หน้า: 1

ชนิดกระทู้ ผู้เขียน กระทู้: ตรัง เมืองแห่งความสุข เลือกที่กิน ที่เที่ยว ที่พัก ให้ถูกใจก่อนไปตรัง  (อ่าน 3685 ครั้ง)
add
เรทกระทู้
« เมื่อ: 9 ต.ค. 14, 07:55 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
Send E-mail

แบ่งปันกระทู้นี้ให้เพื่อนคุณอ่านไหมคะ?

ปิดปิด
 



ตรัง เมืองแห่งความสุข

สุขจากธรรมชาติที่งดงาม

สุขจากผู้คนที่มีน้ำใจไมตรี

เป็นจังหวัดที่หลายๆคนประทับใจ และอยากกลับไปเยือนอีกครั้ง

ใครที่ยังไม่เคยไปเที่ยวตรัง วันนี้ผมมีคู่มือการเที่ยวจังหวัดตรังมาฝากครับ

q*073q*073q*073q*073q*073q*073q*073q*073q*073q*073


สำหรับการเดินทางมายังจังหวัดตรังนั้นง่ายมากครับ นอกจากขับรถมาเองแล้ว
คุณยังสามารถเดินทางมาได้ทั้งทาง..

รถทัวร์

สามารถขึ้นได้ทั้งที่สถานีขนส่งสายใต้ และหมอชิต

สาย 984 กรุงเทพฯ-ตรัง และกรุงเทพฯ-ตรัง-สตูล

รถไฟ

กรุงเทพฯ–ตรัง มีทั้งนั่ง นอน แอร์ พัดลม

เครื่องบิน

มี 2 สายการบินให้บริการคือ แอร์เอเชีย และนกแอร์




เมื่อมาถึงตรัง ไม่ว่าจะด้วยการเดินทางแบบไหน เราจะเดินทางต่อไปยังที่พักหรือแหล่งท่องเที่ยวต่างๆอย่างไร?

การเดินทางจากสนามบิน

ที่อาคารผู้โดยสารของสนามบินตรัง จะมีเคาน์เตอร์ให้บริการรถตู้เข้าเมืองตั้งอยู่

ซื้อตั๋วในราคาคนละ 90 บาท แล้วเดินออกไปขึ้นรถตู้ที่รออยู่นอกอาคารได้เลย

หรือถ้าใครขนงบมาเยอะ ก็สามารถเช่ารถยนต์ที่มีอยู่หลายเจ้าขับออกไปได้เลยครับ




การเดินทางจากสถานีรถไฟ

หากคุณเดินทางมาโดยรถไฟ ก็แสนสะดวก เพราะโรงแรมที่ฮิตๆอย่างศรีตรัง หรือธรรมรินทร์ อยู่ใกล้สถานี

แค่นิดเดียว เดินไปได้สบาย แต่ถ้าพักไกลออกไปอีกหน่อย ก็ต้องอาศัยรถหัวกบ ราคาอยู่ที่คนละ 20-30 บาท

รัศมีเขตเทศบาลตรัง (ประมาณ 3 ก.ม.)




การเดินทางจากสถานีขนส่ง

หากเดินทางมาโดยรถทัวร์ จะมีรถสองแถวประจำทางรอให้บริการอยู่สองสาย โดยสายสีส้ม รถจะวิ่งวนสลับกัน

ตามแผนที่ด้านล่าง ส่วนสายสีน้ำเงิน จะวิ่งระหว่าง บขส.ตรัง กับสถานีรถไฟตรัง ค่าโดยสารคนละ 12 บาท

ถ้าคุณพักที่ไหน ก็สอบถามคนขับได้เลยครับ แต่หากคุณจะเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวนอกเมือง

ก็ยังมีคิวรถตู้ไปยังอำเภอต่างๆอีกด้วย




การเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยว

ปัจจุบันคิวรถตู้ต่างๆจะถูกย้ายต้นทางมาที่สถานีขนส่งตรังแล้ว ใครมาตรังด้วยรถทัวร์ก็สามารถต่อรถตู้

ไปยังสถานที่ต่างๆได้อย่างสะดวก แต่รถตู้ก็ยังไปรับคนที่ท่ารถเดิมอยู่ เพียงแค่หากคุณมาขึ้นที่ต้นทาง

ก็จะเลือกที่นั่งได้สบายกว่า จากในเมืองก็สามารถนั่งรถหัวกบมาได้ในราคาคนละ 30 บาท




การเดินทางในตัวเมืองตรัง

ตัวเมืองตรัง มีทั้งรถหัวกบราคาอย่างที่บอกครับ คนละ 20-30 บาทรัศมีเขตเมืองตรัง หากต้องการเหมาท่องเที่ยว

รอบเมืองเค้าก็จะมีโปรแกรมให้เลือก หรือถ้าเราอยากเลือกเอง เค้าจะคิดเหมาช.ม.ละ 200 บาทต่อคันครับ

