปรัชญาหลักในจีนจนเข้าใจอย่างลึกซึ้ง เดิมชื่อ เฉิน กวัง 神光

ตอนที่ท่านกำลังจะบรรลุ พระอาจารย์ เป่า จิ้ง宝静禅师 ได้บอกให้ท่านไปขอศึกษาพระธรรมกับพระโพธิธรรมที่วัดเส้าหลิน ท่านจึงไป คุกเข่าข้ามคืนกลางหิมะ
ต่อมาพระโพธิธรรมออกมาให้โอวาทว่า ท่านแสวงที่จะบรรลุพระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องบำเพ็ญบารมีผ่านอสงไขยมานับไม่ถ้วน ต้องผ่านความยากลำบาก อดทนนานับประการ อาศัยคุณธรรมเล็กน้อย ปัญญาเล็กน้อยของท่านอันอวดเก่ง เกรงว่าจะมาคิดเปลืองเปล่า

เมื่อได้ฟังโอวาทของพระโพธิธรรมท่านจึงเอามีดออกมาตัดแขนซ้ายส่วนบนติดที่ไหล่ของตัวเองมอบให้ เพื่อแสดงว่าสัตย์ซื่อจริงใจและแสดงถึงการตัดสินใจเด็ดขาด
หลังจากนั้นพระโพธิธรรมได้ตั้งฉายาท่านเป็น ท่าน ฮุ่ยเข่อ 慧可

***บางที่ก็ว่า พระโพธิธรรมกล่าวว่าจะถ่ายทอดธรรมะให้ถ้าหิมะตกเป็นสีแดง ท่านจึงตัดแขนซ้าย
และบางที่ได้กล่าวถึงท่านพระโพธิธรรม
หลังได้ฟังท่านเฉิน กวัง 神光 บอกต้องการขอใจสงบ
ท่านพระโพธิธรรมได้ถามกลับว่าใจอยู่ที่ใด
ขณะที่ ท่านเฉิน กวัง神光 กำลังลังเล ท่านพระโพธิธรรม ได้กล่าวว่า
" ฉันใจสงบเพื่อเธอ " (ตามหลักพระโพธิสัตว์สละตนเพื่อคนอื่น)
ทำให้ท่านเฉิน กวัง 神光 ที่ภายหลังได้ฉายาเป็นท่าน ฮุ่ยเข่อ 慧可เกิดเข้าใจอย่างฉับพลัน

ว่ากันว่าเพื่อรำลึกถึงท่าน ฮุ่ยเข่อ 慧可ตำแหน่งพระสังฆนายกที่ 2 ของพุทธนิกานเซนจีนที่วัดเส้าหหลินท่านนี้ที่ได้ตัดแขนซ้ายตัวเองขาดไป พระจีนจึงยกมือขวามือเดียวมาพนมแทน 2 มือตามหลัก แต่บางครั้งอาจเห็นยกแขนซ้ายได้

----------------------------------------------
ตามคติของนิกายเซน ถือว่าธรรมเนียมของนิกายนี้ได้รับการสืบทอดจากพระศากยมุนีพุทธเจ้า ผ่านทางพระอริยสงฆ์สาวกในสายของพระมหากัสสปะ โดยได้รับการถ่ายทอดธรรมะด้วยวิถีแห่ง "จิตสู่จิต" และรับมอบบาตร จีวร สังฆาฏิ ของพระพุทธเจ้าเป็นสัญลักษณ์สำคัญของตำแหน่ง จนมาถึงพระโพธิธรรมซึ่งเป็นผู้นำนิกายเซนจากอินเดียมาสู่จีน มีจำนวนทั้งสิ้น 28 องค์ ดังนี้
1.พระมหากัสสปะ
2.พระอานนท์
3.พระศาณวาสะ
4.พระอุปคุต
5.พระธฤตก
6.พระมิจกะ
7.พระวสุมิตร
8.พระพุทธานันทิ
9.พระพุทธมิตร
10.พระปารศวะ
11.พระปุณยยศัส
12.พระอานโพธิ/พระอัศวโฆษะ
13.พระกปิมละ
14.พระนาคารชุนะ
15.พระอารยเทวะ
16.พระราหุลตะ
17.พระสังฆนันทิ
18.พระสังฆยศัส
19.พระกุมารตะ
20.พระศยต
21.พระวสุพันธุ
22.พระมโนรหิตะ
23.พระหเกฺลนยศัส
24.พระสิงหโพธิ
25.พระวสิอสิต
26.พระปุณยมิตร
27.พระปรัชญาตาระ
28.พระโพธิธรรม

ขอบคุณข้อมูลหลักจาก baidu
และ wikipedia
แปลและเรียบเรียบโดยชอบอ่าน
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า

กระทู้ฮอตในรอบ 7 วัน

Tags: จีน
add
เรทกระทู้
« ตอบ #1 เมื่อ: 21 พ.ค. 13, 10:46 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

พุทธนิกายเซนจากอินเดีย กำเนิดหลังจากพระพุทธเจ้า 4-500 ปี และเป็นสายเดียวกับพุทธเจ้าหรือไม่ เห็นท่านเคยบอกว่าได้นำศาสนาพุทธมาประยุกส์แก้ไขมาใช้เป็นของตนเอง หรือบอกว่าพุทธเจ้ามาเลียนแบบของเซน
ครับ จากพุทธเจ้าเพียง 1 องค์ กลายเป็นหลายสิบองค์ครับ อย่างโพธิสัตว์ที่กล่าวถึงนี้ก็มีถึง 28 องค์และยังมีองค์อื่นๆอีกที่ไม่ได้กล่าวถึงครับคุณชอบอ่านช่วยให้คำแนะนำหน่อยครับ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags: จีน
Guest
ชอบอ่าน
เรทกระทู้
« ตอบ #2 เมื่อ: 21 พ.ค. 13, 11:33 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

เป็นสายเดียวกับพุทธเจ้าหรือไม่ ??
ถือเป็นพุทธมหายาน ถ้าอ่านในพระไตรปิฏก จะเห็นว่า พระมหากัสสปะ พระอานนท์ บรรลุอย่างฉับพลัน เช่นตอนพระอานนท์กำลังทำท่าจะนอนก็บรรลุ แต่ยังไง พุทธมหายานก็ยังคงถูกเถรวาทกล่าวว่าไม่ใช่คำพูดพระพุทธเจ้า แต่ทางมหายานก็ยังคงถือเป็นลับที่สืบต่อ


ท่านเคยบอกว่าได้นำศาสนาพุทธมาประยุกส์แก้ไขมาใช้เป็นของตนเอง??
ทางจีนได้กล่าวเช่นนั้น เพราะหลังจากนั้นได้ใช้วิธีบรรลุฉับพลันที่เค้าว่าเป็นวิธีทางจีน แต่ทางนักวิชาการจีนก็มีการแย้งว่าไม่มีพุทธจีนมีแต่พุทธอินเดียและทางเต๋าก็พยายามพูดให้เป็นเรื่องจริงมากๆพุทธจะได้ตกอยู่ใต้อิทธิพลตน

หรือบอกว่าพุทธเจ้ามาเลียนแบบของเซน??
ทางเต๋าพยายามพูดให้เป็นจริงมากๆ เพราะ เหลาจื้อต้นแบบเต๋าที่ ลัทธิเต๋าเอามาผสมศาสนาพุทธและพื้นเมืองมีอิทธิพลต่อความคิดคนจีนโบราณมาก ดังนั้นจะบอกท่านเหลาจื้อไปสอน รับอิทธิพลจากท่านเหลาจื้อคงจะดีสำหรับพวกเค้าไม่น้อย และต่อมาหลังๆเต๋าก็ว่าพุทธเป็นคนพูดเองว่าท่านเหลาจื้อไปสอนพระพุทธเจ้าจึงทำให้คล้ายกันพุทธจะได้เข้าจีนง่ายๆ

จากพุทธเจ้าเพียง 1 องค์ กลายเป็นหลายสิบองค์??
จริงๆมันก็มาจากพุทธผสมทางอินเดียที่นับถือเทพเจ้าจึงเป็นมหายาน จะมีพระพุทธเจ้ามากมายก็ไม่แปลกมาก เพราะทางต้นทางก็เป็นแบบนี้

อย่างโพธิสัตว์ที่กล่าวถึงนี้ก็มีถึง 28 องค์และยังมีองค์อื่นๆอีกที่ไม่ได้กล่าว??
ขอบคุณคุณdestinygoal อย่างยิ่งที่แนะนำ จริงๆไม่ได้ค้นคว้าเรื่องนี้เลยแค่อ่านผ่านๆ ไม่ทราบโพธิสัตว์ทีคุณพูดถึงคือทางอินเดียหรือจีน?? เผื่อมีข้อมูล แต่คุณสามารถนำมาเพิ่มเติมในนี้ได้เลย เพราะช่วงนี้กำลังเขียนงานด้วยแอบเเวะมาเล่นด้วย เลยไม่ได้มีข้อมูลอะไรมากนัก

ขอขอบคุณ คุณ destinygoal สำหรับคำถามต่างๆ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags: จีน
Guest
ชอบอ่าน
เรทกระทู้
« ตอบ #3 เมื่อ: 21 พ.ค. 13, 12:27 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ถ้าคุณ destinygoal เกิดสงสัยว่าพุทธแท้หรือไม่

สามารถตรวจได้จากพระอรหันตร์นิพานดับกิเลส ทางสายกลาง ปฏิบัติมีศีล สมาธิ ปัญญา ไหม

จากข้อความด้านบน " เพื่อจะศึกษาและปฏิบัติจนบรรลุขั้นเถรวาทเพื่อให้ตนหลุดพ้นและเพื่อคนอื่น เพื่อช่วยเหลือผู้คนตามหลักพระโพธิสัตว์มหายานท่านจึงออกบวช " นั่นมีพระอรหันต์นิพานดับกิเลส ส่วน อุทิศตนสละตนแบบพระโพธิสัตว์


พระไตรปิฏกก็มี เช่นพระเวสสันดรให้ทาน ยอมสละลูก สละเมีย ถ้าคุณไม่ได้เข้าใจวิธีปฏิบัติพระโพธิสัตว์ก็จะว่าได้ว่าอะไรทิ้งลูกเมีย
ถ้าคุณมองว่ามันคือสิ่งทดสอบเพราะสละตนเพื่อคนอื่นได้มันไม่เท่าไหร่แล้ว สละลูกเมียเป็นไง แล้วก็มีชูชกตีลูกให้ดูต่อหน้าให้โกรธ ถ้าพระโพธิสัตว์จริงๆเค้าจะรู้ก่อนว่าเค้าต้องไปที่ไหนบำเพ็ญอะไรคนทั่วไปทำคงปัญหา เหมือนเกมส์ให้เค้าผ่านด่าน พระอริยะหรือผู้มีบารมีบำเพ็ญมาก็รู้ได้

