เมื่อช่วงสายๆ ของวันนี้ เรานั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน จากสถานีลาดพร้าว มุ่งหน้า สู่ สถานนีเพชรบุรี
ปกติสถานนีลาดพร้าวในช่วงสายๆ คนก็จะเต็มมาแล้วบ้าง บางทีก็ยังว่างอยู่ วันนี้เป็นวันที่โบกี้ที่เราขึ้นมา ไม่มีที่นั่งว่าง เราก็ยืนตามปกติเหมือนทุกๆ วัน (บางวันมีที่ก็จะนั่งค่ะ)
และเรื่องมันมีอยู่ว่า เมื่อถึงสถานีรัชดา หรือ สุทธิสารนี่ล่ะค่ะ รปภ.ของรถใต้ดิน ได้เดินจูงคนตาเกือบบอด ต้องเรียกว่าเกือบบอด เพราะยังพอเห็นลางๆ ลางมากก) เดินเข้ามาในโบกี้ที่เรายืนอยู่
ทันใดนั้น เราหันไปบริเวณที่นั่ง ทุกๆที่ มีคนนั่งอยู่เต็มหมดแล้ว ทั้ง หนุ่ม สาว คุณป้า คุณลุง
เราหันไปทำหน้าเลิกลั่ก คิดในใจทำไงดีวะๆๆ ไม่มีใครลุกให้เค้าเลย เค้าก้าวเข้ามาคนเดียว รปภ.ไม่ได้ตามมาด้วย
ผู้หญิงคนนี้ อายุประมาณ 30 กว่าได้ เค้ามองแทบไม่เห็น มืออีกข้างก็ถือไม้เท้าอันไม่ใหญ่มาก ทำได้แต่ยืนเกาะเสากลางโบกี้ ยืนแบบทรงตัวไม่ค่อยอยู่
เราก็มองแล้วมองอีก มองแล้วมองอีก จะเดินไปบอกผู้ชายหลายๆ คนที่นั่งอยู่ ก็ไม่กล้า หันมาสบตากับคนที่ยืนประมาณ 4 คน ที่รู้เหมือนเราว่า ผู้หญิงคนนี้ตามองจะไม่เห็นแล้วนะ ทุกคนได้แต่มองหน้ากันเหมือนรู้กันแล้ว ไม่มีใครกล้าพูดอะไร (อารมณ์เหมือนกลัวไม่กล้าสั่งให้ใครลุก)
และเราก็หันกลับไปมองผู้หญิงตาเกือบบอดคนนั้น เค้ายืนทรงตัวแบบสั่นๆ นิดๆ คิดสภาพว่าตาไม่ดี แล้วทรงตัวลำบาก เราหันไปหันมา
น้ำตาเราเริ่มคลอแล้วล่ะ ทำไงดี? ทำไมนะ ทำไมไม่คนเห็นผู้หญิงคนนี้ ไม่มีใครรู้เหรอว่าเค้าสายตาไม่ดีจนจะยืนทรงตัวไม่อยู่เอามากๆแล้ว นี่ก็เข้าสู่สถานนีถัดไปแล้ว เค้าต้องยืนไปถึงสถานนีไหนกันนะ?...
จนสุดท้ายค่ะ ผู้ชายคนนึง ผู้ชายคนนี้เป็นฮีโร่สำหรับเรามากๆ เลย เค้าเป็น 4-5คน ที่ยืนเหมือนเรา และเห็นผู้หญิงคนนี้ถูก รปภ.จูงมือเข้ามา ผู้ชายคนนี้ เป็นคนที่เดินมาบอกน้องนักศึกษาผู้ชายคนนึง ลักษณะคงจะบอกว่า...
