Sanook.commenu

ค้นหา ตรวจหวย ข่าว อีเมล์ ดูทีวีออนไลน์ ฟังเพลงออนไลน์ คลาสสิฟายด์ ริงโทน เกมส์ ดูทั้งหมด »

สนุก! เว็บบอร์ด > หมวดหมู่ > ชุมชนสนุก! > ร่วมเทิดไท้องค์ราชันย์ > โพสต์ข้อความเทิดทูนสถาบัน
หน้า: 1 ... 365 366 367 368 369 370 371 372 373 374 375 376 377 378 379 ... 445
ชนิดกระทู้ ผู้เขียน โพสต์ข้อความเทิดทูนสถาบัน  (อ่าน 81371 ครั้ง)
add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : โพสต์ข้อความเทิดทูนสถาบัน
        ความคิดเห็นที่ #16695: 25 เม.ย. 19, 13:22 น

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ยังเสด็จพระราชดำเนินแทนพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชไปปฏิบัติพระราชกิจทางพระพุทธศาสนาอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะเมื่อครั้งยังเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เช่น เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปทรงเปลี่ยนเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ตามฤดูกาล เสด็จพระราชดำเนินแทนพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เช่นวันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษา และการถวายผ้าพระกฐินหลวงตามวัดต่าง ๆ

 
add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : โพสต์ข้อความเทิดทูนสถาบัน
        ความคิดเห็นที่ #16696: 25 เม.ย. 19, 13:23 น

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจด้านศาสนาหลังจากเสด็จขึ้นทรงราชย์แล้ว คือ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม พ.ศ. 2559 ทรงพระราชอนุสรณ์คำนึงถึงสมเด็จพระบรมชนกนาถ และโปรดเกล้าฯ สถาปนาอิสริยยศ และเลื่อนอิสริยฐานันดรพระสงฆ์ที่ดํารงอยู่ในสมณคุณ และมีอุปการะยิ่งแก่การพระศาสนาดังกล่าวสูงขึ้น เพื่อจักได้บริหารพระศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองสถาพร ตามโบราณราชประเพณี รวมทั้งยังทรงสถาปนาสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ (อัมพร อมฺพโร) ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยได้เสด็จพระราชดำเนินไปประกอบพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชด้วยพระองค์เองเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : โพสต์ข้อความเทิดทูนสถาบัน
        ความคิดเห็นที่ #16697: 25 เม.ย. 19, 13:23 น

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เมื่อครั้งยังเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงทำปุ๋ยหมักจากผักตบชวาและวัชพืชอื่น ๆ เป็นปฐมฤกษ์ เพื่อพระราชทานแก่เกษตรกร สำหรับนำไปใช้ในการเพาะปลูกเป็นการเพิ่มผลผลิต ที่บ้านแหลมสะแก ตำบลเดิมบาง อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2528 นอกจากนี้ยังทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจเพื่อส่งเสริมกิจการด้านเกษตรกรรม เช่น เสด็จฯ แทนพระองค์ในการพระราชพิธีพืชมงคล

add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : โพสต์ข้อความเทิดทูนสถาบัน
        ความคิดเห็นที่ #16698: 25 เม.ย. 19, 13:23 น

“..ไม่ได้แนะนำอะไรเป็นพิเศษ เพราะท่านไม่เคยรับสั่งถึงตำแหน่ง ถึงลาภ ถึงยศ ท่านเพียงแต่ให้เป็นคนดี รับผิดชอบในหน้าที่ ในตำแหน่งของตนและไม่ให้ทำอะไรเป็นที่ขายหน้าหรือที่เสียอกเสียใจของพ่อแม่หรือบุพการีเสียใจ ..
… ท่านไม่ได้สอนแบบ Formal (ทางการ) อะไร อยากให้เป็นคนดี อยากให้มีชีวิตที่ดี เพราะว่าไม่ว่าเราจะเป็นตำแหน่งอะไร ถ้าทำตัวดี ปฏิบัติหน้าที่ของเรา เราก็เจริญต่อไป..”
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รับสั่งถึงการอภิบาลพระราชนัดดาของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี

add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : โพสต์ข้อความเทิดทูนสถาบัน
        ความคิดเห็นที่ #16699: 25 เม.ย. 19, 13:24 น

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 10 ทรงมีความเชี่ยวชาญในด้านการบินทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ตลอดจนทรงมีความชำนาญในการบังคับอากาศยานชนิดต่างๆ ทั้งอากาศยานทหารและอากาศยานพาณิชย์ ยากที่จะมีผู้ใดเทียบเทียมได้ อันเป็นที่ประจักษ์ต่อชาวไทยทุกคน
แต่มีน้อยคนนักที่จะทราบว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เคยได้ทรงเข้าร่วมการแข่งขันการใช้อาวุธทางอากาศ ณ สนามฝึกใช้อาวุธทางอากาศชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี และทรงชนะเลิศการแข่งขัน เมื่อวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๓๐

add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : โพสต์ข้อความเทิดทูนสถาบัน
        ความคิดเห็นที่ #16700: 25 เม.ย. 19, 13:24 น

วันที่ 29 เมษายน 2556 เวลา 19.17 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จลง ณ โรงแรมที่ประทับ เพื่อเสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยผู้แทนพระราชวงศ์จากสหราชอาณาจักร ไปยังพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ ไรค์สมิวเซียม (Rijksmuseum) ทรงร่วมงานพระราชทานเลี้ยงพระกระยาหารค่ำ ซึ่งสมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดขึ้นในโอกาสที่ผู้แทนพระราชวงศ์จากประเทศต่างๆ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเข้าร่วมพระราชพิธีเจ้าชายวิลเลม อเล็กซานเดอร์ มกุฎราชกุมารแห่งเนเธอร์แลนด์ เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งเนเธอร์แลนด์ สืบต่อจากสมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์

add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : โพสต์ข้อความเทิดทูนสถาบัน
        ความคิดเห็นที่ #16701: 25 เม.ย. 19, 13:24 น

ภาพยิ้มสยาม : วันที่ 30 เมษายน 2556 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร และสมเด็จพระเทพพระรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงโบกพระหัตถ์และแย้มพระสรวลให้แก่ผู้มาเฝ้าฯ รับเสด็จ ในโอกาส ที่เสด็จพระราชดำเนินไปทรงร่วมพระราชพิธีขึ้นครองราชย์ของสมเด็จพระราชาธิบดีวิลเลม-อเล็กซานเดอร์ ที่มหาวิหาร นิวว์ เคิร์ก (Nieuwe Kerk) ข้างพระราชวังกรุงอัมสเตอร์ดัม

add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : โพสต์ข้อความเทิดทูนสถาบัน
        ความคิดเห็นที่ #16702: 25 เม.ย. 19, 13:25 น

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ประทับยืนถวายความเคารพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ขณะเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์เคลื่อนผ่านโรงพยาบาลศิริราช ในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ณ วัดอรุณราชวราราม เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2555

add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : โพสต์ข้อความเทิดทูนสถาบัน
        ความคิดเห็นที่ #16703: 25 เม.ย. 19, 13:25 น

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงรับปีกพลร่มชั้น 1 กิตติมศักดิ์ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9 ทรงเป็นผู้ติดปีกพลร่มให้ด้วยพระองค์เอง ณ หอประชุมค่ายนเรศวร

add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : โพสต์ข้อความเทิดทูนสถาบัน
        ความคิดเห็นที่ #16704: 25 เม.ย. 19, 13:28 น