หรือจะพูดง่ายๆถ้าคุณจะดูพุทธนิกายทั่วโลก เนื้อแท้จะไม่ต่างจากนี้ไปมาก แต่วิธีต่าง แล้ววัฒนธรรมเค้า

ถ้าคุณเอาเรื่องราวพุทธแท้เทียม คิดว่ามันผสมอย่างอื่นเข้าไม่แท้ คุณแกะเปลือกภายนอกนั้นออก แล้วดูภายในคุณก็จะเห็นว่าเหมือนกัน ภายนอกแค่ฉาก

ส่วนวิธีที่ดีที่สุดที่พระพุทธเจ้าแนะนำคือ บำเพ็ญสะดวกและเข้าถึงเร็ว คือไม่ยากไม่ทรมานตนหรือสายกลาง ถ้าอดข้าวก็ยังไม่สำเร็จถึงช้ากว่าอีก

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags: จีน
add
เรทกระทู้
« ตอบ #4 เมื่อ: 21 พ.ค. 13, 13:21 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

เคยศึกษามาพระองค์นั้นมองการณ์ไกล สายหนึ่งแบ่งเป็นหินยานสามารถบรรลุได้ด้วยตนเองและเป็นนักบวชนุ่งเหลืองห่มเหลืองต้องโกนผมและสามารถสำเร็จบรรลุเป็นอรหันต์ได้ครับ ส่วนอีกสายหนึ่งเป็นมหายานเป็นสายประชาชนเป็นฆราวาสไม่ต้องโกนผมไม่ต้องเป็นนักบวชนุ่งขาวห่มขาวก็สามารถบรรลุเป็นโพธิสัตว์ได้แต่จะต้องมีความเสียสละยอมเสียแขนเสียขาหรือเสียชีวิตเพื่อส่วนรวม่ช่นโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม ท่านอาจารย์จี้กงเป็นต้น
หรือเช่นรัฐบุรุษที่ทำเพื่อประชาชนก็ถือเป็นโพธิสัตว์ได้เช่นกันครับคุณชอบอ่านครับ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags: จีน
Guest
ชอบอ่าน
เรทกระทู้
« ตอบ #5 เมื่อ: 21 พ.ค. 13, 13:52 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ถูกต้องเลยคุณ destinygoal

ละเอียดอีกนิด พุทธแบ่งเป็น4ระยะ

1.พุทธมีพุทธดั้งเดิม

2.พุทธเถรวาท เริ่มแตกหลายนิกาย รวมบ้านเรา หรือเรียกหินยาน(มันดูต่ำไป มหายานเค้าพูดดูถูกไว้ให้ขึ้นมา)

3.พุทธมหายาน แต่ถ้าถามคนจีน เค้าจะคิดว่าพุทธต้องบวช เค้าไม่ค่อยทราบ เพราะพุทธเข้ามาจีนก็ออกบวชมากมายจนต้องกำจัดพุทธให้คนสึก
ซึ่งพระทางจีนก็บอกพุทธมหายานเป็นพระครองเรือนได้(ฆราวาส) ไม่จำเป็นต้องบวช

4.นิกายวัชรยาน ก็อยู่ในมหายาน แตถ้าถามทางพระธิเบตเค้าก็จะว่าเค้าสูงกว่ามหายาน เพราะรับการถ่ายทอดโดยตรงเป็นพุทธ แบบลับๆ แต่จะมไม่เปิดเผยให้คนนอก ดังนั้นเค้าจะมีท่ามือ ท่องมนต์อะไร


noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags: จีน
add
เรทกระทู้
« ตอบ #6 เมื่อ: 21 พ.ค. 13, 14:39 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ทางพระสงฆ์ไทยกับทางสงฆ์จีนพุทธมหายาน ใช้พระไตรปิฏก เล่มเดียวกันในการศึกษา ศีล227ข้อ ในบทเดียวกันหรือไม่ครับ และภาษีบาลีที่พระไทยแปลมีปัญหาไม่ตรงกับคำสอนของพุทธองค์หรือไม่ครับ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags: จีน
Guest
ชอบอ่าน
เรทกระทู้
« ตอบ #7 เมื่อ: 21 พ.ค. 13, 15:37 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
ทางพระสงฆ์ไทยกับทางสงฆ์จีนพุทธมหายาน ใช้พระไตรปิฏก เล่มเดียวกันในการศึกษา ศีล227ข้อ ในบทเดียวกันหรือไม่???
มหายานเกิดทีหลัง แน่นอนต้องมีของเก่าเถรวาทผสมและอาจารย์ หรือพระโพธิสัตว์ต่างๆเขียนตำราเพิ่มขยายความ แต่เท่าที่มีมี 100 เล่ม ใหญ่มากๆ แต่ถูกเรียบเรียงจากทางญี่ปุ่น เพราะทางจีนเนื้อหาสูญหาย รู้กันอยู่ว่าญี่ปุ่นรับอิทธิพลจากจีน พวกเค้าเก็บรักษาดี
ดังนั้นชุดเเรกๆจะตรงกับเนื้อหาพระไตรปิฏกบ้านเรา แต่อาจจะมีขาดบ้างบางบท

ทางจีน ถ้าพูดรวมๆคือ ศีล 250 ข้อแต่ว่าทางจีนมีการแปลรวบรวมมาจากหลายที่ หลายนิกายแตกมาจากของเถรวาท ดังนั้น แต่ละนิกายที่มีในจีนที่แตเป็น8นิกายใหญ่ มันอาจจะมากน้อยไม่เท่ากัน บางนิกายก็เน้นทางเถรวาท แต่ต่างกันไม่มาก โดยเฉพาะพระถังไปอันเชิญรวบรวมมาแปลสมัยราชวงศ์ถังที่พุทธบูมสุดๆ นำกลับมาเพียบ

ยังบอกไม่ได้ว่าบทเดียวกันหรือไม่ แต่เค้าอาจต่างบ้างคือพระจีนฉันเจ ถูกมือผู้หญิงก็ได้ ยังไม่ได้ตรวจแต่ที่แน่ๆมีทุกครั้งที่มีพระจีนไปกกสาว สื่อประชาชนรุมจวก พระปลอมก็เยอะ เพราะไปผสมกับฆราวาทมากพระอ่อนๆเสื่อม

ภาษีบาลีที่พระไทยแปลมีปัญหาไม่ตรงกับคำสอนของพุทธองค์หรือไม่ครับ??

แต่ทางมหายานเค้าแปลมาจากภาษาสันสฤษไม่ใช่บาลีแบบบ้านเรา แต่เนื้อหาในด้านอื่นมีคลาดเคลื่อน เช่นบางจุด ไทยเกิน จีนขาด ยังไม่ฟังธงไทยต่อเติมหรือจีนขาดไป
คนไทยก็จะว่าจีนขาด คนจีนก็จะว่าจีนเก่าไทยเติมเดี๋ยวตีกัน
เช่น กลามสูตร อย่าเชื่อ 10 ประการ จีนไม่มีจุดนี้ แต่เนื้อหาในบทนี้มีเหมือนกัน อาจต่างตรงพระพุทธเจ้าตรัสตอบชาวกาลามะที่สงสัยจะเเยกพรามณ์คนไหนพูดเท็จจริงอย่างไร ได้ตรัสว่า ไม่โลภโกรธหลงก็ไม่ผิดกุศลกรรม10(จีน) แต่ไทยเป็นศีล 5 และสุดท้ายเหมือนหมด

แต่ถ้าเราไม่คิดมาก เราจะสามารถจับจุดได้ว่า ไม่โลภโกรธหลง ก็ไม่โกหก ต่อให้เป็นใครก็ตาม ถ้ามีพวกนี้ก็อย่าปลงใจเชื่อ (ไม่เป็นปัญหาในการเข้าใจ แถเก่ง q*073)
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags: จีน
Guest
ชอบอ่าน
เรทกระทู้
« ตอบ #8 เมื่อ: 21 พ.ค. 13, 15:54 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ลืมบอกคุณ destinygoal ข้อสุดท้ายตอบแบบเข้าใจผิด

เรียนภาษาจีนตลอด เเล้วมาใช้ภาษาจีนศึกษาพุทธ รวมทั้งศึกษาพุทธทางไทยแบบภาษาไทย ดังนั้นภาษาบาลีไม่ต้องพูด แย่ แต่อาศัยเทียบพระไตรปิฎกไทยจีนดู จะเห็นความต่าง เหมือน ขาด เกิน เห็นอะไรมากกว่าที่คิด เพราะต่างสองฝ่ายต่างก็มีของเก่าๆที่สืบต่อกันมา

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags: จีน
Guest
เฮโลฯ..
เรทกระทู้
« ตอบ #9 เมื่อ: 21 พ.ค. 13, 19:52 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
ผมจะกลับไปค้นดูในกระทู้เก่า เห็นว่าคนชอบอ่านได้บรรยายถึงลัทธิอื่นๆ..
คนชอบอ่านได้บอกชื่อลัทธิต่างๆ
ผมฟังเทศ ลัทธิอื่นๆ พระจะเรียก นิครน
ผมไม่ถนัดในการจดจำชื่อที่เป็นบาลีครับ เลยจำชื่อต่างๆของเจ้าลัทธิต่างๆ เช่น ตอนที่พระพุทธเจ้าบรรลุฯใหม่ๆ และได้แสดงธรรมให้แก่เจ้าลัทธิบูชาไฟ
นิกาย ที่ไม่นุ่งผ้า ก็เรียกลัทธิเชนไม่ใช่หรือครับ..เชน ที่ไม่นุ่งผ้าอ่ะครับ..
เจ้าลัทธิชื่อมหาวีระ หรือไงนี่แหละครับ..
เจ้าลัทธิคนนี้ รู้จักว่าตนเอง อ่อนแอกว่าพระพุทธเจ้า และอนุญาตให้สาวก ไปกราบพระพุทธเจ้า ส่วนตัวเจ้าลัทธิ เพื่อเป็นการรักษาฟอร์ม จึงไม่ไปกราบพระพุทธเจ้า..
ผมฟังพระเทศน์อ่ะครับ..
ส่วน คนชอบอ่าน ค้นมาจากตำรา..มันไม่ตรงกันอ่ะครับ..
ฟังพระเทศน์ ก็เหมือนคนเล่านั่นแหละครับ คนก็แก่ได้ หลงๆลืมๆได้..
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags: จีน
Guest
ชอบอ่าน
เรทกระทู้
« ตอบ #10 เมื่อ: 21 พ.ค. 13, 20:20 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

สวัสดีคุณ เฮโลฯ..

