|
ทุกอย่างเป็นการจิตภาพขึ้นมาให้เหมือนจริงมากที่สุดทั้งหมด 4008 คน ต้องช่วยกันจิตภาพขึ้นมาเช่นกัน และเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมและสังคมไทยให้มีแบบอย่างความคิดที่สร้างสรรค์ ก้าวหน้าและเป็นแบบอย่างที่ดีสืบไปครับ...หนูๆน้องๆทุกคนต้องช่วยกัน หากมีใครจะเสนอแนะอะไรก็เข้ามาคุยกันได้หรือจะแนะนำตัวให้เพื่อนๆได้รู้จักเด็กเก่งเด็กอัจฉริยะที่มีอยู่ในนี้ 40 กว่าคนครับเชิญแนะนำตัวได้เลยครับแต่ถ้าไม่พร้อมก็ไม่เป็นไรครับอาจกำลังตื่นเต้นกันอยู จริงไหมจ๊ะหนูๆ...
|
|
|
|
![]() |
|
|
เช้านี้มีหนูสมัครเข้ามาดูประมาณ 500 คนแล้วเดี๋ยวสายๆหน่อยก็จะขึ้นเ 1000 คนจ้าไม่นึกว่าจะเข้ามากันมากมายและเดี๋ยวเรามาดูกันกับภาพน่ารักๆแปลกกันครับ...
|
|
|
|
![]() |
|
|
นี่คือยานอวกาศที่นาซ่าส่งไปลงที่ดาวอังคาร นักเรียน 4138 คน เตรียมรับความรู้กับอาจารย์ร่วมกันครับ..
สำรวจดาวอังคาร โดย ศ. ดร.สุทัศน์ ยกส้าน
สำรวจดาวอังคาร
ดาวอังคาร คือดาวเคราะห์ดวงที่ ๔ ของสุริยจักรวาล ซึ่งอยู่ถัดจากโลกออกมาจากดวงอาทิตย์ โคจรอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดประมาณ ๒๐๗ ล้านกิโลเมตร และไกลสุดประมาณ ๒๔๙ ล้านกิโลเมตร การอยู่ใกล้และไกลที่แตกต่างกันเช่นนี้ ทำให้ดาวอังคารได้รับแสงอาทิตย์ในปริมาณที่แตกต่างกันมาก
และปัจจุบันนี้เองที่มีอิทธิพลต่อสภาพดินฟ้าอากาศบนดาวอังคาร ขณะที่ดาวอยู่ใกล้โลกที่สุดประมาณ ๕๖ ล้านกิโลเมตร ดาวจะมีสีสุกใสที่สุด ณ ตำแหน่งนี้ กล้องโทรทรรศน์บนโลกสามารถเห็นวัตถุบนดาวอังคารที่มีขนาดตั้งแต่ ๑๐๐ กิโลเมตรขึ้นไปได้
แต่ถึงแม้ดาวอังคารจะสุกใสเช่นไร มันก็ยังสว่างน้อยกว่าดาวศุกร์ ด้วยเหตุผล ๓ ประการคือ
ดาวอังคารอยู่ไกลจากดวงอาทิตย์เป็น ๒ เท่าของระยะทางที่ดาวศุกร์อยู่ไกลจากดวงอาทิตย์ ดังนั้น ผิวดาวอังคารจึงมีความเข้มน้อยกว่าผิวดาวศุกร์ประมาณร้อยละ ๗๕
เหตุผลข้อที่ ๒ คือ ดาวศุกร์มีขนาดใหญ่กว่าดาวอังคาร ดังนั้น มันจึงมีพื้นที่รับแสงอาทิตย์มากกว่า
และประการสุดท้ายคือ ผิวดาวอังคารสะท้อนแสงได้ประมาณร้อยละ ๑๕ ของดาวศุกร์เท่านั้นเอง เหล่านี้คือเหตุผลที่ทำให้ดาวอังคารสุกใสน้อยกว่าดาวศุกร์
รัศมีดาวอังคารมีความยาว ๓,๓๙๗ กิโลเมตร คิดเป็นร้อยละ ๕๓ ของรัศมีโลก ดาวอังคารมีดวงจันทร์เป็นบริวาร ๒ ดวง ชื่อ Phobos กับ Deimos ซึ่งเป็นชื่อของม้าลากรถศึกของ Mars เทพเจ้าแห่งสงครามประจำดาวอังคาร ดวงจันทร์ Phobos นั้นโคจรใกล้ดาวอังคารมาก คือห่างเพียง ๙,๓๘๐ กิโลเมตร เท่านั้นเอง การสำรวจที่ได้กระทำมาในระยะเวลา ๒๐ ปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าดาวอังคารมีความหนาแน่นสูงกว่าดวงจันทร์ของเราเล็กน้อย คือ ๓,๙๐๐ กิโลกรัม/ลูกบาศก์เมตร การหมุนรอบตัวเองทุก ๒๔.๘ ชั่วโมง ทำให้วันหนึ่งๆ บนดาวอังคารนานพอๆ กับวันหนึ่งบนโลกเรา เพราะแกนหมุนของมันเอียงทำมุม ๒๔.๐ องศา กับแนวดิ่ง (ในขณะที่แกนหมุนของโลกเอียงทำมุม ๒๓.๕
|
|
|
|
![]() |
|
|
แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ยังคงเกาะติดสถานการณ์นี้ต่อไป โดย NASA ได้ส่งยาน Mars Polar Lander และ Mars Climate Arbiter ไปสำรวจดาวอังคาร เมื่อ ๕ ปีก่อนนี้ แต่ยานทั้งสองประสบอุบัติเหตุตกจากวงโคจร และขณะนี้ NASA กำลังมียาน Mars Odyssey โคจรอยู่เหนือดาวอังคาร เพื่อถ่ายภาพผิวดาว ยาน Odyssey ที่หนักครึ่งตัน มูลค่า ๑๘,๐๐๐ ล้านบาท ได้ทะยานจากโลก เมื่อวันที่ ๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๓ การเดินทางที่นาน ๖ เดือน และไกล ๔๖๐ ล้านกิโลเมตร ได้นำยานถึงจุดหมายปลายทาง เมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ NASA ได้กำหนดให้ยานวิเคราะห์หาองค์ประกอบทางเคมีและธรณีวิทยาของหินและดินบนดาว ภายในเวลา ๒.๕ ปี โดยให้ยานโคจรเหนือดาวอังคารที่ระดับสูง ๔๐๐ กิโลเมตร