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงสำเร็จการศึกษาขั้นต้นในระดับอนุบาลจากโรงเรียนจิตรลดา แล้วจึงเสด็จฯ ไปทรงศึกษาต่อในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาที่ประเทศอังกฤษ ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๙ จนถึง พ.ศ. ๒๕๑๓ หลังจากนั้น ทรงศึกษาต่อวิชาทหารที่ประเทศออสเตรเลีย จนสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาอักษรศาสตร์ (ด้านการทหาร) จากมหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๙ แล้วเสด็จนิวัติประเทศไทย จากนั้น พระองค์ทรงรับราชการทหารและทรงศึกษาต่อที่โรงเรียนเสนาธิการทหารบก ในปี พ.ศ. ๒๕๒๐ และทรงเข้าศึกษาในสาขาวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๕ และ พ.ศ. ๒๕๓๓ ทรงได้รับการศึกษา ณ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรแห่งสหราชอาณาจักร ประเทศอังกฤษ

add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : โพสต์ข้อความเทิดทูนสถาบัน
        ความคิดเห็นที่ #16705: 25 เม.ย. 19, 13:28 น

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เมื่อครั้งยังดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจทางทหาร โดยทรงเข้าร่วมปฏิบัติการรบ ต่อต้านการก่อความไม่สงบของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมให้กำลังใจแก่ตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่อาสา และราษฎรบริเวณพื้นที่อันตรายอยู่เป็นประจำ

 
add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : โพสต์ข้อความเทิดทูนสถาบัน
        ความคิดเห็นที่ #16706: 25 เม.ย. 19, 13:28 น

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เมื่อครั้งยังดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเริ่มฝึกการบินที่โรงเรียนการบิน กองทัพอากาศ เมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๒๒ โดยทรงเริ่มฝึกบินเฮลิคอปเตอร์แบบ UH-1H และเฮลิคอปเตอร์แบบ UH-1N เมื่อทรงสำเร็จการฝึกแล้ว พระองค์ทรงขึ้นรับพระราชทานประดับเครื่องหมายแสดงความสามารถในการบินของกองทัพอากาศจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และในปีนั้นเอง พระองค์ยังทรงสำเร็จหลักสูตรเฮลิคอปเตอร์โจมตีติดอาวุธ (Gunship) ของกองทัพบกรวม 2 เดือน ปี พ.ศ. ๒๕๒๓ พระองค์ทรงติดตามสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินเยือนสหรัฐอเมริกา และทรงเข้ารับการฝึกบินเฮลิคอปเตอร์แบบ UH-1H ของกองทัพบกสหรัฐอเมริกา และในปี พ.ศ. ๒๕๒๕ พระองค์ทรงฝึกศึกษาเครื่องบินขับไล่สมรรถนะสูงแบบ F5 E/F และทรงเข้ารับการฝึกบินในหลักสูตรการบินรบชั้นสูง (Advance Fighter 
Course) กับเครื่อง F5 D/F จนสำเร็จตามหลักสูตร โดยพระองค์ทรงมีชั่วโมงบินทุกประเภทรวมทั้งสิ้นกว่า ๑,๐๐๐ ชั่วโมง

add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : โพสต์ข้อความเทิดทูนสถาบัน
        ความคิดเห็นที่ #16707: 25 เม.ย. 19, 13:29 น

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เมื่อครั้งยังเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้ทรงอุปการะเด็กกำพร้าไว้ในพระราชูปถัมภ์ เช่น จักรกฤษณ์ และอนุเดช ชูศรี ที่สูญเสียครอบครัวจากเหตุการณ์ภูเขาถล่มเมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๔ รวมทั้งครอบครัวของบูรฮาน และบุศรินทร์ หร่ายมณี ซึ่งสูญเสียพ่อจากการถูกลอบสังหารในเหตุการณ์ความไม่สงบสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยจะทรงอุปการะจนกว่าจะสำเร็จการศึกษาปริญญาตรีหรือจนกว่าจะมีอาชีพสามารถเลี้ยงครอบครัวได้

add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : โพสต์ข้อความเทิดทูนสถาบัน
        ความคิดเห็นที่ #16708: 25 เม.ย. 19, 13:29 น

การทุ่มเทพระวรกายปฎิบัติพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่โดยมิทรงว่างเว้นของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร สะท้อนถึงพระราชหฤทัยมุ่งมั่นในการขจัดทุกข์บำรุงแก่พสกนิกร เพื่อสืบสานพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ซึ่งยังประโยชน์สุขแก่ราษฎรทุกหมู่เหล่าสืบมา

add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : โพสต์ข้อความเทิดทูนสถาบัน
        ความคิดเห็นที่ #16709: 25 เม.ย. 19, 13:29 น

ในยามที่ราษฎรประสบความเดือดร้อนเนื่องจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่นเมื่อครั้งเกิดมหาอุทกภัยในปี พ.ศ. 2554 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมพสกนิกรยังพื้นที่ต่างๆ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจ และยังได้พระราชทานความช่วยเหลือแก่ราษฎรผู้ประสบภัย สร้างความปลื้มปิติแก่ผู้ได้รับพระมหากรุณาธิคุณเป็นอย่างยิ่ง

add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : โพสต์ข้อความเทิดทูนสถาบัน
        ความคิดเห็นที่ #16710: 25 เม.ย. 19, 13:36 น

“…ถ้าเราสามารถที่จะสร้างความสัมพันธ์ระหว่างศาสนากับการศึกษาและชีวิตของคนที่มีมากขึ้นๆให้กลับมาเป็นอย่างเดิมเหมือนอย่างของเก่าของโบราณของเราคือให้รู้สึกว่าโรงเรียนก็คือวัด วัดคือโรงเรียน ก็จะทำให้บ้านเมืองมีอนุชนที่มีความสามารถในทางวิชาการและมีจิตใจสูงมีจิตใจดีเป็นพลเมืองดีต่อไปจะช่วยให้ส่วนรวมสามารถที่จะดำเนินต่อไปได้โดยสวัสดี…”

พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่คณะกรรมการธนาคารกรุงเทพ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต วันพฤหัสบดีที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๔

add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : โพสต์ข้อความเทิดทูนสถาบัน
        ความคิดเห็นที่ #16711: 25 เม.ย. 19, 13:37 น

“…บ้านเมืองของเราเป็นปึกแผ่นมั่นคง มีอิสรภาพและความร่มเย็นเป็นปรกติสุขสืบมาช้านาน เพราะเรามี ความยึดมั่นในชาติและต่างร่วมแรงร่วมใจกันบำเพ็ญกรณียกิจต่าง ๆ ตามหน้าที่ ให้สอดคล้องและเกื้อกูลกัน เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของชาติคนไทยทุกคนจึงควรจะได้ตระหนักในข้อนี้ให้มาก โดยเฉพาะภาวการณ์ในระยะ ปัจจุบันนี้ อาจกล่าวได้ว่าหากคนไทยเราประพฤติตนปฏิบัติงานโดยขาดจิตสำนึกในประโยชน์ร่วมกันของชาติ แล้วก็จะเป็นอันตรายอย่างยิ่งแก่ความมั่นคงของชาติ…”

พระราชดำรัส ในการเสด็จออกมหาสมาคม ในงานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา พุทธศักราช ๒๕๔๘ วันจันทร์ที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๘

add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : โพสต์ข้อความเทิดทูนสถาบัน
        ความคิดเห็นที่ #16712: 25 เม.ย. 19, 13:37 น