นอกจากนี้ยังมีมอเตอร์ไซด์รับจ้าง รวมถึงรถมินิบัสของ อบจ.ตรัง สาย 6 วิ่งจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ตรัง

ปลายทางสำนักงานแขวงการทางตรัง และสาย 9 จากสถานีขนส่งตรัง ปลายทางอยู่ที่ วัดประสิทธิชัย

ค่าโดยสารคนละ 12 บาททั้งสองสาย




การท่องเที่ยวจังหวัดตรังสามารถเลือกได้หลายสไตล์ครับ ไม่ว่าจะพักในเมือง หรือชายหาด

หรือพักทั้งสองแบบผสมกัน แล้วแต่เราจะตั้งโปรแกรมของเราเอง ตัวอย่างเช่น

พักตัวเมือง > กินของอร่อยหลายๆร้านได้ตลอด > ทัวร์เกาะ

พักชายหาด > ไม่สนของกินมุ่งตรงไปทะเล > เล่นน้ำทะเลได้ตลอด > ทัวร์เกาะ

พักชายหาด > ก่อนออกนอกเมืองเลือกกิน 1 ร้าน > เล่นน้ำทะเลได้ตลอด > ทัวร์เกาะ

คืน 1 พักตัวเมืองกินของอร่อย 3 มื้อ > คืน 2 พักชายหาดเล่นน้ำทะเลได้ตลอด > ทัวร์เกาะ

q*031ทีนี้เราจะมาไล่เรียงกันว่า ทั้งในตัวเมืองและชายหาดตรัง มีแหล่งเที่ยวอะไรกันบ้างครับ q*031


เที่ยวตัวเมืองตรัง

การท่องเที่ยวในตัวเมืองตรัง ไฮไลท์จะอยู่ที่อาหารการกินขึ้นชื่อทั้งคาวหวาน ไม่ว่าจะเป็น ติ่มซำ, หมูย่าง

หรือเค้กเมืองตรัง นอกจากนี้ยังมีสถานที่เที่ยวให้เราแวะถ่ายรูปอีกมากมาย




สำหรับใครที่จะมาเที่ยวตรังในช่วงนี้ ที่สระน้ำเพิ่มสุขเขามีงานแสดงหุ่นโคมไฟ มหัศจรรย์โลกใต้ทะเลตรังกันอยู่ครับ




สระน้ำเพิ่มสุขอยู่ตรงไหน q*032 ก็ตรงวงเวียนปลาพะยูนนั่นแหละครับ เค้าจัดบริเวณรอบๆสระน้ำ เข้าชมฟรีครับ




ในงานมีหุ่นโคมไฟสัตว์น้ำใต้ทะเล ปลาสวยงามหลากหลายชนิด นำมาสร้างสีสันให้กับค่ำคืนของเมืองตรัง




เจ้ากระพรุ่นน้อยกำลังถูกเจ้าถิ่นรับน้องอยู่




ปลาผีเสื้อในกลุ่มปะการัง เป็นฉากถ่ายเซลฟี่สวยๆไว้อวดเพื่อนในไอจี




ไฮไลท์ของงานคือ ครอบครัวพะยูน ที่สั่งทำพิเศษเพื่องานนี้โดยเฉพาะครับ




ชาวตรังและนักท่องเที่ยว สนุกสนานกับการถ่ายรูปคู่หุ่นโคมไฟสีสันบาดตา






ใครจะมาเที่ยวตรังในช่วงนี้ ก็อย่าลืมใส่งานหุ่นโคมไฟโลกใต้ทะเลตรังเข้าไปในโปรแกรมด้วยนะครับ

โดยเขาจะจัดแสดงที่สระน้ำเพิ่มสุขไปจนถึงวันที่ 15 ตุลาคมนี้ รับรองได้ภาพสวยๆกลับไปแน่นอนครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 9 ต.ค. 14, 09:07 น โดย poopaestudio » noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า

กระทู้ฮอตในรอบ 7 วัน

add
เรทกระทู้
« ตอบ #1 เมื่อ: 9 ต.ค. 14, 09:20 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
เที่ยวชิมของอร่อยเมืองตรัง

หากจะแวะมาชิมของอร่อยเมืองตรัง ที่พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวงคือ หมูย่างเมืองตรัง และเมื่อพูดถึงหมูย่าง

เราต้องตรงไปที่นี่เลยครับ สามแยกหมี ซึ่งมีร้านหมูย่างตั้งอยู่สองร้าน คือร้านพงษ์โอชา และร้านบ้านบัวบก




ร้านบ้านบัวบก

มาเริ่มที่ร้านบ้านบัวบกกันก่อนครับ ที่ร้านนี้เขาจะเน้นขายหมูย่างเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นหมูย่างสับ หรือข้าวหน้าหมูย่าง




เวลาทานราดด้วยซอสแล้วตามด้วยน้ำปลาพริกเขาใช้พริกขี้หนูเขียว ทานแล้วหอมขึ้นจมูก

เนื้อในนุ่ม หนังกรอบ สำหรับบางท่านอาจจะรู้สึกว่าเหนียวไปนิด แต่ก็เคี้ยวมันส์สู้ฟันดีครับ