ส่วนตัวไม่ได้จำรายละเอียดเท่าคุณ เฮโลฯ.. เลย ต้องนับถือ q*062
แค่ดูคร่าวๆอ่านผ่านๆให้รู้ว่ามีลัทธิทั้ง 6 ที่พูดกันบ่อยจากลัทธิอีกมายมาย บางทีคุณอาจได้ฟังมากกว่านี้เลยไม่คล้าย
พระไตรปิฎกมีเนื้อหาเยอะแยะ ส่วนใหญ่จะแค่อ่านผ่านๆแบบรวดเร็ว
ดูคร่าวๆ

ขอขอบคุณ คุณ เฮโลฯ..ที่แวะเวียนมาทักทาย

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags: จีน
Guest
มเหศักดิ์
เรทกระทู้
« ตอบ #11 เมื่อ: 21 พ.ค. 13, 21:26 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
ผมว่าเรากำลังคุยสองเรื่องในประเด็นเดียวกันอยู่นะครับ คุณ จขกท.พูดถึงศาสนาพุทธนิกายเซน (มาจากคำว่า "ฌาน" ในภาษาสันสกฤต) ซึ่งเป็นนิกายย่อยของมหายาน แพร่หลายในประเทศจีนและญี่ปุ่น

ส่วนท่านเฮลโลฯ กำลังคุยเรื่อง "ศาสดามหาวีระ" (ที่ผมเคยอ่านในนิตยสารบางกอกของพี่สาวสมัยยังเป็นเด็ก) เจ้าลัทธิเชน ซึ่งเป็นลัทธิหนึ่งของชาวอินเดียที่เพิ่งเกิดความนิยมขึ้นเมื่อไม่กี่สิบปีที่แล้ว กระมังครับ
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags: จีน
Guest
ชอบอ่าน
เรทกระทู้
« ตอบ #12 เมื่อ: 21 พ.ค. 13, 22:38 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

สวัสดีคุณ destinygoal

ฟังแล้วอึ้งไปเลย ลูกโตขนาดนี้ แถมสอบได้จุฬาหมด สงสัยจะเก่งเหมือนคุณพ่อคุณแม่แน่ๆเลย รู้สึกดีใจและภูมิใจแทน แต่รู้สึกเหมือนว่าพวกคุณอาจจะอายุมากกว่าเยอะเลย q*078q*078


noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags: จีน
Guest
ชอบอ่าน
เรทกระทู้
« ตอบ #13 เมื่อ: 22 พ.ค. 13, 07:10 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ปรับปรุงแก้ไขล่าสุด: 16/04/54

พอดีเพิ่งเห็นข้อความคุณ มเหศักดิ์ และเพิ่งทราบว่าเข้าใจผิดคิดว่าคุณ เฮโลฯ..กำลังคุยเกี่ยวกับลัทธิสุดโต่งกระทู้เก่าอยู่ เลยว่ารู้คร่าวๆแค่ 6 ลัทธิสุดโต่ง ไม่คิดว่าจะเข้าใจ พุทธนิกายเซน(เซ็น)เป็น ลัทธิสุดโต่งแก้ผ้า

คิดว่าการแตกออกมาของมหายานรายละเอียดคงค้นจากพระไตรปิฏกไม่ได้มากอะไร เพราะเค้านำมาแตกข้อมูล พัฒนาต่อยอดในด้านนั้นๆ

งั๊นไปตัดเอาจุดกำเนิดอย่างคร่าวๆมาให้ดูก่อน ทางจีนก็พูดถึงพระมหากัสสปะแบบนี้

-----------------------------------------



พุทธศาสนานิกายเซ็น
Zen Buddhism


1. ความเป็นมา
พุทธศาสนานิกายเซ็นเป็นพุทธศาสนานิกายหนึ่งที่พัฒนาขึ้นในดินแดนจีนช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 7 และ 8 โดยการผสมผสานแนวคิดของพุทธศาสนาฝ่ายมหายานจากอินเดียและปรัชญาเต๋าในจีน คำว่า “เซ็น” (Zen) นี้มีรากศัพท์มาจากภาษาสันสฤตว่า “ธยานะ” (dhyana) และภาษาบาลีว่า “ฌาณ” (jhana) ที่แปลว่า “สมาธิ” เมื่อพุทธศาสนาเผยแพร่สู่ดินแดนจีน ชาวจีนออกเสียงคำนี้ว่า “ฉาน” (Ch’an) ต่อมาจึงพัฒนาเป็นพุทธศาสนานิกายฉาน และดินแดนญี่ปุ่นได้รับอิทธิพลของแนวคิดนิกายฉานนี้เข้ามา แต่ที่เรียกเป็นพุทธศาสนานิกายเซ็นก็เพราะชาวญี่ปุ่นออกเสียงคำว่า “ฉาน” เป็น “เซ็น” ต่อมาพุทธศาสนานิกายนี้ได้พัฒนาออกไปเป็นหลายสำนัก แต่มีแนวคิดหลักร่วมกัน คือเป็นพุทธศาสนาที่เน้นการปฏิบัติสมาธิ

จุดกำเนิดของแนวคิดนิกายเซ็นมีมาแต่ครั้งพุทธกาลจากพระสูตรสัทธรมปุณฑรีกสูตรที่ว่าด้วยปัญหาที่ ท้าวมหาพรหมทูลถามพระพุทธองค์ ดังเนื้อความต่อไปนี้

สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับ ณ ภูเขาคิชกูฎ ท้าวมหาพรหมได้มาถวายดอกไม้เป็นพุทธบูชา แล้วนั่งลงกราบทูลให้ทรงแสดงธรรม พระตถาคตจึงได้ทรงแสดงโดยการชูดอกไม้ขึ้น ณ ท่ามกลางสันนิบาต แล้วมิได้ตรัสอะไร ในขณะนั้น ปวงเทพและมนุษย์ทั้งหลายต่างไม่เข้าใจในความหมาย มีแต่พระมหากัสสปะยิ้มน้อยๆ อยู่ พระโลกนาถเจ้าจึงตรัสว่า ตถาคตมีธรรมจักษุอันถูกตรงพระนิพพานและจิตที่เยี่ยม ภาวะที่แท้จริงย่อมไม่มีลักษณะ มอบให้แก่มหากัสสปะแล้ว (ทวีวัฒน์ ปุณฑริกวิวัฒน์, 2530: 9-10)
การที่พระมหากัสสปะผู้มีความเป็นเลิศในทางปัญญาได้รับสังฆาฏิจีวรของพระพุทธองค์ ทำให้เกิดธรรมเนียมการส่งมอบ จีวร สังฆาฏิ และบาตร ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ในการสืบทอดตำแหน่งพระสังฆปรินายกของนิกายเซ็น ถ้าถือตามพระสูตรสัทธรมปุณฑรีกสูตรนี้จะถือได้ว่าพระมหากัสสปะเป็นพระสังฆปรินายกองค์ที่ 1 ในอินเดียและมีการสืบต่อกันมาจนกระทั่งถึงพระสังฆปรินายกองค์ที่ 28 ซึ่งก็คือ พระโพธิธรรม (Bodhidharma) ท่านได้นำพุทธธรรมเข้ามาเผยแพร่ในดินแดนจีน โดยสั่งสอนธรรมให้กับท่านฮุ่ยเคอ (Hui c’o) พุทธศาสนานิกายเซ็นในดินแดนจีน จะนับพระโพธิธรรมว่าเป็นพระสังฆปรินายกองค์ที่1 จากนั้นได้มีการสืบทอดตำแหน่งเรื่อยมา จนถึงสมัยของพระสังฆปรินายกองค์ที่ 6 คือ ท่านฮุ้ยเน้ง (Hui – neng) หรือ ท่านเว่ยหลาง (Wei Lang, ค.ศ. 638 - 713) หลังจากนี้พุทธศาสนานิกายเซ็นได้แตกออกเป็น 5 สาขาใหญ่ ได้แก่ เว่ยหยาง (Wen – Yang) หยุนเหมิน (Yun – Men) ฟาเหยน (Fa – Yen) เฉาต้ง (Ts’ao – Tung) และ หลินฉี (Lin – Chi) สาขาที่สำคัญและได้รับการสืบทอดมาจนทุกวันนี้ มีเพียง 2 สาขา คือ เฉาต้ง และ หลินฉี พุทธศาสนาทั้ง 2 สาขานี้เองที่ดินแดนญี่ปุ่นรับเข้ามาในสมัยคะมะกุระ (Kamakura, ค.ศ. 1185 - 1333) ท่านเอะอิไซ (Eisai, ค.ศ. 1141 - 1215) เป็นผู้ก่อตั้ง โดยนำแนวคิดจากสายหลินฉีมาเผยแพร่ เรียกว่านิกาย “รินไซเซ็น” (Rinzai Zen) สำนักนี้เน้นการรู้แจ้งอย่างฉับพลันโดยอาศัยปริศนาธรรมเพื่อให้เกิดความสงสัยอย่างต่อเนื่องในจิต จนกระทั่งถึงที่สุดก็จะบรรลุสู่ความรู้แจ้งอย่างฉับพลัน กล่าวคือ การปฏิบัติธรรมกับผลที่ได้จากการปฏิบัติธรรมเป็นคนละส่วนกัน โดยอาศัยปริศนาธรรมเป็นวิธีที่นำไปสู่การบรรลุธรรม ต่อมาท่านโดเก็น (Dogen, ค.ศ. 1200 - 1253) ได้นำแนวคิดจากสายเฉาต้งมาเผยแพร่ เรียกว่านิกาย “โซโตเซ็น” (Sōtō Zen) สำนักนี้เน้นที่การปฏิบัติซาเซ็น (zazen) หรือ การทำสมาธิเป็นสำคัญ ทั้งนี้เพื่อพัฒนาความสงบและมั่นคงแห่งจิตเพื่อแสดงให้เห็นว่าความรู้แจ้งอยู่ในประสบการณ์แห่งสมาธิจิตอยู่แล้ว คำสอนของสำนักโซโตเซ็นจะเน้นว่าการปฏิบัติธรรมกับผลที่ได้จากการปฏิบัติธรรมเป็นหนึ่งเดียวกัน โดยที่การปฏิบัติธรรมมิใช่ “วิธี” สู่การบรรลุเป้าหมายบางอย่างภายนอก แต่ประสบการณ์ที่แท้ในการปฏิบัติธรรมนั้นเอง คือ การบรรลุธรรม


พระสูตรสำคัญในพุทธศาสนานิกายเซ็น

ถึงแม้ว่าหลักสำคัญของพุทธศาสนานิกายเซ็น คือ การสืบทอดพิเศษนอกคัมภีร์ (special transmission outside the scripture) ไม่ต้องอาศัยคำพูดและตัวอักษร (no dependence on words and letters) ชี้ตรงไปยังแก่นแท้ของมนุษย์ให้เห็นแจ้งในธรรมชาติของตนเองและบรรลุความเป็นพุทธะ (seeing into one’s nature and the attainment of Buddhahood) แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเซ็นปฏิเสธคัมภีร์หรือตัวอักษร ในทางตรงข้าม อาจารย์เซ็นทั้งหลายต่างได้สร้างวรรณกรรมมากมายดังปรากฎเป็นปริศนาธรรม บทกวี เป็นต้น พุทธศาสนานิกายเซ็นเป็นพุทธศาสนานิกายหนึ่งซึ่งได้รับอิทธิพลทางความคิดจากจีนและอินเดียที่ได้รับสืบทอดจากพระสูตรสำคัญ ๆ ดังนี้ มหาปรัชญาปารมิตาสูตร (Prajaparamita Sutra) สัทธรรมปุณฑริกสูตร (Lotus Sutra) สูตรเว่ยหลาง (The Platform Sutra of Patriarch Hui-Neng) วัชรสูตร (Diamond Sutra) แต่พระสูตรที่สำคัญคือลังกาวตารสูตร (Lankvatra Sutra) ดังมีประวัติเล่าว่าท่านโพธิธรรมได้มอบลังกาวตารสูตรให้กับผู้สืบทอดตำแหน่งสังฆปรินายกเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อกันมา