ยานมีอุปกรณ์ gamma-ray spectrophotometer (GRS) ที่สามารถรับรังสีแกมมาจากหินบนดาวได้ ซึ่งข้อมูลที่ได้รับจะทำให้นักวิทยาศาสตร์รู้ปริมาณและชนิดของธาตุที่แผ่รังสีแกมมา
นอกจากนี้ ยานยังมีอุปกรณ์ neutron spectrophotometer เพื่อตรวจหาไฮโดรเจนบนดาวอังคารด้วย และ NASA ก็คาดหวังว่า ถ้าอุปกรณ์นี้ตรวจพบว่าดินบนดาวอังคารมีไฮโดรเจนมากผิดปรกติ นั่นก็หมายความว่า ลึกลงไปใต้ดินอาจมีน้ำก็ได้ เพราะไฮโดรเจนเป็นส่วนประกอบหนึ่งของน้ำ
ส่วนอุปกรณ์ Thermal Emission Imaging -System นั้นเป็นกล้องถ่ายภาพที่มีประสิทธิภาพในการรับแสงอินฟราเรด เพราะ NASA คิดว่า ถ้าน้ำพุใต้ดาวมีจริง น้ำพุร้อนจะแผ่รังสีอินฟราเรดมาก และถ้าน้ำพุร้อนมีจริงจุลินทรีย์ก็สามารถอาศัยอยู่ได้ และอุปกรณ์สำคัญชิ้นสุดท้ายที่ยานมีคือ Martian Radiation Environment Experiment ที่ทำหน้าที่วัดความเข้มของรังสีชนิดต่างๆ เพื่อเลือกหาสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดในการส่งมนุษย์อวกาศไปลงสำรวจดาวดวงนี้ในอนาคต
|
|
|
|
![]() |
|
|
และขณะนี้ยาน Mars Odyssey ก็กำลังเริ่มรับข้อมูลจากดาวอังคารแล้ว ส่วนโครงการอื่นๆ ที่เกี่ยวกับดาวอังคารก็มีดังต่อไปนี้ ในปี ๒๕๔๖ NASA มีกำหนดจะส่งยานอวกาศอีก ๒ ลำไปสำรวจดาวอังคาร และอีก ๒ ปีต่อมา ยาน Mars Reconnaissance Orbiter ที่มีกล้องถ่ายภาพประสิทธิภาพสูงมาก คือสามารถบันทึกภาพของวัตถุที่มีขนาดเล็กเท่าลูกฟุตบอลได้ ก็จะถูกส่งไปโคจรรอบดาวอังคาร และใน พ.ศ. ๒๕๕๐ NASA จะส่งหุ่นยนต์ไปลงบนดาวอังคาร เพื่อวัดและสำรวจสภาพอากาศ รวมทั้งความชื้นใน พ.ศ. ๒๕๕๘ NASA ได้กำหนดจะส่งยานไปขุดดินบนดาวอังคารเพื่อนำกลับมาวิเคราะห์บนโลกในอีก ๒ ปีต่อมา
ดังนั้น เราจึงเห็นได้ว่า ในทศวรรษหน้านี้การสำรวจดาวอังคารจะตอบคำถามที่ว่า ดาวอังคารมีสิ่งมีชีวิตหรือไม่ แต่ในการที่จะตอบคำถามนี้ได้โดยปราศจากข้อกังขาใดๆ นักวิทยาศาสตร์ทุกคนต้องมั่นใจ ๑๐๐% เต็มว่า ยานและอุปกรณ์วิทยาศาสตร์เหล่านั้น มิได้นำจุลินทรีย์ใดๆ จากโลกไปปลดปล่อยบนดาวอังคาร และนั่นก็หมายความว่า ยานต้องผ่านการฆ่าเชื้ออย่างดี แต่การอบแห้งที่อุณหภูมิ ๑๐๐ องศาเซลเซียส นาน ๓๐ ชั่วโมง จะทำลายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์บนยาน ดังนั้น นักวิทยาศาสตร์ต้องออกแบบกระบวนการทำความสะอาดยานอวกาศให้บริสุทธิ์หมดจดจริงๆ เพราะเทคนิคการทำความสะอาดนี้เป็นความลับที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ จึงไม่ได้รับการเปิดเผยหมด ข้อมูลเท่าที่ปรากฏคือ ใช้ hydrogen peroxide ทำความสะอาดเช่นเดียวกับที่ศัลยแพทย์ทำความสะอาดเครื่องมือ โดยให้ H2O2 ชำระล้างทุกชิ้นส่วนในสุญญากาศ
และเมื่อไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ระเหย เขาก็จะผ่านกระแสไฟฟ้าแรงสูงเข้าไป ทำให้โมเลกุลแตกตัวเป็นพลาสมา (plasma) ซึ่งจะพุ่งเข้าทำลายอินทรีย์โมเลกุลทุกตัวที่อาจหลงเหลืออยู่บนผิวของยานอวกาศ โดยจะไม่ทำลายชิ้นส่วนของยานอวกาศแต่อย่างใด
นอกจากวิธีดังกล่าวนี้แล้ว NASA ยังทดลองใช้เทคนิคอื่นๆ อีก เพื่อให้มั่นใจ ๑๐๐% ว่า เวลายานอวกาศรายงานการพบจุลินทรีย์บนดาวอังคาร มันคงไม่ใช่จุลินทรีย์ที่เคยอยู่แถวรัฐ Florida ของสหรัฐอเมริกา.
ผู้เขียน : ศ. ดร.สุทัศน์ ยกส้าน ภาคีสมาชิก ประเภทวิทยาศาสตร์กายภาพ สาขาวิชาฟิสิกส์ สำนักวิทยาศาสตร์
ต้องขอขอบคุณอาจารย์ศ.ดร.สุทัศน์ มาในโอกาสอันดีนี้ครับที่มาให้ความรู้แก่น้องๆทั้งหมด 4160 คนครับได้รับความรู้ร่วมกันทั้งหมดครับ)
|
|
|
|
![]() |
|
|
ตอนนี้จะเสนอวิชาดาราศาสตร์แก่น้องๆหนูๆที่น่ารักทุกคนเรียบร้อยแล้วครับ
เดี๋ยวต่อไปเราจะเสนอวิชาอะไรดีมีใครสนใจวิชาใดยกมือขึ้นครับเดี๋ยวคุณครูจะจัดให้จ้ามีหนูคนนึงยกมือแต่ไกลบอกจะดูภาพแปลกๆเดี๋ยวจะจัดให้เลยนะมาไปดูกันเลยทั้ง 4260 คนแล้วจ้า...
|
|
|
|
![]() |
|
|
ปลา 2 หัวดูก่อนว่าใช่รึไม่น้องๆหนูๆดูกันให้ดีครับ...