“…บ้านเมืองไทยของเราดำรงมั่นคงมาช้านาน เพราะคนไทยมีความพร้อมเพรียงกันเข้มแข็ง ถึงจะมี ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นบ้างตามกาลตามสมัย ก็เป็นไปตามความปรารถนาของพวกเราเอง ที่จะทำให้ประเทศ ชาติเจริญก้าวหน้า การทำนุบำรุงบ้านเมืองนั้น เป็นงานส่วนรวมของคนทั้งชาติจึงเป็นธรรมดาอยู่เอง ที่จะต้อง มีความขัดแย้งเกิดขึ้นบ้าง จะให้ทุกคนทุกฝ่ายมีความคิดเห็นสอดคล้องต้องกันตลอดทุก ๆ เรื่องไป ย่อมเป็น การผิดวิสัย เพราะฉะนั้น แต่ละฝ่าย แต่ละคนจึงควรจะคำนึงถึงจุดประสงค์ร่วมกัน คือความเจริญไพบูลย์ของชาติเป็นข้อใหญ่…”

พระราชดำรัส พระราชทานแก่ประชาชนชาวไทย ในโอกาสขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๓๕ วันอังคารที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๓๔

add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : โพสต์ข้อความเทิดทูนสถาบัน
        ความคิดเห็นที่ #16713: 25 เม.ย. 19, 13:37 น

“…การแก้ปัญหานั้น ถ้าไม่ทำให้ถูกเหตุถูกทางด้วยความรอบคอบระมัดระวัง มักจะกลายเป็นการเพิ่ม ปัญหาให้มากและยุ่งยากขึ้น แต่ละฝ่ายจึงควรจะตั้งใจพยายามทำความคิดความเห็นให้กระจ่างและเที่ยงตรง เพื่อจักได้สามารถเข้าใจปัญหาและเข้าใจกันและกันอย่างถูกต้อง ความเข้าใจที่ถูกต้องแน่ชัดนี้จะช่วยให้เล็งเห็น แนวทางปฏิบัติแก้ไขอันเหมาะสม ซึ่งจะนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกประการหนึ่ง อันเป็นข้อสำคัญ ทุกฝ่ายจะต้องตระหนักในใจเสมอว่า ประโยชน์ส่วนรวมนั้นเป็นประโยชน์ที่แต่ละคนพึงยึดถือเป็นเป้าหมายหลัก ในการปฏิบัติตนและปฏิบัติงาน เพราะเป็นประโยชน์ที่ยั่งยืนแท้จริง ซึ่งทุกคนมีส่วนได้รับทั่วถึงกัน…”

พระราชดำรัส พระราชทานแก่ประชาชนชาวไทย ในโอกาสขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๓๓ วันอาทิตย์ ที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๓๒

add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : โพสต์ข้อความเทิดทูนสถาบัน
        ความคิดเห็นที่ #16714: 25 เม.ย. 19, 13:38 น

“…แต่ละคนนั้นเป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่ง ๆ ซึ่งจะรวมกันขึ้นเป็นชาติบ้านเมือง ทุกคนต้องรักษาสุขภาพพลานามัย ให้ดีและทำงานให้ดีชาติบ้านเมืองจึงจะแข็งแรงและเจริญมั่นคงสมดุลย์ทุกส่วน ถ้าบุคคลทำตัวให้บกพร่องอ่อนแอ บ้านเมืองก็จะมีจุดบกพร่องและอ่อนแอไปด้วย ทุกคนจึงต้องบำรุงรักษาบ้านเมืองให้เหมือนบำรุงรักษาร่างกายและจิตใจตนเองและผู้ใดมีภาระหน้าที่อันใดอยู่ก็ต้องขวนขวายปฏิบัติให้สำเร็จลุล่วงไปโดยพลันด้วยความรู้และความสามารถด้วยความสะอาดกายสะอาดใจ ด้วยไมตรีจิตมิตรภาพ และด้วยความเมตตาปรารถนาดีต่อกัน ผลการปฏิบัติตนปฏิบัติงานของแต่ละคนแต่ละฝ่ายจักได้ประกอบส่งเสริมให้ประเทศชาติมีความสมบูรณ์มั่นคงขึ้นตามที่มุ่งหมาย…”

พระราชดำรัส พระราชทานแก่ประชาชนชาวไทย ในโอกาสขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๒๙ วันอังคารที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๒๘

add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : โพสต์ข้อความเทิดทูนสถาบัน
        ความคิดเห็นที่ #16715: 25 เม.ย. 19, 13:38 น

“…อันแผ่นดินไทยของเรานี้ถึงจะเป็นที่เกิดที่อาศัยของคนหลายเชื้อชาติหลายศาสนา แต่เราก็อยู่ร่วมกันโดยปรกติ ราบรื่นมาได้เป็นเวลาช้านาน เพราะเราต่างสมัครสมานกันอุตส่าห์ช่วยกันสร้างบ้านเมือง สร้างความเจริญ สร้างจิตใจสร้างแบบแผนที่ดีขึ้น เป็นของเราเอง ซึ่งแม้นานาประเทศก็น่าจะนำไปเป็นแบบฉบับได้เพราะฉะนั้น ถ้าเราทั้งหลาย มีสามัคคีมีเหตุผลอันหนักแน่น และมีความรู้ความเข้าใจอันถูกต้องชัดเจนในสถานการณ์ที่เป็นจริง ต่างคนต่างร่วมมือ ร ่วมความคิดกันในอันที่จะช ่วยกันผ ่อนคลายปัญหาและสถานการณ์ที่หนักให้เป็นเบา ไม่นำเอาประโยชน์ส่วนน้อย เข้ามาเกี่ยวข้อง ให้เสียหายถึงประโยชน์ส่วนใหญ่ของชาติบ้านเมือง เชื่อว่าเราจะสามารถรักษาชาติประเทศและความผาสุกสงบที่เราได้สร้างสมและรักษาสืบต่อกันมาช้านานนั้นไว้ได้…”

พระราชดำรัส พระราชทานแก่ประชาชนชาวไทย ในโอกาสขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๑๙ วันพุธที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๑๘

add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : โพสต์ข้อความเทิดทูนสถาบัน
        ความคิดเห็นที่ #16716: 25 เม.ย. 19, 13:39 น

“…กิจเฉพาะหน้าของเราทั้งหลายทุกคนที่จะต้องทำก็คือต้องรับสถานการณ์อันวิกฤตนี้ด้วยใจอันมั่นคง ไม่ หวั่นไหว และด้วยความรู้เท่าถึงการณ์พร้อมกับร่วมมือร่วมใจกันปฏิบัติแก้ไขผ่อนหนักให้เป็นเบาด้วยความสงบ และพร้อมเพรียง ไม่ก่อความวุ่นวายให้สถานการณ์ยิ่งร้ายลงไปอีก ทุกฝ่ายจำเป็นต้องเข้าใจในกันและกันเห็นใจกัน เสียสละประโยชน์ส่วนตัว เพื่อประโยชน์ส่วนรวมร่วมกันอุ้มชูกันไว้ เหมือนดังที่ได้เคยอุ้มชูกันมาแต่กาลก่อน เมื่อรวมกันดังนี้ก็จะเกิดพลังยิ่งใหญ่ ที่จะสามารถขจัดอุปสรรคขัดข้องทั้งปวงให้หมดสิ้นไปได้ในที่สุด…”

พระราชดำรัส พระราชทานแก่ประชาชนชาวไทย ในโอกาสขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๑๗ ณ พลับพลาท้องสนามหลวง วันจันทร์ ที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๑๖

add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : โพสต์ข้อความเทิดทูนสถาบัน
        ความคิดเห็นที่ #16717: 25 เม.ย. 19, 13:39 น

“...ขอให้ปฏิบัติงานทุกอย่างด้วยความตั้งใจเที่ยงตรงกล้าหาญ และเข้มแข็งเสียสละ หมั่นฝึกฝนตนเองให้ จัดเจนคล่องแคล่วในหน้าที่ และในการปฏิบัติงานร่วมกับผู้อื่น พยายามศึกษาวิทยาการอันก้าวหน้าทุกอย่าง ให้รอบรู้เท่าทันสถานการณ์อยู่เสมอ เพื่อให้สามารถใช้ยุทโธปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ที่มีอยู่ ให้เป็นประโยชน์ ในภารกิจของชาติให้ได้มากที่สุดประการสำคัญที่สุดขอให้ยึดมั่นในชาติบ้านเมืองขอให้ถือประโยชน์ร่วมกันของ ประชาชาติไทยให้ยิ่งกว่าประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้น...”

