กระเพาะปัสสาวะอักเสบ โรคที่มีโอกาสเกิดบ่อยในผู้หญิงเกือบทุกคน เหมือนเป็นโรคที่ไม่ร้ายแรงอะไร แค่รับประทานยาก็หายได้ แต่ ถ้าเป็นบ่อย หรือมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น มีไข้สูง หนาวสั่น คลื่นไส้หรือ ปวดหลัง ซึ่งเป็นสันญานอันตราย เพราะเชื้อลุกลามถึงกรวยไต อาจทำให้เสียชีวิตจากการติดเชื้อในกระแสเลือดได้ กระเพาะปัสสาวะอักเสบจึงเป็นโรคที่น่าสนใจไม่น้อยกว่าโรคอื่นๆ เพราะเกิดได้ง่ายในทุกคนโดยเฉพาะในผู้หญิง กองบรรณาธิการจึงขอข้อมูลเกี่ยวกับโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบจากนพ.วสันต์ เศรษฐวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคทางเดินปัสสาวะ โรงพยาบาลธนบุรี 2 เพื่อให้ผู้อ่านได้รู้ทันโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ สามารถดูแลตัวเองและคนรอบตัวให้มีสุขภาพดีได้
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ แบ่งเป็น2 ประเภท คือ ประเภทที่เกิดจากการติดเชื้อ และไม่ติดเชื้อ กลุ่มโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบแบบไม่ติดเชื้อนั้น พบได้ในผู้ป่วยที่ได้รับการฉายแสงบริเวณอุ้งเชิงกราน(Radiation Cystitis) หรือ ชนิดไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด (Interstitial Cystitis) ซึ่งมีอาการคล้ายกันกับประเภทติดเชื้อแต่มีอาการเรื้อรังมานาน และตรวจปัสสาวะไม่มีเชื้อ ส่วนกระเพาะปัสสาวะอักเสบที่เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปนั้น หมายถึง กระเพาะปัสสาวะอักเสบฉับพลัน (Acute Cystitis) หมายถึง เกิดจากติดเชื้อแบคทีเรียในกระเพาะปัสสาวะ ทำให้เกิดการอักเสบ ผู้ป่วยจะมีอาการปัสสาวะแสบขัด ปวดท้องน้อย ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะไม่สุด กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ บางคนอาจมีไข้ต่ำ ๆ หรือปัสสาวะ เป็นเลือดร่วมด้วย
อาการเหล่านี้เกิดขึ้นฉับพลัน ผู้ป่วยหลายท่านมักเข้าใจว่าเชื้อโรคที่ทำให้เกิดเกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบนั้นมาจากนอกร่างกาย เช่นใส่เสื้อผ้าชั้นในที่ไม่สะอาด การเข้าห้องน้ำสาธารณ เป็นต้น ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง จริงๆ แล้ว เชื้อโรคเหล่านี้มีอยู่ทั่วไปในร่างกาย ในบางสภาวะ เชื้อโรคเหล่านี้อาจเพิ่มจำนวนและความสามารถในการลุกลานเนื้อเยื่อ(virulence)
ทำให้เกิดอาการอักเสบได้ ภาวะเหล่านี้ เช่น การกลั้นปัสสาวะ เป็นปัจจัยที่พบบ่อยของการเกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ บางคนที่กลั้นปัสสาวะเพราะเห็นว่าห้องน้ำไม่สะอาด มีโอกาสเกิดการอักเสบของกระเพาะปัสสาวะ
ได้มากกว่าการปัสสาวะออกไป
ปัจจัยอื่นที่ทำให้เกิดอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ได้แก่
-ผู้ที่มีความผิดปกติในระบบทางเดินปัสสาวะ เช่น ท่อปัสสาวะ ตีบ ,นิ่ว หรือเนื้องอกในระบบทางเดินปัสสาวะ
- ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน ช่องคลอดจะแห้ง เชื้อแบคทีเรียจะกระจายไปสู่ท่อปัสสาวะได้ง่าย
-การมีเพศสัมพันธ์ การมีเพศสัมพันธ์ทำให้เชื้อโรคกระจายเข้าไปในกระเพราะปัสสาวะได้ง่ายขึ้น จึงเป็นสาเหตุให้เกิดการอักเสบได้ กระเพาะปัสสาวะอักเสบด้วยสาเหตุนี้พบมากขึ้นในกลุ่มวัยรุ่น
-คนที่เคยมีอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบแล้วมีโอกาสเป็นได้อีกบ่อยๆ แต่ไม่ควรมากกว่า 2 ครั้ง ในเวลา 6 เดือน หรือ มากกว่า 3 ครั้งต่อปี
-ผู้ชายพบการอักเสบของกระเพาะปัสสาวะได้น้อยกว่าผู้หญิงและมักมีความผิดปกติในระบบทางเดินปัสสาวะอื่นๆ เช่นมีนิ่ว,เนื้องอกท่อปัสสาวะตีบ หรือต่อมลูกหมากโตไปกดทับท่อปัสสาวะ ดังนั้นผู้ชายที่มีกระเพาะปัสสาวะอักเสบจึงควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจค้นความผิดปกติเหล่านี้ กระเพาะปัสสาวะอักเสบในผู้ชายจะพบมากขึ้น เมื่ออายุสูงขึ้น
อาการของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ จะปวดท้องน้อย ปัสสาวะไม่สุด ปวดปัสสาวะบ่อยแต่ปัสสาวะได้ครั้งละเล็กน้อย กดที่หน้าท้องจะเจ็บ ปัสสาวะมีสีเข้มหรือมีสีแดงคล้ายเลือดปนออกมาในบางราย แต่ถ้าเชื้อกระจายไปถึงกรวยไตจะมีไข้หนาวสั่น คลื่นไส้ ร่วมด้วย จะรุนแรงกว่ากระเพาะปัสสาวะอักเสบทั่วไป
การรักษา แพทย์จะนำปัสสาวะไปตรวจเบื้องต้นซึ่งใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก็ทราบผล สามารถตรวจได้โดยผู้ป่วยไม่ต้องงดอาหารและน้ำ เมื่อทราบผล แพทย์จะให้ยารับประทาน 3-5 วัน และหลีกเสี่ยงการกลั้นปัสสาวะ ,ให้ดื่มน้ำมากๆใน ช่วงนี้ ยาจะเป็นยาฆ่าเชื้อปฏิชีวนะ การดื่มน้ำมาก ๆ เพียงอย่างเดียว ก็สามารถรักษากระเพาะปัสสาวะอักเสบในรายที่อาการไม่รุนแรงได้