|
|
|
|
![]() |
|
|
รู้สึกจะเป็นปลาฉลามมี 2 หัว น้องๆหนูๆเป็นคนส่งเข้ามาร่วมกันครับ น่ารักจริงๆตอนนี้คนเข้ามาดู 700 กว่าคนแล้ว ยอดขึ้นมาที่ 4368 คนแล้วครับ นี่แค่เสนอปลา 2 หัวนะจ๊ะหนูๆ
|
|
|
|
![]() |
|
|
เรามาดูวิชาดาราศาสตร์ ตอนที่ 2
องค์การนาซาส่งยานอวกาศมาเวน (Maven) ไปดาวอังคาร
19 พฤศจิกายน 2556
องค์การนาซาได้ส่งยานอวกาศ มาเวน (Maven : The Mars Atmosphere and Volatile EvolutioN) เมื่อวันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2556 เวลา 13:28 น. ตามเวลาท้องถิ่น ณ แหลมคานาเวอรอล ฐานทัพอากาศสหรัฐอเมริกา รัฐฟลอริดา เพื่อไปโคจรรอบดาวอังคาร ยานอวกาศมาเวนได้มุ่งหน้าสู่ดาวอังคารซึ่งห่างจากโลกประมาณ 22,526 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทาง 10 เดือน และจะเข้าสู่วงโคจรของดาวอังคารในเดือนกันยายน 2557
ยานอวกาศมาเวน (Maven) มีกำหนดการที่จะเดินทางไปถึงดาวอังคารในวันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน 2557 เพื่อทำการศึกษาบรรยากาศและการวิวัฒนาการจากการระเหยของบรรยากาศของดาวอังคารในอดีต เนื่องจากผลของการที่ดาวอังคารไม่มีสนามแม่เหล็กป้องกันตัวดาวเคราะห์จากรังสีคอสมิกและลมสุริยะ ยานอวกาศมาเวนจะโคจรรอบดาวอังคารเป็นวงรีที่ระยะทางไกลสุด 6,220 กิโลเมตร และผ่านจุดที่ใกล้ตัวดาวอังคารที่ระยะทาง 150 กิโลเมตร เพื่อที่จะเก็บรวบรวมข้อมูลในเชิงลึกของบรรยากาศ ภารกิจนี้ใช้เวลา 1 ปีของโลก (ครึ่งปีของดาวอังคาร)
ยานอวกาศมาเวนถูกส่งไปดาวอังคารโดยตรงซึ่งจะทำให้ใช้เวลาในการเดินทางน้อยกว่า ยานอวกาศ มังคละยาน (Mangalyann) ขององค์การวิจัยอวกาศอินเดีย (ISRO) ที่ได้ทำการปล่อยยานเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2556 ที่ผ่านมา คาดการว่ายานจะเข้าสู่วงโคจรก่อนยานอวกาศ มังคละยาน เพียงไม่กี่วัน
|
|
|
|
![]() |
|
|
โอ้โฮคนเข้ามาดูกัน 4724 คนแล้ว มีผู้สนใจที่จะเรียนวิชาต่างจึงเข้ามากันมาก นี่ก็เสนอวิชาดาราศาสตร์ไปตอนที่ 2 แล้ว เอาให้จุใจกันไปเลยกับคนที่ชอบวิชานี้ครับ...ตอนนี้พักอีก15 นาทีเดี๋ยวมาคุยกันใหม่นะหนูๆทุกคนครับ
|
|
|
|
![]() |
|
|
ต่อไปเราจะมาศึกษาวิชาพุทธศาสตร์ เพื่อกล่อมเกลาจิตใจของน้องๆทุกๆคน พอศึกษาวิชานี้แล้วจะนำรูปแปลกๆมาให้ดูอีกนะจ๊ะหนูๆทุกคน ตอนนี้มีผู้สมัครเข้ามา 1200 คนแล้วครับรวดเร็วจังเลยครับ..
|
|
|
|
![]() |
|
![]() |
|
|
วิธีแก้ปัญหาตามแนวพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาเน้นการแก้ปัญหาด้วยการกระทำของมนุษย์ตามหลักของเหตุผล ไม่หวังการอ้อนวอนจากปัจจัยภายนอก เช่น เทพเจ้า รุกขเทวดา ภูตผีปีศาจ เป็นต้น จะเห็นได้จากตัวอย่างคำสอนในคาถาธรรมบท แปลความว่า มนุษย์ทั้งหลายถูกภัยคุกคามแล้ว พากันถึงเจ้าป่าเจ้าเขา เจ้าภูผา ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่พึ่งแต่สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่สรณะอันเกษม เมื่อยึดเอาสิ่งเหล่านั้นเป็นสรณะ (ที่พึ่ง) ย่อมไม่สามารถหลุดพันจากความทุกข์ทั้งปวง…แต่ชนเหล่าใดมาถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะ รู้เข้าใจอริยสัจ 4 เห็นปัญหา เหตุเกิดของปัญหา ภาวะไร้ปัญหา และวิธีปฏิบัติให้ถึงความสิ้นปัญหาจึงจะสามารถหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้" ดังนั้นมนุษย์ต้องแก้ปัญหาด้วยวิธีการของมนุษย์ที่เพียรทำการด้วยปัญญาที่รู้เหตุปัจจัย หลักการแก้ปัญหาด้วยปัญญาของมนุษย์คือ
1. ทุกข์ คือ การเกิดปัญหา หรือรู้ปัญหาที่เกิดขึ้น หรือรู้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นคืออะไร 2. สมุทัย คือ การสืบหาสาเหตุของปัญหา 3. นิโรธ คือ กำหนดแนวทางหรือวิธีการแก้ไขปัญหาที่เกิดจากสาเหตุต่าง ๆ เหล่านั้น 4. มรรค คือ ปฏิบัติตามวิธีการให้ถึงการแก้ไขปัญหา หรือวิธีการดับปัญหาได้
หลักการแก้ปัญหาตามหลักอริยสัจ 4 นี้ มีคุณค่าเด่นที่สำคัญพอสรุปได้ดังนี้
|
|
|
|
![]() |
|
|
1. เป็นวิธีการแห่งปัญญา ซึ่งดำเนินการแก้ไขปัญหาตามระบบแห่งเหตุผล เป็นระบบวิธีแบบอย่าง ซึ่งวิธีการแก้ปัญหาใด ๆ ก็ตาม ที่จะมีคุณค่าและสมเหตุผล จะต้องดำเนินไปในแนวเดียวกันเช่นนี้ 2. เป็นการแก้ปัญหาและจัดการกับชีวิตของตน ด้วยปัญญาของมนุษย์เอง โดยนำเอาหลักความจริงที่มีอยู่ตามธรรมชาติมาใช้ประโยชน์ ไม่ต้องอ้างอำนาจดลบันดาลของตัวการพิเศษเหนือธรรมชาติ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใด ๆ 3. เป็นความจริงที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของคนทุกคน ไม่ว่ามนุษย์จะเตลิดออกไปเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับสิ่งที่อยู่ห่างไกลตัวกว้างขวางมากมายเพียงใดก็ตาม แต่ถ้าเขายังจะต้องมีชีวิตของตนเองที่มีคุณค่าและสัมพันธ์กับสิ่งภายนอกเหล่านั้นอย่างมีผลดีแล้ว เขาจะต้อง เกี่ยวข้องและใช้ประโยชน์จากหลักความจริงนี้ตลอดไป 4. เป็นหลักความจริงกลาง ๆ ที่ติดเนื่องอยู่กับชีวิต หรือเป็นเรื่องของชีวิตเองแท้ ๆ ไม่ว่ามนุษย์จะสร้างสรรค์ศิลปวิทยาการ หรือดำเนินกิจการใด ๆ ขึ้นมา เพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาความเป็นอยู่ของตน และไม่ว่าศิลป-วิทยาการ หรือกิจการต่าง ๆ นั้น จะเจริญขึ้น เสื่อมลง สูญสลายไป หรือเกิดมีใหม่มาแทนอย่างไรก็ตาม หลักความจริงนี้ก็จะคงยืนยงใหม่ และใช้เป็นประโยชน์ได้ตลอดทุกเวลา