พระบรมราโชวาท ในการเสด็จฯ ทอดพระเนตรการแข่งขันใช้อาวุธทางอากาศ และการสาธิตกำลังทางอากาศ ประจำปี ๒๕๑๒ ณ สนามฝึกใช้อาวุธทางอากาศไชยบาดาล จังหวัดลพบุรี วันพุธที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๑๒

add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : โพสต์ข้อความเทิดทูนสถาบัน
        ความคิดเห็นที่ #16718: 25 เม.ย. 19, 13:39 น

“...ทุกคนจะต้องตั้งมั่นในความสามัคคีและความไม่ประมาท จะต้องใช้ปัญญา และความรอบคอบคิดอ่านก่อนที่จะกระทำการทั้งปวง จะต้องร่วมกันป้องกันแก้ไขและกำจัดสิ่งชั่วร้ายเป็นอันตรายต่อประเทศชาติหมั่นประกอบสัมมาอาชีพด้วยความซื่อสัตย์สุจริตคิดถึงประโยชน์สุขส่วนรวมของบ้านเมืองเป็นนิตย์เป็นสำคัญ...”

พระราชดำรัส พระราชทานแก่ประชาชนชาวไทยในโอกาสขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๑๒ วันอังคารที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๑๑

add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : โพสต์ข้อความเทิดทูนสถาบัน
        ความคิดเห็นที่ #16719: 25 เม.ย. 19, 13:40 น

“…ศรัทธาความเชื่อมั่นในความดีศรัทธาส่วนนี้จะส่งเสริมให้บุคคลเกิดความมุ่งมั่นที่จะทำตัวทำงานให้สูงขึ้น ไม่ยอมให้ตกต่ำ ผู้เชื่อมั่นในความดีจะมีความรู้สึกรับผิดชอบมีความข่มใจไม่ปล่อยตัวให้เป็นไปตามอำนาจคติและความเห็นแก่ประโยชน์เฉพาะตัว จะประพฤติปฏิบัติการใด ก็พิจารณากลั่นกรองอย่างรอบคอบจนเห็นชัดแล้วว่า การนั้น ๆ เป็นสิ่งที่ดีที่ถูกต้อง เป็นสุจริตธรรม และเป็นประโยชน์แท้ทั้งแก่ตนเองและส่วนรวม การที่ทำจึงปราศจากโทษก่อให้เกิดประโยชน์สร้างสรรค์เป็นความเจริญสวัสดีแต่อย่างเดียว ผลดีอีกประการหนึ่งของการปฏิบัติดีก็คือเมื่อผลของการทำดีเป็นที่ประจักษ์ชัด คนที่ไม่เคยทำความดีเพราะไม่เคยเห็นผล ก็จะได้เห็นและหันมานิยมศรัทธาในความดี บุคคลเหล่านั้นย่อมจะรับเอาความคิดจิตใจ และการกระทำของผู้ปฏิบัติดีเป็นแบบอย่างแล้วน้อมนำมาประพฤติปฏิบัติด้วยตนเอง บ้านเมืองของเราก็จะมีผู้ที่ศรัทธาในความดีปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเพิ่มขึ้นเป็นลำดับสิ่งที่แต่ละคนปฏิบัติก็จะประกอบส่งเสริมกันขึ้นเป็นความเจริญมั่นคงโดยส่วนรวมของชาติในที่สุด…”

พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วันศุกร์ที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๔๐

add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : โพสต์ข้อความเทิดทูนสถาบัน
        ความคิดเห็นที่ #16720: 25 เม.ย. 19, 13:40 น

“…การจะคิดพิจารณาและวิเคราะห์วิจารณ์กรณีต่างๆให้ได้ถูกถ้วนตามเหตุตามผลและความเป็นจริงนั้นบุคคลจำเป็นต้องฝึกจิตใจให้มีปรกติหนักแน่นและเป็นกลาง พร้อมทั้งฝึกกระบวนการคิดให้เป็นระเบียบให้ได้ก่อน ทั้งนี้เพราะจิตใจที่ไม่หนักแน่นเป็นกลาง เป็นต้นเหตุให้เกิดอคติหรือการปฏิบัติที่ไม่ถูกทาง อันเป็นตัวการสำคัญที่นำความคิดวิจารณญาณของบุคคลให้มืดมนผิดพลาดไปจากเหตุผลและความเป็นจริง ส่วนความคิดอ่านที่ไม่เป็นระเบียบนั้น เป็นต้นเหตุของความลังเลสับสนและวุ่นวายใจ ทำให้บุคคลไม่สามารถจะคิดอ่านทำการใด ๆ ให้ถูกต้องตามขั้นตอน และสำเร็จเรียบร้อยโดยไม่ติดขัดได้ เพราะฉะนั้น บัณฑิตจึงควรพยายามระมัดระวังตั้งใจให้หนักแน่นเป็นกลาง ทั้งฝึกฝนความคิดอ่านให้เป็นระเบียบจนชินชำนาญ จักได้สามารถใช้ความรู้ความคิดวิจารณญาณ สร้างสรรค์ความสำเร็จและความเจริญก้าวหน้า ทุกประการให้สมบูรณ์พร้อมได้ดังที่ปรารภปรารถนา…”

พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันศุกร์ที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๓๔

add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : โพสต์ข้อความเทิดทูนสถาบัน
        ความคิดเห็นที่ #16721: 25 เม.ย. 19, 13:41 น

“…ความมั่นคงเด็ดเดี่ยว ที่จะยึดมั่นในผลสำเร็จของงานและในความถูกต้องเป็นธรรม เป็นสิ่งสำคัญยิ่งสำหรับนักพัฒนาบริหาร เพราะความมีจิตใจมั่นคงในผลสำเร็จของงาน จะทำให้มุ่งมั่นที่จะกระทำต่อเนื่องไปโดยไม่ลดละ จนบรรลุผลเลิศ ส่วนความมั่นคงในคุณธรรมนั้น จะสร้างเสริมคุณสมบัติที่พึงประสงค์ให้เกิดขึ้นได้มากมาย เช่นว่า จะทำให้เป็นคนสุจริต ไม่ทำ ไม่พูดไม่คิดในสิ่งที่เป็นความชั่ว ความต่ำทรามทุกอย่าง ทำให้มีความจริงใจในกันและกัน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับกำจัดความกินแหนงแคลงใจ บาดหมางแตกแยกกัน และช่วยสร้างเสริมความร่วมมือเป็นอันหนึ่งอันเดียวให้เกิดขึ้น ทำให้มีความหนักแน่นในความคิดจิตใจสามารถพิจารณาเรื่องราวและปัญหาต่างๆให้เห็น เหตุเห็นผลโดยแจ่มแจ้ง และหาทางปฏิบัติที่ถูกต้องเที่ยงตรงได้ เหล่านี้ถือว่าเป็นอุปกรณ์เครื่องประกอบและเกื้อหนุนวิชาการให้แน่นหนักสมบูรณ์ช่วยให้นักพัฒนาบริหารสามารถใช้หลักวิชาได้อย่างถูกต้องเที่ยงตรง มั่นใจ บริสุทธิ์ใจ และได้ผลแน่นอน เต็มเปี่ยมตามเป้าหมาย…”

พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ณ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ วันจันทร์ที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๒๔

add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : โพสต์ข้อความเทิดทูนสถาบัน
        ความคิดเห็นที่ #16722: 25 เม.ย. 19, 13:41 น

“…จิตใจที่ต่ำทรามนั้นเป็นจิตใจที่อ่อนแอ ไม่กล้าและไม่อดทนที่จะเพียรพยายามสร้างสมความดีงามความเจริญ ความสำเร็จในทางที่ถูกต้องเป็นธรรมมีแต่คิดจะให้ได้มาโดยสะดวกง่ายดายโดยไม่คำนึงถึงผิดชอบชั่วดีจิตใจดังนี้ถ้าปล่อยให้เกิดมีขึ้นจนเคยชิน อย่างน้อยที่สุด ก็ทำให้เป็นคนมักง่าย ทำงานบกพร่องเสียหาย อย่างมาก ก็ทำให้เป็นคนด้านหนาไร้ความอาย หยาบคาย ละโมบ ทำอะไรที่ไหน ก็เกิดอันตรายที่นั่น ท่านจึงสอนให้สังวรระวังใจของตนให้ดีอย่าให้ความชั่วเกิดขึ้น และหากเกิดขึ้นแล้ว ก็ให้กำจัดเสียทันทีนอกจากนี้ก็ต้องฝึกหัดบำรุงใจให้เข้มแข็งและประณีตขึ้น เพื่อรับเอาความดี ซึ่งเป็นปัจจัยที่จะช่วยให้ก้าวถึงความสุขและความเจริญมั่นคงการฝึกใจให้เข้มแข็งนี้ถึงหากจะรู้สึกว่าเป็นการเหนื่อยยากแต่ถ้าได้ตั้งใจฝึกฝนโดยสม่ำเสมอให้เพิ่มพูนขึ้นโดยลำดับ ไม่ช้านานก็จะเกิดกำลังแข็งแรงเกิดความชำนาญคล่องแคล่ว จนสามารถทำความดีได้ง่ายขึ้น ไม่เหนื่อยยากเลย…”

พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ณ อาคารใหม่ สวนอัมพร วันจันทร์ที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๒๔

add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : โพสต์ข้อความเทิดทูนสถาบัน
        ความคิดเห็นที่ #16723: 25 เม.ย. 19, 13:41 น

“…เมื่อจะพิจารณาสิ่งใดเรื่องใดให้วางใจของตัวให้เป็นกลางคือปลดอคติความลำเอียงทุกๆประการออกจากใจให้ หมดก่อนแล้วเข้าไปเพ่งพินิจดูสิ่งนั้นเรื่องนั้นให้ถี่ถ้วนจึงจะมองเห็นได้ประจักษ์ทุกแง่ทุกมุม ไม่ใช่เห็นแต่เพียงแง่ใดแง่ หนึ่งตามความชอบใจหรือไม่ชอบใจที่มีอยู่ เมื่อเห็นประจักษ์ทั่วด้วยใจที่เป็นกลางแล้วความรู้ที่ชัดเจนก็จะบังเกิดขึ้นและช่วยให้ลงความเห็นและปฏิบัติได้โดยถูกต้องเป็นธรรม…”

พระราชดำรัส พระราชทานแก่สามัคคีสมาคม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในการเปิดการประชุมใหญ่ ประจำปี ๒๕๒๓ วันอังคารที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๒๓

add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : โพสต์ข้อความเทิดทูนสถาบัน
        ความคิดเห็นที่ #16724: 25 เม.ย. 19, 13:42 น

“…ความมีใจจริงที่ขาดไม่ได้ในการทำงานมีสองประการ ประการที่หนึ่ง คือความจริงใจต่อผู้ร่วมงาน ซึ่ง มีลักษณะประกอบด้วยความซื่อตรง เมตตาหวังดีพร้อมเสมอที่จะร่วมมือช่วยเหลือและส่งเสริมกันทุกขณะ ทั้งใน ฐานะผู้มีจุดประสงค์ที่ดีร่วมกัน และในฐานะที่เป็นเพื่อนมนุษย์ร่วมชาติร่วมโลกกัน ประการที่สอง ได้แก่ความ จริงใจต่องาน มีลักษณะเป็นการตั้งสัตย์อธิษฐานหรือการตั้งใจจริงที่จะทำงานให้เต็มกำลัง กล่าวคือ เมื่อได้ พิจารณาด้วยปัญญาเป็นที่แน่ชัดแล้ว ว่างานที่จะทำนั้นเป็นประโยชน์จริง ก็ต้องสัตย์สัญญาแก่ตัวเอง ผูกพัน บังคับตัวเองให้กระทำจนเต็มกำลังความรู้ความสามารถให้ได้ผลดีที่สุด…”

พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ณ สวนอัมพร วันพฤหัสบดี ที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๒๑

add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : โพสต์ข้อความเทิดทูนสถาบัน
        ความคิดเห็นที่ #16725: 25 เม.ย. 19, 13:42 น

“...ความเข้มแข็งในจิตใจนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่จะต้องฝึกฝนแต่เล็ก เพราะว่าต่อไป ถ้ามีชีวิตที่ลำบาก ไปประสบอุปสรรค ใดๆถ้าไม่มีความเข้มแข็ง ไม่มีความรู้ ไม่มีทางที่จะผ่านอุปสรรคนั้นได้เพราะว่าถ้าไปเจออุปสรรคอะไร ก็ไม่มีอะไร ที่จะมาช่วยเราได้แต่ถ้ามีความรู้มีอัธยาศัยที่ดีและมีความเข้มแข็งในกาย ในใจ ก็สามารถที่จะผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆ นั้นได้...”

พระราชดำรัส พระราชทานแก่คณะครูและนักเรียนโรงเรียนราชวินิต ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต วันศุกร์ที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๑๘

add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : โพสต์ข้อความเทิดทูนสถาบัน
        ความคิดเห็นที่ #16726: 25 เม.ย. 19, 13:42 น

“….ในบ้านเมืองเราทุกวันนี้มีเสียงกล่าวกันว่าความคิดจิตใจของคนเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เสื่อม ความประพฤติที่ เป็นความทุจริตหลายอย่างมีท่าทีที่จะกลายเป็นสิ่งที่คนทั่วไปพากันยอมรับและสมยอมให้กระทำกันได้เป็นธรรมดาสภาพการณ์เช่นนี้ย่อมทำให้วิถีชีวิตของแต่ละคนมืดมัวลงไป เป็นปัญหาใหญ่ที่เหมือนกระแสคลื่นอันไหลบ่าเข้ามาท่วมทั่วไปหมด จำเป็นต้องแก้ไขด้วยการช่วยกันฝืนคลื่นที่กล่าวนั้นในการดำเนินชีวิตของเรา เราต้องข่มใจไม่กระทำสิ่งใด ๆ ที่เรารู้สึกด้วยใจจริงว่าชั่ว ว่าเสื่อมเราต้องฝืนต้องต้านความคิดและความประพฤติทุกอย่าง ที่รู้สึกว่าขัดกับธรรมะ เราต้องกล้าและบากบั่นที่จะกระทำสิ่งที่เราทราบว่าเป็นความดีเป็นความถูกต้องและเป็นธรรมถ้าเราร่วมกันทำเช่นนี้ให้ได้จริง ๆ ให้ผลของความดีบังเกิดมากขึ้นๆก็จะช่วยค้ำจุนส่วนรวมไว้มิให้เสื่อมลงไป และจะช่วยให้ฟื้นคืนดีขึ้นได้เป็นลำดับ…”

พระราชดำรัส พระราชทานเพื่อเชิญไปอ่านในพิธีเปิดการประชุมยุวพุทธิกสมาคมทั่วประเทศ ครั้งที่ ๑๒ ที่จังหวัด พระนครศรีอยุธยา วันเสาร์ที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๑๓

add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : โพสต์ข้อความเทิดทูนสถาบัน
        ความคิดเห็นที่ #16727: 25 เม.ย. 19, 13:42 น

“…คนเราถ้าพอในความต้องการ ก็มีความโลภน้อย เมื่อมีความโลภน้อย ก็เบียดเบียนคนอื่นน้อย ถ้าทุก ประเทศมีความคิด อันนี้ไม่ใช่เศรษฐกิจ มีความคิดว่าทำอะไรต้องพอเพียงหมายความว่า พอประมาณ ไม่สุดโต่ง ไม่โลภอย่างมาก คนเราก็อยู่เป็นสุข พอเพียงนี้อาจจะมีมากอาจจะมีของหรูหราก็ได้แต่ว่าต้องไม่ไปเบียดเบียน คนอื่น ต้องให้พอประมาณตามอัตภาพ พูดจาก็พอเพียงทำอะไรก็พอเพียง ปฏิบัติตนก็พอเพียง…”

พระราชดำรัส พระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต วันศุกร์ที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๔๑

add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : โพสต์ข้อความเทิดทูนสถาบัน
        ความคิดเห็นที่ #16728: 25 เม.ย. 19, 13:43 น

“…การรู้จักประมาณตน ได้แก่การรู้จักและยอมรับว่าตนเองมีภูมิปัญญาและความสามารถในด้านไหน เพียงใด และควรจะทำงานด้านไหนอย่างไรการรู้จักประมาณตนนี้จะทำให้คนเรารู้จักใช้ความรู้ความสามารถที่มีอยู่ได้ถูกต้องเหมาะสมกับงาน และได้ประโยชน์สูงสุดเต็มตามประสิทธิภาพ ทั้งยังทำให้รู้จักขวนขวายศึกษาหาความรู้และเพิ่มพูนประสบการณ์อยู่เสมอ เพื่อปรับปรุงส่งเสริมศักยภาพที่มีอยู่ในตนเองให้ยิ่งสูงขึ้น ส่วนการรู้จักประมาณสถานการณ์นั้น ได้แก่การรู้จักพิจารณาสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้ทราบชัด ถึงความเป็นมา และที่เป็นอยู่ รวมทั้งที่คาดว่าจะเป็นไปในอนาคต การรู้จักประมาณสถานการณ์ได้นี้ จะทำให้สามารถวางแผนงานและปฏิบัติการได้ถูกตรงกับปัญหา ทันแก่สถานการณ์และความจำเป็น อันจะทำให้งานที่ทำได้ประโยชน์ที่สมบูรณ์คุ้มค่า การรู้จักประมาณตนและรู้จักประมาณสถานการณ์จึงเป็นอุปการะอย่างสำคัญ ที่จะเกื้อกูลให้บุคคลดำเนินชีวิตและกิจการงานไปได้อย่างราบรื่นและก้าวหน้า…”

พระบรมราโชวาท พระราชทานเพื่อเชิญไปอ่าน ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันเสาร์ ที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๔๑

add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : โพสต์ข้อความเทิดทูนสถาบัน
        ความคิดเห็นที่ #16729: 25 เม.ย. 19, 13:43 น

“…การจะเป็นเสือนั้นไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่เรามีเศรษฐกิจแบบพอมีพอกิน แบบพอมีพอกินนั้นหมายความว่า อุ้มชูตัว เองได้ให้มีพอเพียงกับตัวเองอันนี้ก็เคยบอกว่าความพอเพียงนี้ไม่ได้หมายความว่า ทุกครอบครัวจะต้องผลิตอาหารของตัว จะต้องทอผ้าใส่เอง อย่างนั้นมันเกินไป แต่ว่าในหมู่บ้านหรือในอำเภอ จะต้องมีความพอเพียงพอสมควร บางสิ่งบางอย่างที่ผลิตได้มากกว่าความต้องการ ก็ขายได้แต่ขายในที่ไม่ห่างไกลเท่าไหร่ ไม่ต้องเสียค่าขนส่งมากนัก อย่าง นี้ท่านนักเศรษฐกิจต่างๆ ก็มาบอกว่าล้าสมัย จริง อาจจะล้าสมัยคนอื่นเขาต้องมีการเศรษฐกิจ ที่ต้องมีการแลกเปลี่ยน เรียกว่าเป็นเศรษฐกิจการค้า ไม่ใช่เศรษฐกิจความพอเพียง เลยรู้สึกว่าไม่หรูหรา แต่เมืองไทยเป็นประเทศที่มีบุญอยู่ว่า ผลิตให้พอเพียงได้…”

พระราชดำรัส พระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้า ฯ ถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต วันพฤหัสบดี ที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๔๐

add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : โพสต์ข้อความเทิดทูนสถาบัน
        ความคิดเห็นที่ #16730: 25 เม.ย. 19, 13:44 น

“…เราไม่เป็นประเทศร่ำรวย เรามีพอสมควร พออยู่ได้แต่ไม่เป็นประเทศที่ก้าวหน้าอย่างมาก เราไม่อยากจะเป็น ประเทศก้าวหน้าอย่างมากเพราะถ้าเราเป็นประเทศก้าวหน้า อย่างมากก็จะมีแต่ถอยหลังประเทศเหล่านั้น ที่เป็นประเทศที่มีอุตสาหกรรมก้าวหน้าจะมีแต่ถอยหลังและถอยหลังอย่างน่ากลัวแต่ถ้าเรามีการบริหารแบบเรียกว่าแบบ “คนจน” แบบที่ไม่ติดกับตำรามากเกินไป ทำอย่างมีสามัคคีนี่แหละ คือเมตตากัน ก็จะอยู่ได้ตลอดไป คนที่ทำงานตามวิชาการ จะต้องดูตำรา เมื่อพลิกไปถึงหน้าสุดท้ายแล้ว ในหน้าสุดท้ายนั้นเขาบอก “อนาคตยังมี” แต่ไม่บอกว่าให้ทำอย่างไร ก็ต้องปิดเล่มคือปิดตำรา ปิดตำราแล้วไม่รู้จะทำอะไรลงท้ายก็ต้องเปิดหน้าแรกใหม่ เปิดหน้าแรกก็เริ่มต้นใหม่ถอยหลังเข้าคลอง แต่ถ้าเราใช้ตำราแบบ “คนจน” ใช้ความอะลุ้มอล่วยกัน ตำรานั้นไม่จบ เราจะก้าวหน้าเรื่อยๆ”…”