2. การบรรลุธรรม

การบรรลุธรรมในพุทธปรัชญานิกายเซ็น (禅 Zen) เรียกว่า “ซาโตริ” (悟りsatori) หมายถึงการรู้แจ้งแห่งสภาวะความจริงสูงสุด กล่าวคือ ซาโตริ เป็นประสบการณ์การรับรู้ความจริงว่าสรรพสิ่งในจักรวาลล้วนเป็นหนึ่งเดียวกัน หรือกล่าวได้ว่าประสบการณ์ซาโตรินี้เป็นการทำลายความยึดมั่นถือมั่นที่ทำให้เกิดความแบ่งแยก เป็นการได้มาซึ่งความเข้าใจว่าที่แท้แล้วทุกสรรพสิ่งล้วนเป็นหนึ่งเดียว กล่าวคือ เป็นเพียงความว่าง หรือความเป็นเช่นนั้นเอง (Suchness) มีวิธีการหลักเพื่อการบรรลุธรรม 3 วิธีด้วยกัน คือ ซาเซ็น( 座禅 zazen) หรือการนั่งสมาธิ ซันเซ็น (参禅 sanzen) หรือการขบคิดปริศนาธรรม (公案 kōan) และ มนโด (問答 mondō) หรือ การถามตอบอย่างฉับพลัน... ...

3. วิธีการบรรลุธรรม

การบรรลุซาโตริคือการรู้แจ้งแห่งสัจธรรม กล่าวคือ เป็นการทำลายอวิชชา ตัณหา และอุปทาน ก้าวพ้นทวิลักษณ์ มองเห็นสรรพสิ่งเป็นหนึ่งเดียว ไม่มีการแบ่งแยกแต่อย่างใด เป็นแต่ความว่างอันเป็นหนึ่งเดียวกัน.......

ขอบคุณข้อมูลจาก
philospedia.net

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags: จีน
Guest
ชอบอ่าน
เรทกระทู้
« ตอบ #14 เมื่อ: 22 พ.ค. 13, 07:28 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

บทความที่นำมาลงนี้เกี่ยวกับเซนญี่ปุ่นที่มาจากจีน
จะเห็นได้จาก มีความเป็นพุทธในตัว แต่วิธีต่างบ้าง
แต่ก็ยังคง เกี่ยวกับปริศนาธรรมและการบรรลุธรรม
อย่างฉับพลัน เหมือนจุดกำเนิด
----------------------------------
4. ปริศนาธรรม

ปริศนาธรรมในสายรินไซเซ็นเป็นปัจจัยช่วยทำให้พุทธศาสนานิกายเซ็นดูมีความโดดเด่น รินไซเซ็นเน้นการปฏิบัติเพื่อการบรรลุธรรมอย่างฉับพลัน โดยจะเน้นหนักไปทางการใช้ปัญญาในการขบคิดปริศนาธรรม ในขณะที่สายโซโตเซ็นจะเน้นการปฏิบัติซาเซ็นเป็นสำคัญ

4.1 ความหมาย

ปริศนาธรรม หรือ โคอัน (Koan) ในอดีตสมัยปลายราชวงศ์ถังหมายถึง “เอกสารสาธารณะ” หรือ “พระราชบัญญัติ” แต่ต่อมามีความหมายถึงเรื่องราวหรือบทสนทนาระหว่างอาจารย์กับศิษย์ หรือปัญหาที่อาจารย์หยิบยกขึ้นมาแสดงแก่ศิษย์

อาจารย์ซะซะกิ (Sasaki, 1965: 4 - 9) เสนอว่าคำว่า “โค” หมายความว่า “สาธารณะ” (public) นอกจากนี้ยังมีความหมายแฝง คือ การสิ้นสุดลงแห่งความคิดความเข้าใจอันเป็นส่วนตัวที่เต็มไปด้วยความยึดมั่นถือมั่นในลักษณะทวินิยม ส่วน “อัน” มีความหมายว่า “บันทึกหรือเอกสาร” (records) ซึ่งแฝงนัยว่าเป็นการยืนยันสภาวะแห่งพุทธะที่แสดงออกมา ฉะนั้น โคอันจึงมีความหมายแฝงว่าเป็นการแสดงออกแห่งธรรมะอันแท้จริงสูงสุด

ท่านฮากุอิน (Hakuin, ค.ศ.1685-1768) ได้รวบรวมปริศนาธรรมตามที่ปรากฏใช้อยู่ในสำนักนี้ประมาณ 1,700 บท เช่น

จงแสดงใบหน้าที่แท้จริงของท่านก่อนท่านเกิด
อะไรคือเสียงของการตบมือข้างเดียว
ถาม: อะไรคือหลักธรรมของพุทธศาสนา
ตอบ: ข้าพเจ้าเห็นภูเขาไม่ใช่ภูเขา เห็นแม่น้ำไม่ใช่แม่น้ำ

4.2 ความเป็นมา

เราสามารถสืบสาวความเป็นมาของปริศนาธรรมไปถึงครั้งสมัยที่พระพุทธองค์ยังคงดำรงพระชนม์ชีพอยู่ กล่าวคือ พระพุทธองค์ได้แสดงคำสอนต่าง ๆ เพื่อการรู้แจ้ง ดังเห็นได้จากตอนที่พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมแก่พระมหากัสสัปปะ อย่างไรก็ดี รูปแบบปริศนาธรรมที่ชัดเจนนั้นเริ่มมีปรากฏขึ้นในสมัยราชวงศ์ถังตอนปลาย อาจารย์หนานหยวน ฮุ่ยหย่ง (Nan-yuan Hui-yung ค.ศ.? – 930) หรือ ท่านนันอิน เอเกียว (Nan’in Egyo) เป็นผู้ริเริ่มรวบรวมปริศนาธรรมต่าง ๆ ที่เหล่าอาจารย์ในอดีตใช้สั่งสอนศิษย์ตามสถานการณ์และความเหมาะสม แต่ด้วยขาดแคลนอาจารย์ที่จะสร้างสรรค์ปริศนาธรรมใหม่ ๆ และจำนวนศิษย์ที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ปริศนาธรรมใหม่ๆ จึงไม่ค่อยมี ปริศนาธรรมซึ่งหมายถึง “บันทึกสาธารณะ” (public records) จึงสื่อนัย “คำสอนที่สืบทอดมาแต่ครั้งอดีต” (words of ancients) ด้วย.... ....



4.3 จุดหมาย

จุดหมายแห่งปริศนาธรรมมิใช่การอธิบายแก่นแท้แห่งพุทธธรรม แต่เป็นไปเพื่อผลในเชิงปฏิบัติ มีผู้เปรียบการใช้ปริศนาธรรมว่าเป็นดั่ง “นิ้วที่ชี้สู่ดวงจันทร์” หมายความว่า จุดมุ่งหมายของปริศนาธรรมไม่ได้อยู่ที่การพยายามหาความหมายภายในตัวปริศนาธรรมนั้นเอง ทั้งนี้เพราะปริศนาธรรมไม่ใช่จุดหมายปลายทางแต่เป็นเพียงวิธีการเท่านั้น ถ้าเรายังคงยึดติดอยู่ที่ปริศนาธรรมแล้วจะไม่สามารถก้าวพ้นไปสู่สภาวะอันแท้จริงได้ เปรียบได้กับการมองเพียงนิ้วที่ชี้ไปสู่ดวงจันทร์ ซึ่งถ้ามองเพียงแต่นิ้วเราก็ไม่อาจมองถึงดวงจันทร์ได้ กล่าวคือ สิ่งที่ผู้ชี้ต้องการคือไม่ใช่การมองเพียงที่นิ้ว แต่เป็นการมองดูดวงจันทร์อันเป็นเป้าหมายของการชี้นิ้วสู่ดวงจันทร์

การขบปริศนาธรรมมีเป้าหมายให้บรรลุสภาวะแห่งซาโตริอันอยู่พ้นจากกรอบของภาษาและเหตุผลธรรมดาทั่วไป ปริศนาธรรมมักแสดงออกในลักษณะที่เป็นปฏิทรรศน์ (paradox) ... ...

นอกจากนี้ ปริศนาธรรมยังใช้เป็นเครื่องมือในการตัดสินหาผู้เหมาะสมกับตำแหน่งสังฆปรินายกองค์ต่อไป กล่าวคือ ผู้ที่ได้รับการยอมรับจากอาจารย์เซ็นในการสืบทอดตำแหน่งสังฆปรินายกจะต้องผ่านการตรวจสอบโดยอาศัยปริศนาธรรมและกระบวนการต่างๆอย่างเข้มงวด นอกจากจะมีความเป็นเลิศทางธรรมแล้ว ยังต้องเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยสภาพจิตที่เปี่ยมด้วยความรู้แจ้ง ความสามารถในการสั่งสอนแนวทางแห่งเซ็น

5. เซ็นกับจริยศาสตร์

สมมติฐานเกี่ยวกับโลกในปรัชญาตะวันตกกระแสหลักเห็นว่ามีความเป็นจริงบางอย่างอยู่ก่อนการรับรู้ของมนุษย์ สมมติฐานนี้นำไปสู่การมองโลกในเชิงทวิลักษณ์ เช่น ผู้รับรู้กับสิ่งที่ถูกรับรู้ กายกับจิต เหตุผลกับประสบการณ์ เป็นต้น และถ้าพิจารณาในบริบทของจริยศาสตร์ตะวันตก เราจะพบว่าจริยศาสตร์เชิงบรรทัดฐาน (normative ethics) ซึ่งเป็นเรื่องของการใช้เหตุผลในการแสวงหาว่าอะไรคือ “สิ่งที่ควร” สำหรับทุกคน โดยพิจารณาว่าอะไรควรเป็นเกณฑ์ในการตัดสินการกระทำว่าเป็นการกระทำที่ถูกที่ควร การแสวงหานั้นมีนัยของการแยกแยะว่าอะไรถูก อะไรผิด อะไรควร อะไรไม่ควร นอกจากนี้ ยังมีนัยว่าการกระทำที่ควรอยู่ในขอบเขตความสามารถที่จะกระทำได้ของมนุษย์ จริยศาสตร์ตะวันตกจึงมองจากกรอบการแยกแยะเชิงทวิทัศน์ ซึ่งอาจทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์และสิ่งอื่นแยกขาดจากกันโดยสิ้นเชิง

พุทธปรัชญานิกายเซ็นเลือกที่คำถามทางจริยศาสตร์ว่า “เราควรเป็นอย่างไร” มากกว่าการถามว่า “เราควรทำอย่างไร” นิกายเซ็น การเรียกร้องให้มนุษย์กลับไปสู่ประสบการณ์ดั้งเดิมที่ปราศจากการแยกแยะเชิงมโนทัศน์ เพราะความเป็นจริงสำหรับเซ็นคือการปรากฎขึ้นของความเป็นหนึ่งเดียวของมนุษย์ โลก และการรับรู้ กล่าวคือ ความเป็นจริงมิใช่โลกภายนอกที่ต้องแสวงหา แต่เป็นเรื่องภายในตัวมนุษย์เอง ... ...