|
|
|
|
![]() |
|
|
พุทธประวัติ
การบริหารและการธำรงรักษา พระพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าในฐานะเป็นมนุษย์ ์ผู้ฝึกตนได้อย่างสูงสุด
|
|
|
|
![]() |
|
|
พุทธประวัติ วิชาพระพุทธศาสนา
ความสำคัญของพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชน สถาบันหลักที่สำคัญของสังคมไทยมี 3 สถาบัน ได้แก่ สถาบันชาติ สถาบันศาสนาและสถาบันพระมหากษัตริย์ เราถือว่าสถาบันชาติและสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ ส่วนสถาบันศาสนาซึ่งหมายถึง พระพุทธศาสนา ถือว่าเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยที่เป็นพุทธศาสนิกชน พุทธศาสนิกชน หมายถึง ผู้ที่นับถือพระพุทธศาสนามีความเลื่อมใสศรัทธาในพระรัตนตรัย อันได้แก่ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บางทีเราเรียกว่าพุทธศาสนิกชนว่า ชาวพุทธ ก็ได้ ปัจจุบันประเทศไทยมีประชากรทั้งประเทศประมาณ 65 ล้านคน มีผู้นับถือพระพุทธศาสนาประมาณ 62 ล้านคน มีประชากรเพียงประมาณ 3 ล้านคนเท่านั้นที่นับถือศาสนาอื่น ดังนั้น เราจึงกล่าวได้ว่าสังคมไทยเป็นสังคมที่ประชาชนส่วนใหญ่เป็นพุทธศาสนิกชนหรือชาวพุทธ
1. ข้อใดไม่ใช่ส่วนประกอบของพระรัตนตรัย ก. พระพุทธ ข. พระธรรม ค. พระศาสนา ง. พระสงฆ์
|
|
|
|
![]() |
|
|
พุทธประวัติ หมายถึง ประวัติของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นศาสดาของพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้ามีพระนามเดิมว่า เจ้าชายสิทธัตถะ เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าสุทโธทนะ กษัตริย์ศากยวงศ์ ผู้ปกครองเมืองกบิลพัสดุ์ และพระนางสิริมหามายาเจ้าหญิงจากโกลิยวงศ์ แห่งเมืองเทวทหะ ประสูติในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ก่อนพุทธศักราช 80 ปี ณ สวนลุมพินีวัน อยู่ระหว่างเมืองกบิลพัสดุ์กับเมืองเทวทหะ ปัจจุบันอยู่ที่ตำบลรุมมินเด ประเทศเนปาล เมื่อพระกุมารประสูติได้ 3 วัน อสิตดาบส ได้ขอเข้าเฝ้าชมพระบารมี ครั้งเห็นพระกุมาร จึงทำนายว่า พระกุมารนี้ถ้าอยู่ครองราชสมบัติจะได้เป็นพระจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ ถ้าเสด็จออกบวชจะได้เป็นศาสดาเอกของโลกเมื่อพระกุมารประสูติได้ 5 วัน พระเจ้าสุทโธทนะโปรดให้มีพิธีขนาน พระนามและทำนายลักษณะของพระกุมาร พระกุมารได้พระนามว่า สิทธัตถะ แปลว่า ผู้มีความสำเร็จสมปรารถนา จากนั้นพราหมณ์ได้ทำนายพระลักษณะของพระกุมาร พราหมณ์ส่วนใหญ่ทำนายเหมือนที่อสิตดาบสได้ทำนายไว้ มีเพียงพราหมณ์หนุ่มคนหนึ่งชื่อ โกณฑัญญะ ทำนายว่า พระกุมารจะเสด็จออกบวช และได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าอย่างแน่นอน 2. ใครเป็นคนทำนายว่าเจ้าชายสิทธัตถะจะเสด็จออกบวชและตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ก. พราหมณ์ ข. พระอัสสชิ ค.โกณฑัญญะ ง. พระเจ้าสุทโธทนะ
|
|
|
|
![]() |
|
|
พุทธประวัติ 2
เมื่อพระกุมารประสูติได้ 7 วัน พระมารดาก็สวรรคต พระเจ้าสุทโธทนะจึงโปรดให้ พระนางปชาบดีโคตมีซึ่งเป็นพระขนิษฐา (น้องสาว) ของพระนางสิริมหามายาทรงเลี้ยงดูพระกุมารพระเจ้าสุทโธทนะต้องการให้พระราชโอรสครองราชสมบัติต่อจากพระองค์ ไม่ต้องการให้เสด็จออกบวช ครั้งเมื่อเจ้าชายสิทธัตถะเจริญวัยอันสมควรที่จะได้รับการศึกษาเล่าเรียน พระองค์จึงทรงให้เข้าศึกษาวิชาความรู้ในสำนักครูวิศวามิตร เจ้าชายสิทธัตถะทรงขยันหมั่นเพียร มีสติปัญญา เฉลียวฉลาด สามารถศึกษาวิชาความรู้ต่าง ๆ จนจบในเวลาอันรวดเร็ว ครั้งเจ้าชายสิทธัตถะมีพระชนมายุ 16 พรรษา พระเจ้าสุทโธทนะทรงโปรดให้สร้างปราสาท 3 หลัง ให้เป็นที่ประทับอย่างสุขสบายทั้ง 3 ฤดู และทรงขอเจ้าหญิงยโสธราหรือพิมพามาอภิเษกเป็นพระชายาของเจ้าชายสิทธัตถะด้วยมีพระประสงค์จะโน้มน้าวใจให้เจ้าชายสิทธัตถะอยู่ครองราชสมบัติ
3. พระเจ้าสุทโธทนะใช้วิธีใดในการโน้มน้าวไม่ให้เจ้าชายสิทธัตถะออกบวช ก. ให้ไปอยู่หัวเมือง ข. ให้อภิเษกกับเจ้าหญิงยโสธรา ค. ให้ไปศึกษาหาความรู้ตามที่ชอบ ง. กักขังให้อยู่แต่ปราสาท ไม่ให้ออกไปไหน