พระราชดำรัส พระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต วันพุธที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๓๔

add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : โพสต์ข้อความเทิดทูนสถาบัน
        ความคิดเห็นที่ #16731: 25 เม.ย. 19, 13:44 น

“…คนเราที่ฟุ้งเฟ้อ ไม่มีทางที่จะหาทรัพย์มาป้อนความฟุ้งเฟ้อได้ความฟุ้งเฟ้อนี้เป็นปากหรือเป็นสัตว์ที่หิวไม่หยุด ความฟุ้งเฟ้อนี้อ้าปากตลอดเวลา จะป้อนไปเท่าไรๆ ก็ไม่พอ เมื่อป้อนเท่าไรๆไม่พอแล้วก็หาเท่าไรๆก็ไม่พอความไม่พอ นี้ไม่สามารถที่จะหาอะไรมาป้อนความฟุ้งเฟ้อนี้ได้ฉะนั้นถ้าจะต่อต้านความเดือดร้อนไม่ใช่ว่าจะต้องประหยัดมัธยัสถ์จะต้องป้องกันความฟุ้งเฟ้อ และป้องกันวิธีการที่มักจะใช้เพื่อที่จะมาป้อนความฟุ้งเฟ้อนี้คือความทุจริตฉะนั้นการที่จะณรงค์ที่จะต่อสู้เพื่อให้คนมัธยัสถ์และประหยัดนั้นก็อยู่ที่ตัวเอง ไม่ใช่อยู่ที่คนอื่น เมื่ออยู่ที่ตนเอง ไม่อยู่ที่คนอื่น การณรงค์โดยมากมักออกไปข้างนอก จะไปชักชวนคนโน้นชักชวนคนนี้ให้ทำโน่นทำนี่ ที่จริงตัวเองต้องทำเอง ถ้าจะใช้คำว่าณรงค์ ก็ต้องณรงค์กับตัวเอง ต้องฝึกตัวให้รู้จักความพอดีพอเหมาะ ถ้าไม่พอดีไม่พอเหมาะมันจะเกิดทุจริตในใจได้…”

พระราชดำรัส พระราชทานแก่คณะลูกเสือชาวบ้านที่มาเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ในโอกาสเสด็จฯ กลับจากแปร พระราชฐานจากจังหวัดสกลนคร ณ สนามบินดอนเมือง วันอาทิตย์ที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๒๗

add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : โพสต์ข้อความเทิดทูนสถาบัน
        ความคิดเห็นที่ #16732: 25 เม.ย. 19, 13:44 น

“...เป็นเวลาต่อเนื่องกันหลายปีแล้ว ที่บ้านเมืองของเรามีความเปลี่ยนแปลงมาตลอดทั้งในวิถีทางดำเนินของ บ้านเมืองและของประชาชนทั่วไป เป็นเหตุให้เราต้องประคับประคองตัวมากเข้า เพื่อให้อยู่รอดและก้าวต่อไปได้โดยสวัสดีตามแนวทางที่เป็นมาแล้วน่าจะเชื่อได้ว่าเราจะต้องประคับประคองตัวกันต่อไปอีกนานดังนั้น ทุกคนจึงควรจะรับรู้ความจริง ทั้งนี้แล้วเอาใจใส่ปฏิบัติงานปฏิบัติตัวให้เป็นระเบียบและขะมักเขม้นยิ่งขึ้น พร้อมกับระมัดระวังการดำเนินชีวิตให้เป็นไปโดยประหยัด จักได้ไม่เกิดความติดขัดเดือดร้อนขึ้นเพราะความประมาทและความรู้ไม่เท่าทันสถานการณ์สำคัญที่สุด ขอให้คิดพิจารณาให้เข้าใจว่า สภาวะที่บีบรัดความเป็นอยู่ของเราที่เกิดขึ้นนี้เป็นผลกระเทือนมาจากความวิปริตของวิถีความเปลี่ยนแปรทางเศรษฐกิจ การเมือง และทางอื่นๆ ของโลก เราจึงไม่สามารถที่จะหลีกพ้นได้หากแต่จะต้องเผชิญปัญหาอย่างผู้มีสติมีปัญญา มีความเข้มแข็งและกล้าหาญ เพื่อเราจักได้รวมกันอยู่อย่างมั่นคงไพบูลย์...”

พระราชดำรัส พระราชทานแก่ประชาชนชาวไทย ในโอกาสขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๒๒ วันอาทิตย์ ที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๒๑

add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : โพสต์ข้อความเทิดทูนสถาบัน
        ความคิดเห็นที่ #16733: 25 เม.ย. 19, 13:45 น

“…การพัฒนาประเทศจำเป็นต้องทำตามลำดับขั้น ต้องสร้างพื้นฐาน คือความพอมีพอกิน พอใช้ของ ประชาชนส่วนใหญ่เป็นเบื้องต้นก่อน โดยใช้วิธีการและใช้อุปกรณ์ที่ประหยัด แต่ถูกต้องตามหลักวิชา เมื่อได้ พื้นฐานมั่นคงพร้อมพอควรและปฏิบัติได้แล้ว จึงค่อยสร้างค่อยเสริมความเจริญและฐานะเศรษฐกิจขั้นที่สูง ขึ้นโดยลำดับต่อไป หากมุ่งแต่จะทุ่มเทสร้างความเจริญยกเศรษฐกิจขึ้นให้รวดเร็วแต่ประการเดียว โดยไม่ให้ แผนปฏิบัติการสัมพันธ์กับสภาวะของประเทศและของประชาชนโดยสอดคล้องด้วย ก็จะเกิดความไม่สมดุลย์ ในเรื่องต่างๆขึ้นซึ่งอาจกลายเป็นความยุ่งยากล้มเหลวได้ในที่สุด…”

พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วันพฤหัสบดี ที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๑๗

add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : โพสต์ข้อความเทิดทูนสถาบัน
        ความคิดเห็นที่ #16734: 25 เม.ย. 19, 13:46 น

“...ความสำคัญของการประหยัดซึ่งรัฐบาลได้ชักชวนให้แต่ละคนปฏิบัติคงจะได้ตระหนักอยู่แล้วทั่วกันว่าการ ใช้จ่ายโดยประหยัดนั้น จะเป็นหลักประกันความสมบูรณ์พูนสุขของผู้ประหยัดเองและครอบครัวช่วยป้องกันความ ขาดแคลนในวันข้างหน้า การประหยัดดังกล่าวนี้จะมีผลดีไม่เฉพาะแก่ผู้ประหยัดเท่านั้น ยังจะเป็นประโยชน์ แก่ประเทศชาติด้วย ทั้งนี้ โดยที่ประชาชนแต่ละคนเป็นส่วนประกอบของประเทศชาติฐานะทางเศรษฐกิจของ ประเทศชาติก็ขึ้นอยู่ที่ฐานะความเป็นอยู่ของประชาชนพลเมือง ถ้าแต่ละคนทำการประหยัดและช่วยผดุงฐานะ ของตนเองแล้ว ก็เท่ากับได้มีส่วนช่วยส่งเสริมภาวะทางเศรษฐกิจของประเทศเป็นส่วนรวม...”

