เป็นอีกคนนึงค่ะ ที่ไม่เชื่อคำผู้ใหญ่เรื่องอย่าทำธุรกิจกับเพื่อน
เริ่มมาจาก เราทั้งคู่ ต่างมีงานประจำอยู่แล้ว แต่ต้องการแสดงความสามารถกับหารายได้พิเศษ เพื่อนคนนี้ โดยเนื้อแท้แล้วเป็นคนดี ไม่คดโกงใคร ไว้ใจได้เรื่องการโกง
เราจึงเริ่มคิดที่จะทำธุรกิจกัน โดยเป็น lab รับจ้างผลิตครีมให้กับผู้ที่ต้องการทำธุรกิจเครื่องสำอาง
ทั้งเราและเพื่อนสามารถคิดสูตรครีมได้ ทั้งคู่ แต่เพื่อนมีประสบการณ์การทำสูตรมามากกว่า เพื่อนจึงขอว่าให้เราให้สิทธิ์เขา ไว้ใจเขาทำสูตร ทำแลบให้โดยให้เราเป็นคนทำการตลาด เราก็โอเค ไม่คิดมาก
ต่อมาเราก็หาที่เช่าเพื่อทำแลบผลิตของกัน แต่หาที่ถูกใจไม่ได้ เพื่อนเลยเสนอว่าให้เอา ออฟฟิศส่วนตัวของเขาที่ที่ทำงานเป็นแลบชั่วคราวไปก่อน เพื่อนมีสิทธิ์ในการใช้ออฟฟิศนี้เต็มที่ค่ะ แต่มีข้อจำกัดคือ เราจะเข้าไปไม่ได้ เราก็เห็นว่าชั่วคราว เอาไปก่อน
ต่อมา เราขอให้เพื่อนทำตัวอย่างผลิตภัณฑ์ให้เราเพื่อไปเสนอขาย เนื่องจากเราได้ทำเว็บ และนำไปโพสตามเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องไว้พอสมควร จึงมีผู้สนใจส่งอีเมลมาสอบถาม และขอดูตัวอย่าง แต่เพื่อนบอกว่า ไม่ว่างทำ ยุ่งยาก อ่ะ เราก็พยายามเข้าใจ
ต่อมาเรามีไอเดียว่า เราจะเปิดร้านเครื่องสำอางของตัวเองขึ้นมาเลยดีกว่า เพื่อซัพพอร์ตแลบ ให้แลบที่เรากะเพื่อนหุ้นกันทำผลิตภัณฑ์ออกมา วางขายในร้านของเราเอง ร้านนี้เราลงทุนคนเดียวค่ะ ไม่ร่วมหุ้น เพราะเพื่อนบอกว่าไม่เอาไม่อยากทำแบรนด์
ตรงนี้ปัญหาเริ่มเกิด จากมุมของเรา เรามองว่าเราลงทุนทำร้านของตัวเองเพื่อ support แลบของเรากะเพื่อน เพื่อให้เอาไปโฆษณาได้ว่าแลบเรามีผลงานทำได้จริง ใช้ดีจริง แล้วเรา จะซื้อของจากแลบ ด้วยเงินเราเอง เพื่อให้แลบมีเงินทุนหมุนเวียนไปซื้อสารเคมีเพิ่ม เราสั่ง order หลายตัว แต่สั่งแต่ละอย่างในปริมาณไม่มาก เนื่องจากเงินทุนที่จำกัด แต่เราจ้องการให้มีผลิตภํณฑ์ขึ้นโชว์ให้มากหน่อย มีตัวอย่างของขายหลายๆตัว เป็นผลงานแลบ ทุกอย่างให้เพื่อนเป็นคนทำสูตร
แต่เพื่อนมีมุมมองว่า เขาเป็นฝ่ายซัพพอร์ตให้ร้านเรา สั่งปริมาณน้อยๆก็ทำให้ ซึ่งปรกติถ้าเป็นลูกค้ารายอื่นจะต้องมีโวลลุ่ม ( แต่ตอนนี้ยังไม่มีลูกค้าเลย เพราะไม่มีตัวอย่างให้เขาดู มีเรา เป็นลูกค้ารายแรกของตัวเอง)