|
|
|
|
![]() |
|
|
พุทธประวัติ 3
เจ้าชายสิทธัตถะทรงประทับอยู่ในปราสาททั้ง 3 หลังอย่างสุขสบาย วันหนึ่งได้เสด็จประพาสพระนคร ทรงพบเห็นคนแก่ คนเจ็บ คนตายและนักบวช ทั้ง 4 นี้ รวมเรียกว่า เทวทูต เจ้าชายสิทธัตถะทรงสลดพระทัยที่ทรงเห็นคนแก่ คนเจ็บ และคนตาย ทรงพอพระทัยที่เห็นนักบวช พระองค์ทรงนำสิ่งที่พบเห็นมาพิจารณาไตร่ตรอง ทรงพบว่า ชีวิตนี้มีแต่ความทุกข์ ทำอย่างไรจึง จะพ้นทุกข์ ทรงคิดว่าชีวิตการครองเรือนของพระองค์แม้จะเป็นกษัตริย์ที่มีความสมบูรณ์พร้อมทุกอย่าง แต่ก็ยังคับแคบจำกัด ไม่มีทางแก้ไขให้ตนเองและผู้อื่นได้พ้นจากความทุกข์ได้ มีทางเดียวเท่านั้นที่จะคิดค้นหาทางพ้นทุกข์ได้ คือ การออกบวชเจ้าชายสิทธัตถะทรงครุ่นคิดเรื่องการเสด็จออกบวชอยู่ตลอดเวลา จนกระทั้งพระชนมายุ 29 พรรษา พระนางยโสธราประสูติพระโอรสพระนามว่า ราหุล แม้ว่าจะทรงห่วงใยพระโอรส แต่ด้วยมีพระประสงค์ที่จะหาทางช่วยเหลือชาวโลกให้พ้นทุกข์ หากอยู่อย่างนี้ต่อไปคงไม่มีทางพ้นทุกข์ได้ ดังนั้นในกลางดึกคืนนั้นพระองค์จึงตัดสินพระทัยเสด็จออกบวช โดยทรงม้าพระที่นั่งชื่อ กัณฐกะ และมีนายฉันนะ มหาดเล็กคนสนิทตามเสด็จ
4. ม้าพระที่นั่งที่เจ้าชายสิทธัตถะทรงม้าออกผนวชมีชื่อว่าอะไร ก. ฉันนะ ข. กัณฐกะ ค. ราหุล ง. เทวฑูต
|
|
|
|
![]() |
|
|
พุทธประวัติ 4
เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะเสด็จถึงริมฝั่งแม่น้ำอโนมา ซึ่งเป็นแม่น้ำแบ่งเขตแดนระหว่างแคว้นสักกะ แคว้นโกศล และแคว้นวัชชี ทรงปลงผม โกนหนวดทิ้ง ทรงครองเพศเป็นนักบวช แล้วส่งนายฉันนะและม้ากัณฐกะกลับกรุงกบิลพัสดุ์ จากนั้นพระองค์เสด็จไปยังแคว้นมคธ พระเจ้าพิมพิสาร กษัตริย์ผู้ครองเมืองราชคฤห์ เมืองหลวงของแคว้นมคธ ทราบข่าวการเสด็จมาของเจ้าชายสิทธัตถะ จึงเสด็จออกไปต้อนรับและทรงเชิญให้ครองเมืองด้วยกัน แต่พระสิทธัตถะทรงปฏิเสธ จากนั้นได้เสด็จไปยังสำนักอาฬารดาบส และสำนักอุททกดาบส ทรงศึกษาและค้นคว้าอยู่ที่สำนักทั้ง 2 นี้ จนได้สำเร็จฌานสูง แต่ทรงเห็นว่ายังไม่ใช่หนทางที่จะพ้นทุกข์ เพราะทรงรู้ว่าจิตใจของพระองค์ยังมีรัก โลภ โกรธ หลง จึงอำลาอาจารย์ทั้งสองไปบำเพ็ญเพียรด้วยตนเอง โดยเสด็จมุ่งหน้าสู่ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม ซึ่งปัจจุบันอยู่ในตำบลพุทธคยา ประเทศอินเดีย
5. เจ้าชายสิทธัตถะทรงปลงครองเพศเป็นนักบวช ณ ที่ใด ก. แคว้นมคธ ข. ใต้ต้นไทร ค. แคว้นโกศล ง. ริมฝั่งแม่น้ำอโนมา
|
|
|
|
![]() |
|
|
ตรัสรู้ 1
เมื่อเสด็จถึงตำบลอุรุเวลาเสนานิคม พระสิทธัตถะได้ทรงบำเพ็ญ ทุกรกิริยา คือ การทรมานกายให้ลำบากด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น กัดฟัน กลั้นลมหายใจ อดอาหาร เป็นต้น ทรงทรมานพระวรกายจนร่างกายผ่ายผอม โดยมีปัญจวัคคีย์ ซึ่งประกอบด้วยพราหมณ์ 5 คน ได้แก่ โกณฑัญญะ วัปปะ ภัททิยะ มหานามะ และอัสสชิ คอยปรนนิบัติดูแลอย่างใกล้ชิด ต่อมาพระสิทธัตถะทรงเห็นว่า การทรมานกายให้ลำบากด้วยวิธีเหล่านี้ไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ จึงเลิก หันไปบำรุงพระวรกายให้มีกำลัง ฝ่ายปัญจวัคคีย์เห็นพระสิทธัตถะเลิกทรมานพระวรกาย ก็คิดว่าพระองค์คงไม่สามารถตรัสรู้ได้จึงแยกไปอยู่ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสี
พระสิทธัตถะทรงเริ่มบำเพ็ญเพียรทางจิตตามหลักการของฌานหรือสมาธิที่ทรงเคยปฏิบัติมาก่อนจากสำนักของอาฬารดาบสและอุททกดาบส โดยทรงยึดทางสายกลางที่เรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา
6. ทำไมปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 จึงเดินทางกลับป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ก. เพราะเบื่อการเป็นพราหมณ์แล้ว ข. เพราะไม่อยากเป็นพระอรหันต์แล้ว ค. เพราะคิดว่าพระสิทธัตถะคงไม่สามารถตรัสรู้ได้ ง. เพราะที่นั้นเงียบสงบเหมาะกับการบำเพ็ญทุกรกิริยา
|
|
|
|
![]() |
|
|
ตรัสรู้ 2
ครั้งถึงเช้าของวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ขณะที่พระสิทธัตถะประทับอยู่ที่ใต้ต้นไทรหรือ ต้นนิโครธ ริมแม่น้ำเนรัญชรา นางสุชาดาลูกสาวของหัวหน้าหมู่บ้านในตำบลอุรุเวลาเสนานิคม นำข้าวมธุปายาสมาถวาย ด้วยเข้าใจว่าเป็นเทวดา เมื่อฉันข้าวมธุปายาสแล้ว ทรงนำถาดไปลอยที่แม่น้ำแล้วทรงพักผ่อนที่ดงไม้สาละ ตอนเย็นเสด็จไปยังต้นมหาโพธิ์ ทรงรับหญ้าคา 8 กำ จากโสตถิยพราหมณ์นำมาปูลาดเป็นอาสนะ ณ ใต้ต้นมหาโพธิ์ ประทับนั่งหันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก แล้วทรงตั้งพระทัยว่า ถ้าไม่ตรัสรู้ทาง พ้นทุกข์จะไม่ลุกไปไหน พระสิทธัตถะทรงบำเพ็ญเพียรทางจิตทำให้จิตเป็นสมาธิ ในที่สุดเมื่อใกล้รุ่งของวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ก่อนพุทธศักราช 45 ปี ก็ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า โดยทรงรู้แจ้งธรรม 4 ประการ เรียกว่า อริยสัจ 4 คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธและมรรค รวมเวลาตั้งแต่เสด็จออกบวชจนถึงตรัสรู้ เป็นเวลา
