เขียนโดย isranews - สำนักข่าวอิศรา http://www.isranews.org/eB2/item/26766-kit.html
ตามรอย “หนี้" ส่วนตัว “กิตติรัตน์” ก่อนรับหน้าที่ “แม่ทัพ” โร่หาเงินกู้โปะโครงการจำนำข้าว พบเล่นการเมืองครบหนึ่งปี ยอดบัตรเครดิตพุ่ง 9 ใบ ค้างเงินกู้ บริษัทตัวเอง กว่าสามแสน!!

ชื่อของ “รองโต้ง” หรือ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กลับมาอยู่ในความสนใจของสังคมอีกครั้ง
หลังปรากฏชื่อ เป็นผู้เข้ามารับหน้าที่ พารัฐบาล ฝ่าวิกฤตแก้ไขปัญหา “หนี้” ที่เกิดขึ้นจากโครงการรับจำนำข้าว โดยเฉพาะภารกิจเร่งด่วน ในการหาเงินมาชำระหนี้ค่าข้าวให้กับชาวนาที่ค้างจ่ายมาหลายเดือน
แต่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า นับตั้งแต่ นายกิตติรัตน์ เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรี ในรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในช่วงปลายปี 2554 ชีิวิตของนายกิตติรัตน์ ต้องวนเวียนกับปัญหา "หนี้ส่วนตัว" เช่นกัน
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบข้อมูลการแจ้งบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของ นายกิตติรัตน์ นับตั้งแต่เข้ามาดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี ในรัฐบาลพรรค น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ช่วงปลายปี 2554 พบข้อเท็จจริงดังนี้
ในการเข้ารับตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2554 นายกิตติรัตน์ แจ้งว่า มีเงินเบิกเกินบัญชี จำนวน 2 รายการ คือ 1. บัตรเครดิตธนาคารไทยพาณิชย์ เลขที่ 4773 7606 0000 7864 ยอดหนี้คงเหลือ 160,591.43 บาท 2. บัตรกรุงไทย เลขที่บัญชี 4391 3700 0461 9207 ยอดหนี้คงเหลือ 49,794.50 บาท
ส่วนรายการเงินกู้จากธนาคาร และสถาบันการเงินอื่น มี 2 รายการ คือ แลนด์แอนด์ เฮ้าส์เพื่อรายย่อย ทำสัญญาวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2553 ยอดหนี้คงเหลือ 3,098,244.30 บาท และธนาคารธนชาติ ทำสัญญาวันที่ 27 พฤษภาคม 2553 ยอดหนี้คงเหลือ 365,636 บาท
หนี้สินที่มีหลักฐานเป็นหนังสือ มี 1 รายการ คือ บริษัท คาเธ่ย์ แอสแซท แมเนจเม้นท์ จำกรด ผู้ให้กู้ ทำสัญญาเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2554 ยอดหนี้คงเหลือ 497,000 บาท
นายกิตติรัตน์ ยังแจ้งในหมวดค่าใช้จ่ายว่า มีค่าผ่อนรถ 10,754 ต่อเดือน รวมวงเงิน 129,048 บาท ค่าผ่อนบ้าน และผ่อนดาวน์คอนโด 680,000 บาท และค่าน้ำมันรถ 20,000 ต่อเดือน รวมวงเงิน 240,000 บาท
ต่อมาในการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน พ้นตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2555 นายกิตติรัตน์ แจ้งว่า มีเงินเบิกเกินบัญชี จำนวน 3 รายการ คือ 1. บัตรเครดิตธนาคารไทยพาณิชย์ เลขที่ 4773 7606 0000 7864 ยอดหนี้คงเหลือ 23,400 บาท บาท 2. บัตรกรุงไทย เลขที่บัญชี 4391 3700 0461 9207 ไม่ระบุยอดหนี้ และ 3. บัตรกสิกรไทย เลขที่ 4417 7063 0002 3513 ไม่ระบุยอดหนี้
ส่วนรายการเงินกู้จากธนาคาร และสถาบันการเงินอื่น มี 2 รายการ เหมือนเดิม คือ แลนด์แอนด์ เฮ้าส์เพื่อรายย่อย ทำสัญญาวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2553 ยอดหนี้ลดเหลือ 2,998,857.74 บาท และธนาคารธนชาติ 27 พฤษภาคม 2553 ยอดหนี้ลดเหลือ 311,866 บาท
หนี้สินที่มีหลักฐานเป็นหนังสือ มี 1 รายการ คือ บริษัท คาเธ่ย์ แอสแซท แมเนจเม้นท์ จำกรด ผู้ให้กู้ ทำสัญญาเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2554 ยอดหนี้ลดเหลือ 479,450.62 บาท
นายกิตติรัตน์ ยังคงแจ้งในหมวดค่าใช้จ่ายว่า มีค่าผ่อนรถ 10,754 ต่อเดือน รวมวงเงิน 129,048 บาท ค่าผ่อนบ้าน และผ่อนดาวน์คอนโด 680,000 บาท และค่าน้ำมันรถ 20,000 ต่อเดือน รวมวงเงิน 240,000 บาทเท่าเดิม
หลังจากนั้นมีการปรับครม. นายกิตติรัตน์ เข้ามารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ดูแลภาพรวมนโยบายการเงินการคลังของประเทศ
ชีวิตของรองโต้งนายกิตติรัตน์ ก็ยังต้องเผชิญหน้า กับหนี้สินส่วนตัว ที่ติดตามมาต่อไปเหมือนเดิม
โดยในการแจ้งแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ช่วงเข้ารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2555 นายกิตติรัตน์ แจ้งว่า มีเงินเบิกเกินบัญชีเหลือแค่ 3 รายการ , รายการเงินกู้จากธนาคาร และสถาบันการเงินอื่น มี 2 รายการ , หนี้สินที่มีหลักฐานเป็นหนังสือ มี 1 รายการ ข้อมูลตัวเลขหนี้ เท่ากับ ช่วง พ้นตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2555
และนายกิตติรัตน์ ก็ยังคงแจ้งในหมวดค่าใช้จ่ายว่า มีค่าผ่อนรถ 10,754 ต่อเดือน รวมวงเงิน 129,048 บาท ค่าผ่อนบ้าน และผ่อนดาวน์คอนโด 680,000 บาท และค่าน้ำมันรถ 20,000 ต่อเดือน รวมวงเงิน 240,000 บาทเท่าเดิม
(มีต่อ)