หากจะเปรียบวิธีคิดระหว่างเซ็นและพุทธปรัชญาแบบเถรวาทแล้ว จะเห็นได้ว่าทัศนะทางจริยศาสตร์ของเถรวาทให้ความสำคัญเรื่องศีลหรือวินัยสำหรับเป็นฐานในการพัฒนาสมาธิและปัญญา(ศีล-สมาธิ-ปัญญา) แต่ในนิกายเซ็นนั้น ปัญญาช่วยทำให้ศีลไม่เป็นเพียงกรอบหรือข้อวัตรปฏิบัติเท่านั้น แต่เป็นวัตรปฏิบัติที่เป็นไปเองภายในวิถีแห่งเซ็น(ปัญญา-สมาธิ-ศีล) หรือก็คือจิตปกตินั่นเอง... ...

ขอบคุณข้อมูลจาก
philospedia.net
มัสยา นิรัติศยภูติ (ผู้เรียบเรียง)

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags: จีน
Guest
ชอบอ่าน
เรทกระทู้
« ตอบ #15 เมื่อ: 22 พ.ค. 13, 10:13 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

สวัสดีคุณ destinygoal

ฟังแล้วเก่งๆกันทุกคนเลย

ส่วนเรื่องที่เรียน ก็ตามใจตามสะดวกตามถนัดทุกท่านเลย

บางกรณีมันใช้ได้กับอีกคน แต่บางกรณีมันใช้ไม่ได้กับอีกคน


แต่ถ้าถามประสบการณ์ส่วนตัวเป็นคนขี้เกียจ เรียนบ้านนอกมัวแต่เล่น

เข้าไปเรียนในตัวเมืองจึงได้เริ่มอ่านหนังสือ เพราะอายเพื่อนๆหัวกะทิที่มา

จากที่ต่าง เก่งๆทั้งนั้น วิธีการสอนก็ดีเข้มงวด

และเลยรู้ว่าอ่านหนังสือมันทำให้เรียนเก่งขึ้น จากนั้นอ่านก็เกรดดีขึ้น

ตลอด


ตอนประถมที่เคยเข้าไปเรียนในตัวเมือง ก็เคยย้ายกลับมาเรียนบ้าน

แรกแม่เคยพาไปโรงเรียนที่คนน้อยถูกยุบไปนานแล้ว แต่ครูไม่รับ

บอกแม่ว่าทำไมพาลูกมาถอยหลังลงคลอง

แม่เลยพามาอีกโรงเรียน ก็ใกล้บ้านทั้งคู่

โรงเรียนบ้านนอกหรือรอบนอกโรงเรียนนี้เพิ่งสอน A B C

ทั้งที่ในเมืองเรียนเลยไปเยอะแล้ว จึง

ทำให้เรียนใหม่รอเพื่อน ผลการเรียนก็ดีแบบไม่ต้องพูดเลย

เพราะเรียนมาแล้ว



ส่วนที่บ้านเลี้ยงแบบปล่อย พวกเค้ายุ่งทั้งวัน แค่ให้เงินแล้วก็จะไปเล่นไป

เรียนก็ตามสบาย ต่างจากลูกครูที่พ่อให้อ่านหนังสือทุกวัน อยู่บ้านนอก

เธอได้ที่หนึ่ง แต่พอสอบเข้ามัธยมตัวเมืองลูกครูคนนี้ก็ไปอยู่ห้อง

สองรองจากห้องเก่งสุดคือห้องหนึ่ง พอเธอเข้าไปในตัวเมืองเธอ

ไม่ได้เก่งที่สุดเหมือนอยู่ในโรงเรียนบ้านนอก เหนือฟ้ายังมีฟ้า


ตอนเด็กไม่รู้ว่าทำไมต้องอ่านหนังสือ ไปเรียนๆเล่นๆ


แต่จำได้ตอนอยู่อนุบาลในตัวเมือง พ่อตีไม่ให้ออกไปเล่นให้อ่านหนังสือปี

นั้นได้ที่หนึ่ง หลังจากนั้นก็ตกกระป๋องเรื่อยๆเพราะทางบ้านไม่ได้บังคับ

อะไรก็เล่นทั้งวัน


พอมัธยมพวกเราสอบเข้าไปติดในตัวเมืองก็ขยันเรียนกัน

ส่วนเพื่อนที่อยู่รอบนอกก็เรียนโรงเรียนมัธยมรอบนอกนั่นไม่ทันจบ ม.3

ก็มีครอบครัว บ้างก็มีลูกหลายคน


จำได้ว่าพวกเรางง ว่าทำไมมันต่าง พวกเราก็เตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย

ไม่ทราบว่ามัธยมรอบนอกเเห่งนี้มันสบายไปหรือไง เพื่อนๆจึงมีครอบครัว

กันแต่เด็ก ไม่เรียนกัน หรือเป็นวิธีชาวบ้านคนรอบนอก

สรุปกลุ่มที่สอบเข้าในตัวเมืองก็ไม่ได้มีครอบครัวจนสอบ

เข้ามหาวิทยาลัยกัน เพราะมัวอ่านหนังสือ


แต่โดยส่วนตัว เห็นว่าแล้วแต่สะดวกทุกท่าน ทำอะไรแล้วดีก็ทำไป

ตามทางที่จะทำให้พัฒนาได้


บางคนอยู่ที่ไหนก็เก่ง บางคนเปลี่ยนที่พบผู้คนพบมิตรดีก็ แวดล้อมที่ดี

พร้อมเปลี่ยนพัฒนาไปทางที่ดี


เหมือนศาสนาพุทธนิกายต่างๆ ที่มีหลากวิธี แต่เข้าถึงได้เหมือนกัน

ไม่มีบังคับ ตามใจทุกท่าน

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags: จีน
Guest
ชอบอ่าน
เรทกระทู้
« ตอบ #16 เมื่อ: 22 พ.ค. 13, 11:00 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ถึงคุณ destinygoal ที่คุณถามว่า

ผมนึกขึ้นมาได้ว่า เมื่อปีก่อนมีผู้เข้ามาลงข้อความว่าพระพุทธเจ้านั้นสำเร็จที่จ.ลพบุรี ไม่ใช่ประเทศอินเดียครับและลงข้อความอยู่หลายวันและบอกว่าประวัติของพระพุทธเจ้าที่ถูกต้อง จะสำเร็จเป็นพุทธเจ้าต้องสำเร็จที่ประเทศไทยเท่านั้นรวมทั้งอรหันต์ทุกพระองค์ด้วยครับคุณชอบอ่านเคยได้ยินข่าวนี้มาหรือไม่ครับ ???

ไม่เคยได้ยินเลย

โดยส่วนตัวเคยอ่านเจอว่าจะบรรลุเป็นพระพุทธเจ้านั้น ต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อำนวย ด้านปรัชญาต้องเฟื่องฟู ถ้าจำไม่ผิดเหมือนจะเป็นชมพูทวีป

คุณที่บอกว่าพระพุทธเจ้าต้องสำเร็จที่ จ.ลพบุรี ไม่ใช่ประเทศอินเดีย จะสำเร็จเป็นพุทธเจ้าต้องสำเร็จที่ประเทศไทยเท่านั้นรวมทั้งอรหันต์ทุกพระองค์???

นั่นหมายถึงพระพุทธเจ้าองค์ไหน หรือทุกพระองค์เหมาหมด??

คำตอบนี้คงให้ไม่ได้ เพราะไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้า

ผู้ตรัสรู้ รู้แจ้งเห็นจริงตลอดแห่งโลกอดีต และอนาคตกาล


โดยส่วนตัวว่าค่อนข้างเกินจริง ที่ว่าอรหันต์ทุกพระองค์ต้องสำเร็จที่ไทย

ศาสนาพุทธเป็นของคนทั่วโลก ไม่จำกัดเฉพาะไทย

อย่างหลวงจีนแก่ๆที่จีนบำเพ็ญมาดีร่างไม่เน่าเยอะแยะ

คนปฏิบัติดี ปฏิบัติถึงไม่จำกัดที่ไทย


ส่วนพระพุทธเจ้า ในยุคนึงมีเก่งสุดแค่องค์เดียว

แน่นอนยุคต่อไปยุคพระศรีอาริยเมตตรัย

ไม่ทราบเรื่องสถานที่บรรลุท่านเพราะไม่ใช่พระศรีอาริยะเมตตรัย q*073

ในตำราก็ไม่เเน่อาจคลาดเคลื่อน


แล้วคำว่าบรรลุ ประเทศจีนเรียก เฉิง ฝ๋อ 成佛 มันรวมหลายอย่างในนั้นแล้วแต่บารมี คำว่าหลุดพ้นไตรภูมิ ก้าวสุดท้ายของทุกคนเช่นกัน
แต่ว่า แต่ละคนเป็นอะไรนั้นอาจไม่เท่า เป็นพระอรหันตร์ เป็นปัจเจกโพธิเจ้า เป็นพระโพธิสัตว์ เป็นพระพุทธเจ้า
พระโพธิสัตว์องค์ใหญ่ๆบรรลุแล้วเค้าไม่ออกไป ไม่เข้านิพพานช่วยคน


จะบอกความจริงกับท่านอย่างหนึ่ง การทำนายใดๆในโลก มีคลาดเคลื่อน
ยิ่งจะเอาสถานที่เวลาให้ตรงแป๊ะแล้ว คาดว่าจะหายาก ถ้าเป็นเช่นนั้น คนก็ไม่พึ่งตัวเอง ไม่ต้องเดาทางถูกผิดเอง อาศัยคำทำนาย อาศัยเทพ 100%

ดังนั้นเชื่อครึ่งไม่เชือครึ่งคงจะดีไม่น้อย รอให้เกิดแล้วจึงเชื่อจะดีกว่า

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags: จีน
add
เรทกระทู้
« ตอบ #17 เมื่อ: 22 พ.ค. 13, 13:57 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ฟังคุณเล่าชีวิตคุณไมได้เลี้บงดูแบบคุณหนู แต่ต้องแข่งขันกันอย่างมากมายในการแย่งที่เรียนในระดับสูงขึ้นไป แล้วคุณจบตรีและโท มหาลัยไหนครับคณะอะไร ถึงไปเรียนปรัชญาฯป.เอกที่จีนได้ด้วยทุนจากรัฐหรือทุนทางบ้านครับ ครอบครัวจีนส่วนใหญ่พ่อแม่จะค้าขายและคุณมีพี่น้องกี่คนครับคุณชอบอ่านครับภาษาจีนเรียนแล้วต้องใช้งานหากไม่ได้ใช้บ่อยๆก็ลืมคืนอาจารย์ได้ครับ กว่าคุณจะไปเรียนป.เอกได้คงต้องผ่านอุปสรรคมากมายครับ เห็นมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเขาก็ส่งนักศึกษาที่จบไปเรียนที่จีนมากเหมือนกันครับคุณได้เจอคนไทยที่ไปเรียนที่นั่นมากไหมครับเดี๋ยวจะค่อยๆคุยกันไปครับ...