6 ปี ขณะนั้นพระองค์มีพระชนมายุ 35 พรรษา
7. พระสิทธัตถะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า โดยทรงรู้เห็นธรรมใด ก. อริยสัจ 4 ข. การดับทุกข์ ค. ทางสายกลาง ง. พรหมวิหาร 4
|
|
|
|
![]() |
|
|
การประกาศพระธรรม 1
เมื่อตรัสรู้แล้วพระพุทธเจ้าทรงเผยแผ่พระธรรมที่ทรงตรัสรู้ พระองค์ทรงระลึกถึง อาฬารดาบสและอุททกดาบส ทรงทราบว่าสิ้นชีวิตแล้ว จึงระลึกถึงปัญจวัคคีย์ก็ทรงทราบว่า ขณะนี้อยู่ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน จึงได้เสด็จไปแสดงธรรมชื่อ ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร แก่ปัญจวัคคีย์ ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 การแสดงธรรมครั้งนี้เรียกว่า ปฐมเทศนา โกณฑัญญะเกิดดวงตาเห็นธรรมขอบวชเป็นพระภิกษุรูปแรกในพระพุทธศาสนา ส่วนวัปปะ ภัททิยะ มหานามะ และอัสสชิ ได้ฟังธรรมแล้วก็เลื่อมใสจึงขอบวช จากนั้น ได้แสดงธรรมแก่พระภิกษุทั้ง 5 จนได้สำเร็จพระอรหันต์ทั้งหมด ขณะนั้นจึงมีพระอรหันต์เกิดขึ้นในโลก 6 องค์ รวมทั้งพระพุทธเจ้า และเกิดพระรัตนตรัยทั้ง 3 คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
8. ธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ปัญจวัคคีย์ คือธรรมในข้อใด ก. อริยสัจ 4 ข. พรหมวิหาร 4 ค. หนทางสู่การดับทุกข์ ง. ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร
|
|
|
|
![]() |
|
|
การประกาศพระธรรม 2
พระพุทธเจ้าทรงจำพรรษาที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวันพร้อมกับปัญจวัคคีย์ในระหว่างพรรษา มีชาวเมืองพาราณสีได้ฟังธรรมจนสำเร็จอรหันต์ และได้ขอบวชเป็นพระสงฆ์สาวกอีก 55 องค์ จึงมีพระอรหันต์ทั้งหมดรวมทั้งพระพุทธเจ้าด้วย 61 องค์ ในจำนวนพระอรหันต์ 55 องค์หลังนี้ มีหัวหน้าชื่อ พระยสะ กุลบุตร ต่อมาบิดามารดาและอดีตภรรยาของพระยสะ กุลบุตร ได้มาฟังธรรมและเลื่อมใสประกาศตนเป็นอุบาสกและอุบาสิกา จึงนับเป็นอุบาสกและอุบาสิกาคนแรกของพระพุทธศาสนา 9. อุบาสกและอุบาสิกาคนแรกของพระพุทธศาสนาคือใคร ก. ภรรยาของโกณฑัญญะ ข. บิดามารดาของโกณฑัญญะ ค. น้องของพระยสะ กุลบุตร ง. บิดามารดาของพระยสะ กุลบุตร
|
|
|
|
![]() |
|
|
การประกาศพระธรรม 3
พระพุทธเจ้าทรงเห็นว่ามีสาวกจำนวนมากพอที่จะส่งไปเผยแผ่พระศาสนาได้แล้ว จึงทรงมอบหลักการในการไปประกาศเผยแผ่พระศาสนาแก่พระสาวกทั้งหมดว่า ขอให้แยกย้ายกันไปประกาศพระศาสนาเพื่อยังประโยชน์และความสุขแก่ชาวโลก เพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลชาวโลก โดยแยกย้ายกันไปแห่งละ 1 องค์ อย่ารวมกันไป ภิกษุทั้งหลาย แม้เราก็จะไปยังอุรุเวลาเสนานิคม จากนั้นสาวกทุกองค์ต่างแยกย้ายกันไปประกาศพระศาสนาตามเมืองและแคว้นต่าง ๆ ส่วนพระพุทธเจ้าได้เสด็จไปยังตำบลอุรุเวลาเสนานิคม ระหว่างทางได้พบชายหนุ่ม 30 คน เรียกว่า กลุ่มภัททวัคคีย์ ทรงแสดงธรรมให้ฟัง ทั้งหมดได้สำเร็จพระอรหันต์กราบทูลขอบวชเป็นพระภิกษุ 10. พระพุทธเจ้าทรงเดินทางไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่ใด ก. แคว้นวัชชี ข. เมืองไพศาลี ค. แคว้นพาราณสี ง. ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม
|
|
|
|
![]() |
|
|
โปรดชฎิล
ณ ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา มีสำนักของชฎิล 3 พี่น้อง ซึ่งเป็นนักบวชที่บูชาไฟ พี่ชายใหญ่ชื่อ อุรุเวลกัสสปะ คนกลางชื่อ นทีกัสสปะ และคนน้องชื่อ คยากัสสปะ มีบริวารทั้งสิ้น 1,000 คน เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จถึงตำบลอุรุเวลาเสนานิคม ก็ได้เสด็จไปยังสำนักของชฎิล 3 พี่น้อง ด้วยทรงเห็นว่าชฎิล 3 พี่น้องเป็นที่เคารพนับถือของพระเจ้าพิมพิสารและชาวเมืองราชคฤห์ ถ้าทำให้ชฎิลนับถือคำสั่งสอนของพระองค์ได้ การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในแคว้นมคธจะง่ายขึ้น พระพุทธเจ้าประทับอยู่ในสำนักชฎิล 3 พี่น้องเป็นเวลาประมาณ 2 เดือน ได้ทรงแสดงธรรมแก่ชฎิล 3 พี่น้องและบริวาร จนทั้งหมดได้หันมานับถือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า และกราบทูลขอบวชเป็นพระสาวก พระพุทธเจ้าได้แสดงธรรมอบรมจนทั้งหมดได้สำเร็จพระอรหันต์ 11. พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมแก่ใครที่ริมแม่น้ำเนรัญชรา ก. ชฎิล 3 พี่น้อง ข. พระเจ้าพิมพิสาร ค. พราหมณ์ 3 พี่น้อง ง. ชาวเมืองราชคฤห์
|
|