เราออกไอเดียครีมมาตัวหนึ่ง ให้เพื่อนทำสูตร ทำออกมาแล้วดีมาก หน้าใสปิ๊ง เราก็โอเค สั่งทำสูตรนี้ พอทำเสร็จ เราจ่ายเงินให้เพื่อน ในราคาลูกค้า ตรงนี้ไม่เป็นไร เรายอมจ่าย แต่ของยังอยู่กับเพื่อน ในแลบที่เป็นออฟฟิศเพื่อน ไว้ใจไง
ต่อมาเราบอกว่าเราขอสูตรครีมตัวนี้ เพื่อนบอกว่า ไม่มีใครเขาให้กันหรอกสูตร เราก็เถียงว่า ในฐานะที่เราเป็นหุ้นส่วน เรามีสิทธิรู้สูตรทุกสูตรที่แลบผลิตขึ้น แต่เพื่อนบอกว่า เราสวมหมวกสองใบ เป็นหุ้นส่วนและเป็นลูกค้า เพราะงั้น เราไม่คววรจะรู้ เราก็บอกว่ายังไงเราก็ต้องรู้ให้ได้ ไม่งั้นเราไม่ยอม เพื่อนก็อ้างว่า ตอนที่เขากำลังนั่งคิดสูตรอยู่ เราไม่ได้ช่วยอะไรเลย อยู่ๆจะมาล้วงลูกกันแบบนี้มันไม่แฟร์ เราก็บอกว่า งั้นคิดค่าสูตรมั้ย เราจะจ่าย (แต่ในใจก็นึกอยู่ว่า คุณที่เรา เอาจะตั้งร้านเพื่อมาซัพพอร์ตแลบและโฆษณาให้ในตัวเนี่ย มันคือไม่ได้ทำอะไรเลยหรือไง) เขาก็ตัดบทไปว่ามีธุระ ขอไม่คุยต่อ
ต่อมาเราพยายามคุยต่ออีกครั้ง เพื่อนก็บอกว่า ต้องการให้กำหนดหน้าที่บริหารจัดการแยกกันโดยเด็ดขาด โดยเราหาลูกค้าอย่างเดียว ส่วนแลบต้องให้เขาทำคนเดียว เราก็บอกว่าไม่ได้ ทำกันอยู่สองคน เกิดใครคนนึงมีเหตุทำให่้ทำงานไม่ได้อีกคนต้องสวมต่อได้ เพื่อนเราก็บอกว่า เรื่องแลบเขาฝึกเด็กของเขา ที่เขาหามาไว้แล้ว เราไม่ต้องมายุ่ง
ตลอดเวลา เพื่อนเอาแต่พูดว่า คนเราถ้าไม่ไว้ใจกันก็อย่าทำงานร่วมกัน พูดคำนี้บ่อยมาก
ยังตุยกันไม่ทันรู้เรื่อง เพื่อนบอกว่า ไม่คุยละ แล้วก็ไม่คุยเลย เราโทรหาก็ไม่รับสาย ส้่งเฟซบุคไปก็ไม่ตอบ เราส่งเฟซบุคบอกไปว่า ถ้าทำงานด้วยกันพอเจอเรื่องไม่สบอารมณ์แล้วไม่คุยดื้อๆแบบนี้เรื่อยๆ เราขอไม่ทำด้วย แยกกันทำดีกว่า ส่วนของที่ลงไปแล้ว เรายินดีซื้อคืนทั้งหมด หรือถ้าเพื่อนอยากซื้อคืนก็ได้ ยังไงก็ได้ แต่เราไม่ชอบการหนี การโกรธไร้สาระแบบนี้ ขอเจรจาตกลงเลิกกิจการ
เงียบ ไม่ตอบ
ต่อมาเราส่งข้อความไปขอครีมที่เราจ่ายเงินแล้ว ขอนัดเวลารับของ ..... เงียบ
ต่อมาเราพยายามโทรหา เป็นสิบๆสาย .... เงียบ ไม่ตอบ
เรายิงโทรแหลก ... โดนตัดสาย ส่งข้อความมาว่า พรุ่งนี้ค่อยคุย จบ
บทจบยังไม่รู้จะเป็นยังไง แต่ที่รู้ๆคือ เราไม่ชอบทำงานกับคนไม่มีเหตุผล ใช้อารมณ์ มีปัญหาไม่ยอมเคลีย ส่วนจะโกงมั้ย ยังไม่รู้ เพราะมามีปัญหาเกิดเสียก่อนเนิ่นๆ
จริงๆแล้วเราทำครีมเป็นค่ะ แต่ไม่ทำ เพราะอยากให้เพื่อนมาช่วยกันทำ เป็นเพื่อนรัก อยากให้โตไปด้วยกัน ซัพพอร์ตกัน แต่ตอนนี้ไม่รู้จะเป็นยังไง เสียเงินไม่กลัว กลัวเสียเพื่อน เฮ้ออออ 