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags: จีน
add
เรทกระทู้
« ตอบ #18 เมื่อ: 22 พ.ค. 13, 14:11 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ส่วนเรื่องที่พุทธเจ้าสำเร็จที่เมืองไทยนั้น ทุกอย่างต้งมีหลักฐานมาแสดงด้วยเหตุและผล เขาบอกว่าเขามีหลักฐานสถานที่ ที่พบไว้จะนำมาแสดงหรือนำภาพมาให้ดูและก็ขาดการติดต่อไปเลยเขาพูดคุยเรื่องธรรม ได้ดีมาก จากนั้นก็หายไปเลยผมก็ได้แต่รอเขาติดต่อมาเป็นเดือนแล้วก็เป็นปีครับ พอดีคุณลงเรื่องธรรมมะเข้ามาผมเลยคิดว่าคุณจะเป็นคนนั้นหรือเปล่าที่ขาดการติดต่อไปผมก็ยังระลึกถึงเขามาตลอดครับและคุณก็เช่นกันที่นึกว่าคุณจะขาดหายไปอีกคนครับท่านนั้นก็ประทับใจเรื่องตรัสรู้ของพระพุทธองค์ส่วนคุณก็ประทับใจไมตรีในการพูดคุยกันแบบสุภาพกันเองเหมือนรู้จักกันมานานแสนนานแล้วได้มาพบกันอีกครับ เลยทำให้คิดและเป็นห่วงคุณเช่นกัน คุณเฮโลเช่นกันหากขาดหายไปหลายวันก็จะเป็นห่วงกันครับด้วยความมีน้ำใจไมตรีที่มีต่อกันครับ



noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags: จีน
Guest
ชอบอ่าน
เรทกระทู้
« ตอบ #19 เมื่อ: 22 พ.ค. 13, 15:34 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

แล้วคุณจบตรีและโท มหาลัยไหนครับคณะอะไร ถึงไปเรียนปรัชญาฯป.เอกที่จีนได้ด้วยทุนจากรัฐหรือทุนทางบ้านครับ ครอบครัวจีนส่วนใหญ่พ่อแม่จะค้าขายและคุณมีพี่น้องกี่คนครับคุณชอบอ่านครับภาษาจีนเรียนแล้วต้องใช้งานหากไม่ได้ใช้บ่อยๆก็ลืมคืนอาจารย์ได้ครับ กว่าคุณจะไปเรียนป.เอกได้คงต้องผ่านอุปสรรคมากมายครับ เห็นมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเขาก็ส่งนักศึกษาที่จบไปเรียนที่จีนมากเหมือนกันครับคุณได้เจอคนไทยที่ไปเรียนที่นั่นมากไหมครับ???


สวัสดีคุณdestinygoal

ที่บ้านแม่มีเชื้อสายจีนแต่ก็พูดไม่ได้เขียนไม่ได้
เริ่มเรียนเอกภาษาจีนตอนป.ตรีที่มหาลัยทางภาคเหนือของไทย
จบแล้วกะแค่ไปเรียนภาษาจีนต่อ ป.โท แต่เลือกเรียนวรรณคดีจีนปัจจุบันร่วมสมัยที่ แถวที่ปักกิ่ง ต่อมาวิจัยนักเขียนกับพุทธเลยมาสานต่อ ตอน ป.เอก อีกเมือง
จริงๆตอน ป.ตรีเลือกปรัชญาไว้ แต่ได้ภาษาจีน เลยกลับไปหาปรัชญาต่อ ส่วนตัวเรียนก็ใช้ทุนตัวเอง และขอทางทุนทางมอเรื่อยๆ มาอยู่ ป.เอกก็ขอทุนทางมอ แต่ไม่ได้ทุนให้หมด หลายคนได้ทุนให้หมด มันคงเป็นชะตากรรมต้องให้ทำงาน เพราะเป็นคนขี้เกียจ ลอยลม แค่ทำกิจการทางบ้านก็พอ แต่ทางบ้านไม่อยากให้ค้าขาย อายส่งไปเรียนทำไมกลับมาค้าขายฮ่าๆ มีพี่สาวดูแลกิจการอยู่แล้ว เลยรู้สึกไม่ดีโตแล้วยังใช้เงินทางบ้านอยู่ก็ต้องกลับไปทำงานหาเงินใช้คืน อดลอยลม ช่างขี้เกียจจริงๆ q*072

ส่วนน้องคนไทยก็เจอตอนที่มีที่ปรึกษาเดียวกัน แล้วพากันไปร่วมทำอาหารกับคนไทยที่มอ น้องเด็ก มก.
---------------------------------


ส่วนเรื่องที่พุทธเจ้าสำเร็จที่เมืองไทยนั้น ทุกอย่างต้งมีหลักฐานมาแสดงด้วยเหตุและผล เขาบอกว่าเขามีหลักฐานสถานที่ ที่พบไว้จะนำมาแสดงหรือนำภาพมาให้ดู... ...พอดีคุณลงเรื่องธรรมมะเข้ามาผมเลยคิดว่าคุณจะเป็นคนนั้นหรือเปล่า??


เหมือนจะเคยเห็นข่าวว่าพบวัถุโบราณ เหมือนเมืองโบราณ
ที่ลพบุรีหรือเปล่าจำไม่ได้

ไม่ใช่เค้าคนนั้นแน่นอน เพราะสายที่ปฏิบัติจะไม่เปิดเผยอะไรมากมายขนาดนั้น ถ้ารู้เห็นจริงคงไม่บอก เดียวโดนจัดหนักแน่ คำนี้ใช้ได้บ่อย
ดังบ่ดี ดีบ่ดังq*077



noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags: จีน
add
เรทกระทู้
« ตอบ #20 เมื่อ: 22 พ.ค. 13, 16:38 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

คุณชอบอ่าน
อยู่ ป.เอกก็ขอทุนทางมอ แต่ไม่ได้ทุนให้หมด หลายคนได้ทุนให้หมด มันคงเป็นชะตากรรมต้องให้ทำงาน



ขณะนี้คุณทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยแล้วอยู่ที่นั่นทำงานเกี่ยวกับอะไรครับ ได้ยินว่าคนที่นั่นแข่งขันกันน่าดูและออกจะเห็นแก่ตัวและดูถูกคนไทยว่าหมูสยามหรือเซี่ยมหล่อตือ คุณได้เจอแบบนี้บ้างหรือเปล่า หากคนไทยมาซื้อของจะต้องตีราคาแพงๆด้วยจริงไหมครับ

ที่นั่นมีลู่ทางทำมาหากินหากจบเอกมาจะเป็นอาจารย์สอนที่ม.ปักกิ่งก็ได้ค่าเงินที่นั่น 1 เหรียญเท่ากับ 10 บาทใช่หรือไม่ครับจะได้ทราบสิ่งแวดล้อมของที่นั่นครับคุณชอบอ่านครับ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags: จีน
Guest
ชอบอ่าน
เรทกระทู้
« ตอบ #21 เมื่อ: 22 พ.ค. 13, 16:57 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ตอบคุณ destinygoal มันคงเป็นชะตากรรมต้องให้ทำงาน

หมายถึงอนาคต ตอนนี้ถือวีซ่านักเรียน ไปทำงานอาจจะโดนจับได้ ไม่ชอบลักลอบ แค่เรียนสมองก็จะแย่

ตั้งแต่มาที่นี่ไม่เคยเจอดูถูกแบบนั้นเลย เพิ่งเคยได้ยินจากคุณ

แต่สาวประเภทสองไทยคนจีนถามบ่อย เพราะทัวร์จีนไปลงพัทยา

ค่าเงินตอนนี้อยู่ประมาณ 5 บาทต่อ 1 หยวน

เดี๋ยวรอให้เรียนจบค่อยว่ากัน อยากกลับไปทำงานที่ไทย

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags: จีน
add
เรทกระทู้
« ตอบ #22 เมื่อ: 22 พ.ค. 13, 17:40 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

คุณทำวิทยานิพนธ์เรื่องอะไรครับ กว่าจะจบก็คงจะเป็นปีหน้า หากคุณจบมาก็เข้าม.หัวเฉียวหรือม.เกษตรหรือม.จุฬาฯเอกจีน คุยจะหางานได้ไม่ยากครับ พยายามมุ่งมั่นตั้งใจเรียนให้จบ
นึกว่าทำงานด้วยเรียนไปด้วยก็เหนื่อยแย่เลยครับทุกคนต้องมีชะตากรรมต้องทำงานกันทุกๆคนครับ เบื้องเขามีเส้นทางให้ทุกคนเดินไว้แล้วครับคุณชอบอ่านครับ ผมก็เช่นกันท่านให้ทางเดินไว้แล้วสำหรับทุกคนครับ ช่วงที่เราทำความดีลงเรื่องธรรมะกัน และเราทุกคนรวมทั้งสมาชิกที่เข้ามาอ่านก็จะได้รับผลบุญกุศลร่วมกันทุกๆคนด้วยเช่นกันครับ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23 พ.ค. 13, 20:40 น โดย destinygoal » noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags: จีน
Guest
เฮโลฯ..
เรทกระทู้
« ตอบ #23 เมื่อ: 22 พ.ค. 13, 17:42 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
กระทู้นี้ ผมเข้ามาหลายรอบแล้วครับ..
ความเห็นไม่มีครับ ขอเป็นผู้รับ
ที่เข้ากระทู้ ก๋เพื่อให้รับทราบว่า ผมก็วนๆเวียนในกระทู้นี้..และเป็นเรื่องเป็นราวเลยทีเดียว..
ผมมีความจำกัดทางสายตา..จึงต้องเพียรพยายาม เข้ามาทีละนิ๊ด ทีละน้อย เพื่อการเก็บเกี่ยวอันละมุนละมัย..
การศึกษาให้เกิดความเข้าใจในการปฏิบัติให้ตรงกับคำสอน..นี่คือสาระที่ผมต้องการ..
หากเห็นว่ากระทู้นี้ มีความสำคัญ ก็ขอให้คุยกันไปเรื่อยๆนะครับ..สำหรับผมแล้ว สำคัญมากครับ..
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags: จีน
Guest
ชอบอ่าน
เรทกระทู้
« ตอบ #24 เมื่อ: 22 พ.ค. 13, 20:10 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