|
|
![]() |
|
|
โปรดพระเจ้าพิมพิสาร
พระพุทธเจ้าพร้อมด้วยชฎิล 3 พี่น้อง เสด็จเข้าเมืองราชคฤห์ ทรงพักอยู่ที่ลัฏฐิวันหรือ สวนตาลหนุ่ม พระเจ้าพิมพิสารทรงทราบข่าว จึงได้พาข้าราชบริพารไปเข้าเฝ้า พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมให้ฟัง พระเจ้าพิมพิสารพร้อมด้วยข้าราชบริพาร และประชาชนที่เข้าเฝ้าเกิดความเลื่อมใสศรัทธาประกาศตนขอนับถือพระพุทธศาสนา พระเจ้าพิมพิสารได้สำเร็จมรรคผลเป็นโสดาบัน พระเจ้าพิมพิสารได้กราบทูลอาราธนาพระพุทธเจ้าให้เสด็จไปฉันอาหารในพระราชนิเวศน์ ในวันรุ่งขึ้นพร้อมด้วยพระสงฆ์สาวก หลังจากถวายอาหารเสร็จแล้วพระเจ้าพิมพิสารทรงหลั่งน้ำใส่พระหัตถ์พระพุทธเจ้า ยกอุทยานสวนป่าไผ่ที่เรียกว่า พระเวฬุวัน ถวายเป็นที่ประทับของพระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระสงฆ์สาวก พระเวฬุวันจึงเป็นวัดพระพุทธศาสนาแห่งแรกของโลก
12. วัดพระพุทธศาสนาแห่งแรกของโลก คือวัดใด ก. วัดพระแก้ว ข. วัดพระเวฬุวัน ค. วัดมงคลบพิตร ง. วัดอรุณราชวรมหาวิหาร
|
|
|
|
![]() |
|
|
พระอัครสาวก
ในเมืองราชคฤห์มีชายหนุ่ม 2 คน เป็นเพื่อนรักกันชื่อ อุปติสสะ และ โกลิตะ ได้พาพรรคพวกบริวาร 250 คน ไปบวชอยู่ในสำนักสญชัยปริพาชกเพื่อแสวงหาทางตรัสรู้ แต่เรียนจบความรู้ของสญชัยปริพาชกแล้ว ก็ยังไม่พบทางตรัสรู้ จึงลาออกจากสำนักสญชัยปริพาชก แยกย้ายกันไปแสวงหาหนทางตรัสรู้ด้วยตนเอง แต่ก็สัญญากันว่า ถ้าใครพบทางตรัสรู้ก่อนก็ให้มาบอกด้วย อุปติสสะได้พบพระอัสสชิ หนึ่งในปัญจวัคคีย์ เกิดความเลื่อมใสในอิริยาบถได้เข้าไปขอให้แสดงธรรมให้ฟัง อุปติสสะเกิดความเข้าใจในธรรมบรรลุมรรคผลเป็นโสดาบัน จากนั้นได้ลาพระอัสสชิและกลับไปบอกโกลิตะ โกลิตะได้ฟังธรรมที่อุปติสสะนำมาบอกก็ได้บรรลุมรรคผลเป็นโสดาบันเช่นกัน จึงได้พาพรรคพวกบริวารไปเข้าเฝ้าขอบวชเป็นสาวกของพระพุทธเจ้า ซึ่งขณะนั้นพระพุทธองค์ประทับอยู่ที่พระเวฬุวัน อุปติสสะเมื่อบวชแล้วได้ชื่อใหม่ว่าสารีบุตร ท่านบวชได้ 15 วัน จึงบรรลุเป็นพระอรหันต์ ต่อมาได้รับการยกย่องจากพระพุทธองค์ให้เป็น อัครสาวกฝ่ายขวา ผู้มีความเป็นเลิศด้านปัญญา ส่วนโกลิตะได้ชื่อใหม่ว่า โมคคัลลานะ บวชได้ 7 วัน ก็บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ และได้รับการยกย่องให้เป็น อัครสาวกฝ่ายซ้าย ผู้มีความเป็นเลิศด้านมีฤทธิ์ คือมีความสามารถพิเศษที่ได้จากการทำสมาธิ เช่น เหาะเหินเดินอากาศได้ เป็นต้น
13. ใครได้รับการยกย่องให้เป็นอัครสาวกฝ่ายขวา ก. โกลิตะ ข. พระอัสสชิ ค. พระสารีบุตร ง. พระโมคคัลลานะ
|
|
|
|
![]() |
|
|
แสดงโอวาทปาฏิโมกข์
ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ในปีถัดมา หลังจากตรัสรู้ ขณะที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่ พระเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ พระสงฆ์สาวกของพระพุทธองค์ที่ออกไปเผยแผ่พระธรรมยังที่ต่าง ๆ ได้กลับมาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าอย่างพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมาย จำนวน 1,250 รูป พระพุทธเจ้าทรงเห็นเป็นโอกาสเหมาะ จึงทรงให้จัดประชุมพระสาวกขึ้นในวันนั้น และทรงแสดงธรรมที่เรียกว่า โอวาทปาฏิโมกข์ โอวาทปาฏิโมกข์ เป็นพระธรรมที่ถือว่าเป็นหลักการของพระพุทธศาสนา คือ สอนให้ ละเว้นการทำความชั่ว ให้กระทำแต่ความดี และทำจิตใจให้บริสุทธิ์ผ่องใส
14. พระธรรมที่ถือว่าเป็นหลักการของพระพุทธศาสนา คือข้อใด ก. อริยสัจ 4 ข. อิทธิบาท 4 ค. พรหมวิหาร 4 ง. โอวาทปาฏิโมกข์
|
|
|
|
![]() |
|
|
จาตุรงคสันนิบาต
การประชุมพระสาวกครั้งนี้มีลักษณะเด่นเป็นพิเศษ 4 ประการ คือ 1. เป็นวันเพ็ญพระจันทร์เต็มดวง เดือน 3 2. พระสงฆ์ที่มาประชุมมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย 3. พระสงฆ์ทั้งหมดเป็นพระอรหันต์ 4. พระสงฆ์ทั้งหมดพระพุทธเจ้าเป็นผู้บวชให้ ด้วยเหตุนี้การประชุมครั้งนี้จึงเรียกว่า จาตุรงคสันนิบาต 15. ข้อใดไม่ใช่ ลักษณะของ จาตุรงคสันนิบาต ก. วันเพ็ญพระจันทร์เต็มดวง ข. พระสงฆ์ทั้งหมดเป็นพระอรหันต์ ค. พระสงฆ์นัดหมายกันมาประชุมพร้อมกัน ง. พระสงฆ์ทั้งหมดพระพุทธเจ้าเป็นผู้บวชให้
|
|
|
|
![]() |
|
|
วันนี้หนูๆทุกคนได้เรียนวิชาพุทศาสนาไปอีกวิชานึงเป็นวิชาที่สองแล้ว วันนี้ทุกคนได้รับความรู้อย่างเต็มที่ และขณะนี้มีลูกศิษย์เข้ามาเรียนรู้จากคุณครูใหญ่แล้ว 5000 คนเรียบร้อยรวบเร็วมากเลยหลายชั่วโมงที่ผ่านมามีผู้เข้ามาใหม่อีก 1200 คนเลยทีเดียวท่านคงไม่เหงาอีกต่อไปแล้วมีครูใหญ่ให้ความรู้ท่านอยู่ในเว็บสนุก เปิด"โรงเรียนของหนู"ขึ้นมาเพื่อให้ความรู้แก่ท่านโดยเฉพาะครับตอนนี้ให้พักเที่ยงสัก 30 นาทีเดี๋ยวเข้ามาคุยใหม่ครับ...