พระราชดำรัส พระราชทานแก่ประชาชนชาวไทย ในโอกาสขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๐๓ วันพฤหัสบดีที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๐๒

add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : โพสต์ข้อความเทิดทูนสถาบัน
        ความคิดเห็นที่ #16735: 25 เม.ย. 19, 13:46 น

“...ความสุขความเจริญนี้แม้เป็นสิ่งที่พึงปรารถนาอย่างยิ่ง แต่ในวิถีชีวิตของคนเรานั้น ย่อมต้องมีทั้งสุขและทุกข์ทั้งความสมหวังและผิดหวัง เป็นปรกติธรรมดาทุกคนจึงต้องเตรียมตัว เตรียมใจและเตรียมการให้พร้อมอย่าประมาท...”

พระราชดำรัส พระราชทานแก่ประชาชนชาวไทย ในโอกาสขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๕๙ วันพฤหัสบดีที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘

add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : โพสต์ข้อความเทิดทูนสถาบัน
        ความคิดเห็นที่ #16736: 25 เม.ย. 19, 13:47 น

“...ความเจริญผาสุกและความตั้งมั่นของบ้านเมือง เป็นสิ่งสำคัญสูงสุดที่บุคคลพึงรำลึกและพึงประสงค์ความเจริญ มั่นคงนั้นจะเกิดมีขึ้นได้ก็ด้วยผู้ปฏิบัติบริหารงานของชาติ ทุกฝ่ายมุ่งที่จะปฏิบัติภาระหน้าที่ของตนให้เต็มกำลังด้วยสติความรู้ตัว ด้วยปัญญาความรู้คิด และด้วยความสุจริตจริงใจโดยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมยิ่งกว่าส่วนอื่น...”

พระราชดำรัส ในการเสด็จออกมหาสมาคมในงานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา พุทธศักราช ๒๕๔๑ วันเสาร์ที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๑

add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : โพสต์ข้อความเทิดทูนสถาบัน
        ความคิดเห็นที่ #16737: 25 เม.ย. 19, 13:47 น

“…เป็นเวลาหลายปีติดต่อกันมา ที่เราต้องประสบกับเหตุไม่ปรกติต่างๆ หลายเรื่อง จนทำให้หลายๆ คนเกิดความวิตกห่วงใยในอนาคตของตนเองและของบ้านเมืองเป็นอย่างมาก แต่ด้วยเหตุที่ส่วนใหญ่มีสติรู้เท่าทัน มีความรู้ความสามารถ จึงต่างขวนขวายช่วยตนเองและร่วมมือร่วมความคิดกันปฏิบัติแก้ไขอย่างจริงจัง จนบัดนี้อาจกล่าวได้ว่า สถานการณ์ต่าง ๆ ได้ผ่อนคลายลงและมีความหวังว่าจะดีขึ้น อย่างไรก็ตาม เรายังจะต้องพยายามปฏิบัติตนปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวังต่อไปอีกมาก …”

พระราชดำรัส พระราชทานแก่ประชาชนชาวไทยในโอกาสขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๔๗ วันพุธที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๖

add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : โพสต์ข้อความเทิดทูนสถาบัน
        ความคิดเห็นที่ #16738: 25 เม.ย. 19, 13:47 น

การปฏิบัติราชการนั้น นอกจากมุ่งกระทำเพื่อให้งานสำเร็จไปโดยเร็ว และมีประสิทธิภาพแล้ว ยังจะต้องกระทำ ด้วยสติรู้ตัวและปัญญารู้คิดว่าสิ่งใดเป็นความเจริญสิ่งใดเป็นความเสื่อมอะไรเป็นสิ่งที่ต้องทำอะไรเป็นสิ่งที่ต้องละเว้นหรือกำจัด ผลที่เกิดขึ้นจึงจะเป็นประโยชน์ที่แท้และยั่งยืน ทั้งแก่ตนเองและส่วนรวม

พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่ข้าราชการพลเรือน เนื่องใน วันข้าราชการพลเรือน วันอาทิตย์ที่ ๑ เมษายน ๒๕๔๔

add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : โพสต์ข้อความเทิดทูนสถาบัน
        ความคิดเห็นที่ #16739: 25 เม.ย. 19, 13:48 น

“…หลักของคุณธรรมคือการคิดด้วยจิตใจที่เป็นกลางก่อนที่บัณฑิตจะพูดจะทำสิ่งไร จำเป็นต้องหยุดคิดเสียก่อนเพื่อรวบรวมสติให้ตั้งมั่นไม่โอนเอนและให้จิตใจสว่างแจ่มใส ซึ่งแรก ๆ หัด อาจะต้องใช้เวลาบ้าง และอาจรู้สึกว่าทำได้ยาก แต่เมื่อปฏิบัติฝึกฝนจนคุ้นเคยชำนาญแล้วก็จะตั้งสติคิดอ่านได้คล่องแคล่วรวดเร็วขึ้นจะแสดงความรู้ความคิดเรื่องใด แก่ใคร ผู้ฟังก็จะเข้าใจได้ง่าย ได้ชัด ไม่ผิดหลักวิชา ซึ่งเท่ากับได้ปฏิบัติถูกต้องตรงตามคุณธรรม ของนักวิชาการอย่างครบถ้วน...”

พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันพฤหัสบดีที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๓๕


หน้า: 1 ... 365 366 367 368 369 370 371 372 373 374 375 376 377 378 379 ... 445
ตอบ
ชื่อ:
กระทู้:
ไอค่อนข้อความ:
ตัวหนาตัวเอียงตัวขีดเส้นใต้จัดย่อหน้าชิดซ้ายจัดย่อหน้ากึ่งกลางจัดย่อหน้าชิดขวา


[เพิ่มเติม]
ขอความร่วมมือท่านสมาชิก และผู้ใช้บริการเว็บบอร์ด
ห้ามมิให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ทั้งเนื้อหาและภาพของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
แนบไฟล์: (แนบไฟล์เพิ่ม)
ไฟล์ที่อนุญาต: gif, jpg, jpeg
ขนาดไฟล์สูงสุดที่อนุญาต 20000000 KB : 4 ไฟล์ : ต่อความคิดเห็น
ติดตามกระทู้นี้ : ส่งไปที่อีเมลของสมาชิกสนุก
  ส่งไปที่
พิมพ์อักษรตามภาพ: พิมพ์ตัวอักษรที่แสดงในรูปภาพ
หากท่านพบเห็นการกระทำ หรือพฤติกรรมใด ๆ ที่ไม่เหมาะสม ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสื่อมเสียแก่สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รวมถึง การใช้ข้อความที่ไม่สุภาพ พฤติกรรมการหลอกลวง การเผยแพร่ภาพลามก อนาจาร หรือการกระทำใด ๆ ที่อาจก่อให้ผู้อื่น ได้รับความเสียหาย กรุณาแจ้งมาที่ แนะนำติชม
  • ข้อความของคุณอยู่ในกระทู้นี้
  • กระทู้ที่ถูกใส่กุญแจ
  • กระทู้ปกติ
  • กระทู้ติดหมุด
  • กระทู้น่าสนใจ (มีผู้ตอบมากกว่า 15 ครั้ง)
  • โพลล์
  • กระทู้น่าสนใจมาก (มีผู้ตอบมากกว่า 25 ครั้ง)
:  
ทางสนุก! จะทำการตรวจสอบ
และขออนุญาตไม่แสดงข้อความ
ที่ไม่เหมาะสม ข้อความที่
ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียแก่
สถาบันชาติ ศาสนา
พระมหากษัตริย์ รวมถึงข้อความที่
เข้าข่ายหลอกลวง การเผยแพร่
ภาพลามกอนาจาร หรือข้อความ
ใดๆ ที่ทำให้ผู้อื่นได้รับความ
เสียหาย บนกระทู้นี้