สวัสดีและขอบคุณ คุณ เฮโลฯ.. ที่แวะเวียนมาอ่าน q*077


คุณทำวิทยานิพนธ์เรื่องอะไรครับ กว่าจะจบก็คงจะเป็นปีหน้า... ...ม.หัวเฉียวหรือม.เกษตรหรือม.จุฬาฯเอกจีน ... ...ช่วงที่เราทำความดีลงเรื่องธรรมะกันเบื้องบนก็ให้รางวัลมาถูกออมสินรางวัลที่3ให้มา2หมื่นมาเป็นค่าเทอมให้ลูกๆพอดีครับคุณชอบอ่านครับ

ขอแสดงความยินดีกับคุณ destinygoal ที่ถูกรางวัลออมสิน

ทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับหาเนื้อหาพระธรรมทั้งจีนไทยที่ตรงกันและครบทุกขั้นนำมาใช้ จะได้ไม่แบ่งแยกตีกันอวดกันข้าใหญ่เจ้าเล็ก

ไม่แน่อาจได้กลับไปทำงานช่วงปีใหม่
แต่เอกสารจบรวมสามใบคงยังไม่ครบ
ต้องรอตีพิมพ์ให้ครบก่อนในสามปี เค้าจึงให้ใบที่สาม

เพื่อนๆพี่ๆก็ทำ เรื่องตีพิมพ์ต้องรอคิว คนจีนมากมายแย่งกัน
มีเพื่อนๆส่งไปปีสองปียังไม่ได้ตอบรับอาจเขียนไม่ดี
นักเรียนต่างชาติหลายคนต้องจบกลับไปก่อน
ตีพิมพ์ครบแล้วถึงได้รับใบสุดท้าย
ส่วนตัวเองทำงานช้ามัวแต่เล่น ขี้เกียจq*027 เพิ่งส่ง แต่ไม่เป็นไร เรียนเกรดครบแล้วและเขียนวิทยานิพนธ์เสร็จเค้าก็ให้ออกจากมอได้เลย

งานที่ไทยเหมือนจะมีงานรอ แต่ต้องรอให้เห็นจริงก่อนจึงพูดได้
อาจจะได้ติดต่อกับทางจีน เกี่ยวกับปรัชญาด้วย สอนทีไทยด้วย

บางทีคิดงานออกอาจหายไปเขียนต่อ ขอความเห็นใจทุกท่าน q*078

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags: จีน
Guest
ชอบอ่าน
เรทกระทู้
« ตอบ #25 เมื่อ: 22 พ.ค. 13, 23:29 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

พูดแล้วก็ขอลาทุกๆท่านไปใช้สมาธิสะสางงาน
กองโตก่อน เดียวจะขาดการต่อเนื่อง
ขอขอบคุณทุกๆท่าน อย่างยิ่ง
q*039q*039q*039

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags: จีน
Guest
desti..
เรทกระทู้
« ตอบ #26 เมื่อ: 23 พ.ค. 13, 02:45 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

คุณชอบอ่าน

สวัสดีและขอบคุณ คุณ เฮโลฯ.. ที่แวะเวียนมาอ่าน
คุณทำวิทยานิพนธ์เรื่องอะไรครับ กว่าจะจบก็คงจะเป็นปีหน้า... ...ม.หัวเฉียวหรือม.เกษตรหรือม.จุฬาฯเอกจีน ... ...ช่วงที่เราทำความดีลงเรื่องธรรมะกันเบื้องบนก็ให้รางวัลมาถูกออมสินรางวัลที่3ให้มา2หมื่นมาเป็นค่าเทอมให้ลูกๆพอดีครับคุณชอบอ่านครับ

ขอแสดงความยินดีกับคุณ destinygoal ที่ถูกรางวัลออมสิน

ทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับหาเนื้อหาพระธรรมทั้งจีนไทยที่ตรงกันและครบทุกขั้นนำมาใช้ จะได้ไม่แบ่งแยกตีกันอวดกันข้าใหญ่เจ้าเล็ก

ไม่แน่อาจได้กลับไปทำงานช่วงปีใหม่
แต่เอกสารจบรวมสามใบคงยังไม่ครบ
ต้องรอตีพิมพ์ให้ครบก่อนในสามปี เค้าจึงให้ใบที่สาม

เพื่อนๆพี่ๆก็ทำ เรื่องตีพิมพ์ต้องรอคิว คนจีนมากมายแย่งกัน
มีเพื่อนๆส่งไปปีสองปียังไม่ได้ตอบรับอาจเขียนไม่ดี
นักเรียนต่างชาติหลายคนต้องจบกลับไปก่อน
ตีพิมพ์ครบแล้วถึงได้รับใบสุดท้าย
ส่วนตัวเองทำงานช้ามัวแต่เล่น ขี้เกียจq*027 เพิ่งส่ง แต่ไม่เป็นไร เรียนเกรดครบแล้วและเขียนวิทยานิพนธ์เสร็จเค้าก็ให้ออกจากมอได้เลย

งานที่ไทยเหมือนจะมีงานรอ แต่ต้องรอให้เห็นจริงก่อนจึงพูดได้
อาจจะได้ติดต่อกับทางจีน เกี่ยวกับปรัชญาด้วย สอนทีไทยด้วย

บางทีคิดงานออกอาจหายไปเขียนต่อ ขอความเห็นใจทุกท่าน


พูดแล้วก็ขอลาทุกๆท่านไปใช้สมาธิสะสางงาน
กองโตก่อน เดียวจะขาดการต่อเนื่อง
ขอขอบคุณทุกๆท่าน อย่างยิ่ง



ผมได้ชาร์แบทมาเรียบร้อยเดี๋ยวตอบเสร็จก็จะไปชาร์แบทใหม่ครับ คุณลงข้อความแล้วก็ยังต้องสางงานกองโตอีกก็แสดงว่าคุณเป็นคนขยันรู้จักวางแผนว่าจะทำอะไรก่อนหลัง ทำเป็นระบบระเบียบที่วางเอาไว้ครับ นึกอะไรได้กลัวลืมก็รีบทำก่อนเลยครับกว่าจะเขียนทีสิทเสร็จต้องพิมพิ์ออกเผยแพร่อีกนึกว่าง่ายๆ ดูแล้วไม่ง่ายอย่างที่คิดครับ ต้องรอตีพิมพ์ก่อน3ปีเค้าถึงจะให้ใบที่3 ครบ3ใบถือว่าจบ หากเสร็จก่อนปีใหม่คงได้กลับมาทำงาน ส่วนตัวเองทำงานช้ามัวแต่เล่น ขี้เกียจ ผมว่าคนเป็ฯคนขยันมีความรับผิดชอบออกครับ หากคุณเหนื่อยก็พักบ้างเพื่อสุขภาพตนเอง บอกมัวแต่เล่น ที่นั่นมีอะไรน่าเล่นครับ ท่องเที่ยว ชมวิว หรือมีสวนสนุกอยู่ใกล้ๆ ที่จีนก็มีอะไรน่าเล่นเยอะและสาวๆก็น่ารักด้วยจริงไหมครับ ก็คุยกันเท่านี้ก่อนพร่งนี้ค่อยคุยกันใหม่ ต้องขอตัวไปชาร์แบทฯต่อครับคุณชอบอ่านครับ



noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags: จีน
Guest
เฮโลฯ..
เรทกระทู้
« ตอบ #27 เมื่อ: 23 พ.ค. 13, 11:50 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
ผม..กว่าจะกลับมา ก็คงเป็นวันอาทิตย์โน่นแหละครับ..
วันหยุด ผมชอบเข้าไปนอนในสวนฯ ซึ่งมีแค่วิทยุธานินทร์ทรานซิสเตอร์ เอาใว้ฟังสถานี หลวงตาบัว และสถานี หลวงพ่อสนอง..
แต่ไม่ปิดเครื่องโทรฯ เผื่อที่ทำงานมีธุระเร่งด่วน..เอ้อ.งานของพวกผม มักจะไม่มีเส้นวันหยุด..

ผมเอง..หากจะมีตังค์ หรือร่ำรวยขึ้นมา ก็ต้องใช้สติปัญญาครับ เหงื่อไม่ออก คงไม่ได้ตังค์ครับ..
ซื้อสลากออมสินนั้น ดีแล้ว ไม่ถูก ก็ยังมีเงินเดิมกลับ ดีกว่าซื้อเศษกระดาษใส่กระเป๋า..
ผมเคยถูกรางวัลสลากรัฐบาล แค่2ตัว เกือบสี่สิบปีแล้ว..อื่นๆ..ไม่เคยถูกรางวัล เสียดายตังค์ครับ..
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags: จีน
add
เรทกระทู้
« ตอบ #28 เมื่อ: 23 พ.ค. 13, 14:51 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ดีครับที่เข้าปฏิบัติธรรมในสวน เป็นการพักผ่อนจิตใจสบายครับคุณเฮโลครับ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags: จีน
add
เรทกระทู้
« ตอบ #29 เมื่อ: 24 พ.ค. 13, 09:09 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

วันนี้เป็นวันสำคัญวันหนึ่งในพุทธศาสนาครับ

วันวิสาขบูชา วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาสากล


วันวิสาขบูชา หรือ วิศาขบูชา เป็น "วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาสากล" ของชาวพุทธทุกนิกายทั่วโลก, วันหยุดราชการ ในหลายประเทศ และ วันสำคัญของโลก ตามมติเอกฉันท์ของที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ เพราะเป็นวันคล้ายวันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญที่สุดในพระพุทธศาสนา 3 เหตุการณ์ด้วยกัน คือ เป็นวันคล้ายวันประสูติ, ตรัสรู้ และปรินิพพาน แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

โดยทั้งสามเหตุการณ์นั้นได้เกิดตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 หรือในวันเพ็ญแห่งเดือนวิสาขมาส (ต่างปีกัน) ชาวพุทธจึงถือว่าเป็นวันที่รวมเกิดเหตุการณ์อัศจรรย์ยิ่ง จึงเรียกการบูชาในวันนี้ว่า "วิสาขบูชา" ย่อมาจาก"วิสาขปูรณมีบูชา" แปลว่า "การบูชาในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ" ซึ่งมักจะตรงกับเดือนพฤษภาคม หรือมิถุนายน โดยในประเทศไทย ถ้าในปีใดมีเดือน