“น้องลุกให้ผู้หญิงคนนี้นั่งหน่อยนะ เค้าสายตาไม่ดี” ทันใดนั้น น้องนักศึกษาชายสองคนที่ได้ยินชายหนุ่มคนนั้นพูด
ลุกผึ่งขึ้นมาทันที ทั้งน้องและเพื่อนของน้อง (หน้าแบบเจื่อนๆ)ไปนิด และสุดท้าย ผู้หญิงคนนั้นก็ได้นั่งซึ่งเค้าใช้เวลายืนทรงตัวอย่างลำบากไม่ต่ำกว่า 5 นาที
วินาทีตรงนั้น เราดีใจมากๆ เราหันมองหน้าเค้า แล้วรู้สึกดีใจกับผู้หญิงคนนั้น และ ปลาบปลื้มกับการกระทำของผู้ชายคนนั้นมากกก (อยากถ่ายรูปมาลง แต่ไม่กล้า) มันทำให้เรารู้สึกว่า...เอ่อ โลกนี้ยังมีคนจริง คนจิตใจดี มากกว่าเรานะ “เราที่ไม่กล้า แม้แต่จะไปบอกคนอื่นๆ ให้ช่วยลุกให้หน่อย” “เราที่คิดอยู่ในใจว่า เรามีสิทธิ์อะไรไปสั่งคนอื่นให้ลุก”
“เราที่ไม่มีความกล้าพอ”
อย่างไรก็ดี สุดท้ายนี้..เราไม่ได้ต้องการอะไรมาก แต่เราสัญญากับตัวเองแน่นอน ว่า หากเราเจอเหตุการณ์แบบนี้อีก เราพร้อมกล้าที่จะลุกเข้าไปบอกคนอื่นๆ ที่ยังมีแรง ยังไหวกว่า ให้ลุกมายืนด้วยกัน เพื่อให้คนที่เค้าไหวน้อยกว่าได้นั่งเถอะนะ
และที่ดีกว่านั้น ไม่อยากให้ในรถไฟฟ้า กลายเป็นสังคมก้มหน้า เป็นสังคมที่ไม่สนใจใยดีคนอื่น เพราะเรื่องนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน
“ถ้าหลายๆ คนในโบกี้ไม่เล่น
โทรศัพท์มือถือ” เพราะหากเค้าไม่เล่นโทรศัพท์
มือถือ เค้าจะได้เงยหน้ามามองรอบข้างแน่นอน และเค้าก็จะเห็นว่า วันนี้มีคนอีกหลายคนที่ต้องการจะ “นั่ง” บนรถไฟฟ้าจริงๆ นะ
หรือไม่อย่างนั้น หากคุณนั่งไปแล้ว คุณช่วยเงยหน้าขึ้นมาบ้างสักนิด ในแต่ละสถานนีที่มีผู้คนขึ้นมาใหม่ หากไม่มีใครที่เค้าต้องการที่นั่ง คุณก็กลับไปเล่นโทรศัพท์หรือทำอะไรในโลกส่วนตัวของคุณได้เหมือนเดิม เสียเวลาเงยหน้ามามองเพียงนิดเดียวจริงๆค่ะ
เราเป็นหนึ่งคนที่เงยหน้าขึ้นทุกสถานนีนะคะ หากมีใครที่เราเห็นว่าเค้าต้องการที่ เราลุกทันที พอได้ยินคำขอบคุณจากเค้า เราปลื้มปริ่มใจมากค่ะ
ปล.
เรามีข้อเรียกร้องเล็กๆน้อยๆ ไปถึง รถไฟฟ้าใต้ดิน และ รถไฟฟ้าบนฟ้านะคะ หากไม่เหนือบ่ากว่าแรง ลองทำเหมือน ไต้หวัน เปลี่ยนสีเก้าอี้ให้มีสีพิเศษ สัก สอง-3ตัวในแต่ละโบกี้ รองรับคนกลุ่มพิเศษเถอะค่ะ มีประโยชน์มากๆ แน่ๆ (อย่างน้อยหากเราจะเดินไปบอกให้คนๆนั้นลุก เราก็ไม่ผิด เพราะเป็นที่พิเศษ)
ปล.สุดท้าย
ผู้หญิงคนนี้ลงสถานนีพระรามเก้า ตอนแรกเราก็กังวลเพราะตอนเค้าเดินออกไป เค้าไปหยุดยืน อยู่สักพักเหมือนต้องการคนนำทาง ผ่านไปไม่เท่าไหร่ มีรปภ.ของรถใต้ดินเดินมารับทันที ซึ่งเราคิดว่าเค้าน่าจะมีการวอ.ถึงกันมาก่อนแล้ว ขอชื่นชม เรื่องการดูแล ลูกค้าของ รถไฟฟ้า MRT มากค่ะ
จากกระทู้คุณ สมาชิกหมายเลข 1088902 เว็บพันทิป
http://pantip.com/topic/32591859