|
|
|
|
![]() |
|
|
สวัสดีนักเรียนทุกคนจ้า
ตอนนี้มีลูกศิษย์ทั้งหมดรวม 5300 คนแล้ว วันนี้ได้รับความรู้กันเพียบตั้งใจเรียนรู้นะหนูๆทุกคน คุณครูจะนำวิชาการมาเสนอให้หนูๆทุกคนให้มีความรู้กว้างไกลให้หมดทุกคนเลยครับ...เดี๋ยวจะไปดูของแปลกกันน้องคงตั้งตารอคอยตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้วใช่ไหมจ๊ะ เล่นนั่งรอคุณครูมาคุยกันเลยนะ ไม่ยอมพักผ่อนกันมาไม่เป็นไรเรามาต่อกันเลยนะ...
|
|
|
|
![]() |
|
|
เรามาดูคุณพ่อสอนให้ลูกปราบจระเข้หรือไกรทองจิ๋วนั่นเองครับน้องๆไม่ต้องตกใจกลัวจนตาค้างนะจ๊ะ เห็นมีหลายคนกลัวตุ๊กแกกลัวจิ้งจกกันหลายคนตกใจกันหมดเลย...มีใครอยู่ข้างๆก็กอดเลยหากเป็นคุณพ่อก็ไม่ว่ากันนะจ๊ะ...
|
|
|
|
![]() |
|
|
เรามาดูคุณพ่อสอนให้ลูกปราบจระเข้หรือไกรทองจิ๋วนั่นเองครับน้องๆไม่ต้องตกใจกลัวจนตาค้างนะจ๊ะ เห็นมีหลายคนกลัวตุ๊กแกกลัวจิ้งจกกันหลายคนตกใจกันหมดเลย...มีใครอยู่ข้างๆก็กอดเลยหากเป็นคุณพ่อก็ไม่ว่ากันนะจ๊ะ...
|
|
|
|
![]() |
|
|
สอนวิชาปราบจระเข้เก่งจริงๆ
|
|
|
|
![]() |
|
|
มาดูท่าที่ 2 กัน ห้ามคิดลึกนะให้คิดบวกเพียงอย่างเดียว หากใครดื้อจะจับมาตีก้นสัก 2 ที คุณครูพูดเล่น คุณครูใจดีจ๊ะจะทำลูกศิษย์ได้ลงคอหรือน่ารักอาโนเนะกันทุกคนเลย..
|
|
|
|
![]() |
|
|
ตอนนี้ลูกศิษย์มีถึง 5400 คนแล้วเร็วจังเลย เด๋ยวเรามาดูเด็กไม่น่ารักชอบแอบดูของผู้ใหญ่และไม่ควรเรียนแบบนะหนูๆทุกๆคนมาดูกันนะแค่เป็นตัวอย่างเท่านั้นนะ ลูกศิษย์ครูคงจะเป็นคนนิสัยดีกันทุกๆคนจ้า...
(แบบนี้ไม่ดีไปแอบดูของคนอื่น..)
|
|
|
|
![]() |
|
|
วันนี้ได้สอนไป 3 วิชาแล้วรวมทั้งภาพน่ารักๆมาให้หนูดูกันเป็นพิเศษ"โรงเรียนของหนู"ได้เกิดขึ้นมาตามคำเรียกร้องของน้องๆทุกคนครับ...
|
|
|
|
![]() |
|
|
ดีว่าลูกศิษย์ครูเป็นเด็กอนุบาลยังเป็นเด็กอยู่ ยังไม่น่าเกลียด หากโตเป็นผู้ใหญ่มาแอบดูแบบนี้ก็น่าเกลียดและสัญญาว่าเมื่อเข้ามาโรงเรียนของหนูแล้วจะเป็นเด็กดีกันทุกๆคนจ้า...ตอนนี้ 5470 คนแล้ว วันนี้เข้ามาเป็นลูกศิษย์เพิ่มมาอีก 1500 คน เยอะจัง ห้องละ 50 คน เป็น 110 ห้องเรียนเลยทีเดียว หนูภูมิใจไหมจ๊ะที่มีเพื่อนมาร่วมตั้ง 5500 คนแล้วจ้า....ดีใจกับทุกคนที่สมัครเข้ามาเป็นลูกศิษย์จ้า...
|
|
|
|
![]() |
|
|
ช่วงนี้ให้ทุกคน 5650 คนพักบ่ายหาขนมนมเนยไอสครีมเย็นๆมาทานกันก่อนแล้วนอนพักบ่ายสัก 30 นาทีเดี๋ยวกลับเข้ามาคุยกันใหม่จ้า....
|
|
|
|
![]() |
|
|
น้องหนูน่ารักมามะขอจูบหน้อยจ้าภาพน่ารักๆมาอีกแล้วจ้า...
|
|
|
|
![]() |
|
|
ยังมีดวงดาวที่น่าศึกษาอีกมากมายครับน้องๆต้องค่อยๆศึกษานะกว่าจะเก่งวันนี้ได้ศึกษาถึงการเดินทางไปดาวอังคารคงได้รับความรู้กันไม่มาก็น้อยครับ..
|
|
|
|
![]() |
|
|
|
จะขึ้น 5800 คนแล้วครับที่เข้ามาศึกษาเรียนรู้ครับ..
|
|
|
|
![]() |
|
|
มาดูปลาการตูนกันก่อนดูปลาสวยงามกันครับ
|
|
|
|
![]() |
|
|
มาดูปลาการตูนกันก่อนดูปลาสวยงามกันครับ
|
|
|
|
![]() |
|
|