ในวันวิสาขบูชานี้ ถือเป็นวันสำคัญยิ่งที่ชาวพุทธทั่วโลกจะมารวมกันจัดพิธีทำบุญใหญ่หรือจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อบำเพ็ญกุศลระลึกถึงพระพุทธเจ้า ซึ่งในฐานะที่วันวิสาขบูชาได้รับการยกย่องให้เป็นวันสำคัญสากลของโลก เมื่อถึงวันวิสาขบูชา องค์การสหประชาชาติจะมีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อรำลึกถึงพระพุทธเจ้าด้วย เช่น สำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ มหานครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา จะมีการอัญเชิญพระเจดีย์วิสาขบูชานุสรณ์ สกลโลกประกาศบูชาวันวิสาขะ (ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ) ซึ่งประดิษฐานอยู่ ณ สำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติเป็นการถาวร มาประดิษฐานให้ประชาชนสักการะบูชา เป็นต้น



สำหรับในประเทศไทย นอกจากพุทธศาสนิกชนจะเข้าวัดบำเพ็ญบุญกุศลถือศีลฟังธรรมแล้ว ยังนิยมปล่อยนกปล่อยปลา และเวียนเทียนรอบพระอุโบสถในตอนค่ำเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาด้วย



วันวิสาขบูชา พุทธศาสนิกชนชาวไทยนิยมทำบุญตักบาตรในตอนเช้า และตลอดวันจะมีการบำเพ็ญบุญกุศลความดีอื่น ๆ เช่น ตั้งใจรักษาศีล 5 ศีล 8 งดเว้นการทำบาปทั้งปวง ทำบุญถวายสังฆทาน ให้อิสระทาน (ปล่อยนกปล่อยปลา) ฟังพระธรรมเทศนา และไปเวียนเทียนรอบโบสถ์ในเวลาเย็น



โดยก่อนทำการเวียนเทียนพุทธศาสนิกชนควรร่วมกันกล่าวคำสวดมนต์และคำบูชาในวันวิสาขบูชา โดยปกติตามวัดต่าง ๆ จะจัดให้มีการทำวัตรสวดมนต์ก่อนทำการเวียนเทียน ซึ่งส่วนใหญ่นิยมทำการเวียนเทียนอย่างเป็นทางการ (โดยมีพระภิกษุสงฆ์นำเวียนเทียน) ในเวลาประมาณ 20 นาฬิกา โดยบทสวดมนต์ที่พระสงฆ์นิยมสวดในวันวิสาขบูชาก่อนทำการเวียนเทียนนิยมสวด (ทั้งบาลีและคำแปล) ตามลำดับดังนี้



บทบูชาพระรัตนตรัย (บทสวดบาลีที่ขึ้นต้นด้วย:อรหัง สัมมา ฯลฯ)
บทนมัสการนอบน้อมบูชาพระพุทธเจ้า (นะโม ฯลฯ ๓ จบ)
บทสรรเสริญพระพุทธคุณ (บทสวดบาลีที่ขึ้นต้นด้วย:อิติปิโส ฯลฯ)
บทสรรเสริญพระพุทธคุณ สวดทำนองสรภัญญะ (บทสวดสรภัญญะที่ขึ้นต้นด้วย:องค์ใดพระสัมพุทธ ฯลฯ)
บทสรรเสริญพระธรรมคุณ (บทสวดบาลีที่ขึ้นต้นด้วย:สวากขาโต ฯลฯ)
บทสรรเสริญพระธรรมคุณ สวดทำนองสรภัญญะ (บทสวดสรภัญญะที่ขึ้นต้นด้วย:ธรรมมะคือ คุณากร ฯลฯ)
บทสรรเสริญพระสังฆคุณ (บทสวดบาลีที่ขึ้นต้นด้วย:สุปฏิปันโน ฯลฯ)
บทสรรเสริญพระสังฆคุณ สวดทำนองสรภัญญะ (บทสวดสรภัญญะที่ขึ้นต้นด้วย:สงฆ์ใดสาวกศาสดา ฯลฯ)
บทสวดบูชาเนื่องในวันวิสาขบูชา (บทสวดบาลีที่ขึ้นต้นด้วย:ยะมัมหะ โข ฯลฯ)



จากนั้นจุดธูปเทียนและถือดอกไม้เป็นเครื่องสักการะบูชาในมือ แล้วเดินเวียนรอบปูชนียสถาน 3 รอบ โดยขณะที่เดินนั้นพึงตั้งจิตให้สงบ พร้อมสวดระลึกถึงพระพุทธคุณ ด้วยการสวดบทอิติปิโส (รอบที่หนึ่ง) ระลึกถึงพระธรรมคุณ ด้วยการสวดสวากขาโต (รอบที่สอง) และระลึกถึงพระสังฆคุณ ด้วยการสวดสุปะฏิปันโน (รอบที่สาม) จนกว่าจะเวียนจบ 3 รอบ จากนั้นนำธูปเทียนดอกไม้ไปบูชาตามปูชนียสถานจึงเป็นอันเสร็จพิธี





noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags: จีน
add
เรทกระทู้
« ตอบ #30 เมื่อ: 24 พ.ค. 13, 09:37 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

วันนี้วันดีคุณชอบอ่านและคุณเฮโลคงจะนั่งปฏิบัติธรรมอยู่มีเวลาค่อยเข้ามาคุยกันครับ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags: จีน
Guest
ศีลสมาธิปัญญา
เรทกระทู้
« ตอบ #31 เมื่อ: 25 พ.ค. 13, 09:22 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ศีลสมาธิปัญญา

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags: จีน
add
เรทกระทู้
« ตอบ #32 เมื่อ: 25 พ.ค. 13, 12:01 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ขอขอบคุณทุกท่านครับ



noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags: จีน
add
เรทกระทู้
« ตอบ #33 เมื่อ: 27 พ.ค. 13, 14:22 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

วันนีคุณเฮโลเข้ามาร่วมคุยธรรมะปแล้วครับ คุณชอบอ่านหากว่างก็เชิญเข้าร่วมพูดคุยกันอีกนะครับยังคิดถึงกันเหมือนเดิมครับคุณชอบอ่านครับมาร่วมส่งเสริมเผยแผ่ธรรมมะร่วมกันเดินตามทางของพระพุทธเจ้าเพื่อให้สังคมเรามีสติมีศีลสมาธิและปัญญาร่วมกันครับคุณชอบชอบอ่านครับ



noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags: จีน
add
เรทกระทู้
« ตอบ #34 เมื่อ: 28 พ.ค. 13, 08:43 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

เห็นด้วยกับท่านเฮโลครับ

สวดมนต์ก่อน ก่อนที่เราจะนั่งสมาธิ หรือการทำสมาธิด้วยอริยบทอื่นๆ..
การสวดมนต์ก่อน ก็เพื่อการน้อมจิตน้อมใจให้เข้าใกล้พระพุทธองค์ หมายความว่า เอาใจเข้าไปก่อน แล้วก็ปฏิบัติไปตามที่ได้เรียนกัน..

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags: จีน
add
เรทกระทู้
« ตอบ #35 เมื่อ: 28 พ.ค. 13, 08:45 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

เห็นด้วยกับท่านเฮโลครับ

สวดมนต์ก่อน ก่อนที่เราจะนั่งสมาธิ หรือการทำสมาธิด้วยอริยบทอื่นๆ..
การสวดมนต์ก่อน ก็เพื่อการน้อมจิตน้อมใจให้เข้าใกล้พระพุทธองค์ หมายความว่า เอาใจเข้าไปก่อน แล้วก็ปฏิบัติไปตามที่ได้เรียนกัน..

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags: จีน
add
เรทกระทู้
« ตอบ #36 เมื่อ: 30 พ.ค. 13, 07:55 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

...อย่าคิดห่วง กังวล ญาติพี่น้อง
สมบัติของ ของเรา ไม่สงสัย
ใครอยากได้ อะไร ก็เอาไป
ไม่ถวิล ร่ำไห้ ผูกมัดตน

...ปล่อยให้จิต นั้นเบา เหมือนนอนฟูก
คิดถึงธรรม นั้นถูก สิ่งอื่น อย่าไปสน
ปล่อยจิตเบา สุขทุกข์ ไม่ใช่ตน
ปล่อยทุกคน แม้ใจ ของเราเอง

...ปล่อยจิตแท้ ให้เขา กลับบ้านเก่า
เรายืมเขา มานาน ช่างเหมาะเหม็ง
ให้เขากลับ บ้านเก่า เขาไปเอง
อย่าคิดเล็ง ให้เขา เวียนกลับมา

...แม้แต่จิต ก็ไม่ใช่ ของเราแท้
ที่ว่าแน่ เพราะเรายึด ของเราหนา
ไม่ต้องยึด ปล่อย เขาไป ตามอุรา
สุขยิ่งกว่า คือปล่อย ให้หมดใจ

...เหลือแต่จิต เบาโล่ง โจ้งสวรรค์
นิพพานนั้น มาเห็น ไม่โหยหา
กลับไปเถิด จิตแท้ ที่เจ้ามา
เพราะดีกว่า วนเวียน มาอีกที

...ขอบคุณนะ ร่างนี้ ที่ยืมใช้
ขอบคุณใจ ที่ให้อยู่ เป็นสุขขี
ขอบคุณโลก ใบนี้ ที่แสนดี
ปล่อยร่างนี้ จิตพ้น นิรันดร...

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags: จีน
Tags:  จีน 

หน้า: 1

 
ตอบ

ชื่อ:
 
แชร์ไป Facebook ด้วย
กระทู้:
ไอค่อนข้อความ:
ตัวหนาตัวเอียงตัวขีดเส้นใต้จัดย่อหน้าชิดซ้ายจัดย่อหน้ากึ่งกลางจัดย่อหน้าชิดขวา

 
 

[เพิ่มเติม]
แนบไฟล์: (แนบไฟล์เพิ่ม)
ไฟล์ที่อนุญาต: gif, jpg, jpeg
ขนาดไฟล์สูงสุดที่อนุญาต 20000000 KB : 4 ไฟล์ : ต่อความคิดเห็น
ติดตามกระทู้นี้ : ส่งไปที่อีเมลของสมาชิกสนุก
  ส่งไปที่
พิมพ์อักษรตามภาพ:
พิมพ์ตัวอักษรที่แสดงในรูปภาพ
 
:  
  • ข้อความของคุณอยู่ในกระทู้นี้
  • กระทู้ที่ถูกใส่กุญแจ
  • กระทู้ปกติ
  • กระทู้ติดหมุด
  • กระทู้น่าสนใจ (มีผู้ตอบมากกว่า 15 ครั้ง)
  • โพลล์
  • กระทู้น่าสนใจมาก (มีผู้ตอบมากกว่า 25 ครั้ง)
         
หากท่านพบเห็นการกระทำ หรือพฤติกรรมใด ๆ ที่ไม่เหมาะสม ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสื่อมเสียแก่สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รวมถึง การใช้ข้อความที่ไม่สุภาพ พฤติกรรมการหลอกลวง การเผยแพร่ภาพลามก อนาจาร หรือการกระทำใด ๆ ที่อาจก่อให้ผู้อื่น ได้รับความเสียหาย กรุณาแจ้งมาที่ แนะนำติชม