ร้านพงษ์โอชา

ย้ายมาอีกร้านข้างๆกันบ้างครับ นั่นก็คือร้านพงษ์โอชา ที่นี่จะขายอาหารหลากหลายกว่า มีทั้งหมูย่าง, ติ่มซำ,

ขนมจีน และเมนูอาหารเช้าอื่นๆ




มาเริ่มชิมหมูย่างกันก่อนครับ ที่นี่จะออกรสหวานกว่า เรื่องรสชาติ ส่วนตัวลิ้นผมชอบรสที่ออกเป็นอาหารคาว

ของบ้านบัวบกมากกว่า พงษ์โอชาจะหวานไปนิดนึง




ตามมาด้วยติ่มซำหลากหลายชนิด ใครที่ลังเลเก้ๆกังๆไม่รู้จะสั่งอะไร ทางร้านก็จะยกมาไว้บนโต๊ะ

ให้เราเห็นหน้าตา แล้วเลือกทานตามชอบครับ




รสชาติติ่มซำของที่นี่ จะออกแนวดั้งเดิม ชิ้นใหญ่ ทานไม่กี่อย่างก็อิ่มซะแล้ว




ร้านเรือนไทยติ่มซำ

จากสามแยกหมี เดินทางต่อมาตามแผนที่ เราก็จะพบกับร้านเรือนไทยติ่มซำ ลักษณะอาหารของที่นี่

คือจะเน้นติ่มซำ และเมนูอื่นๆประกอบ




ร้านเรือนไทยติ่มซำ จะมีของทอดมาให้เราเลือกถึงโต๊ะ แต่ถ้าพวกติ่มซำ เราต้องเอากระดาษพิมพ์เบอร์โต๊ะ

ไปสั่งที่เตาเลยครับ ชี้จนหนำใจแล้วให้เบอร์โต๊ะเขาไว้ แล้วติ่มซำร้อนๆก็จะมาเสิร์ฟเราที่โต๊ะ




ใครที่ชอบงานประดิษฐ์ประดอยคงจะชอบที่นี่ เพราะแต่ละจานใส่รายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ทำได้ดูน่าทานมากครับ




ติ่มซำของเรือนไทยจะออกแนวประยุกต์หน่อยๆ แต่ก็ยังคงรสชาติดั่งเดิมไว้ เลือกชิมเอาตามชอบเลยครับ




ร้านเลตรัง 2

ย้อนกลับเข้ามากลางเมือง เพื่อไปชิมอาหารจากร้านเลตรัง 2 กันครับ ร้านนี้ไม่ได้ติดถนนใหญ่เหมือนอีกสามร้าน

ต้องเข้าไปในซอยไทรงาม 1 ใกล้กับรพ.ราชดำเนินร้านเลตรัง 2ค่อนข้างจะแตกต่างจากร้านที่ผ่านมา

เพราะเป็นร้านติดแอร์ ตกแต่งดูดีมีชาติตระกูล แต่ยังยึดถือเมนูหลักเมืองตรัง คือหมูย่างและติ่มซำครับ




วิธีสั่งอาหารของแต่ละร้านที่ผ่านมาจะแตกต่างกัน อย่างเลตรัง 2 ก็เช่นกันครับ เข้าไปเลือกโต๊ะนั่ง จำเบอร์โต๊ะ

แล้วมาสั่งที่เตาหน้าร้านแล้วกลับไปนั่งอัพสเตตัสได้เลย




มาแล้วครับติ่มซำ หน้าตาดูพื้นๆเบย์ๆ แต่รสชาติละมุนลิ้น ดิลิเชียสมากครับ ทานแล้วรู้เลยว่าวัตถุดิบเค้าดีจริงๆ

ส่วนตัวแล้วถูกใจรสชาติของร้านนี้ที่สุด แต่อย่างว่าร้อยพ่อพันลิ้น คุณต้องทัวร์ชิมเปรียบเทียบดูเอาเองครับว่า

รสแบบไหนถูกใจคุณที่สุด




ก๋วยเตี๋ยวหลอดสามสหายมีสามชิ้นสามไส้ คือ หมูแดง ปู และไส้กุ้ง มาเป็นชิ้นเป็นต่อนๆเลยครับ




เมนูนี้อยากแนะนำครับ ฮ้อยจ๊อปู ถ้าคุณนึกอยากกินข้าวผัดปูขึ้นมา มาซื้อฮ้อยจ๊อปูลูกนี้ไปกินดีกว่า 45 บาท ปูเต็มปาก




ร้านริชชี่

มาต่อกันด้วยของหวานที่ร้านริชชี่ บ้านนี้มีแต่ของอร่อย สโลแกนคุ้นๆนะ?

ร้านริชชี่ตั้งอยู่ริมถนนรัษฎาครับ เครือข่ายเดียวกับริชชี่ที่สนามบินตรัง และของฝากเค้กริชชี่




ร้านนี้เป็นร้านเบเกอรี่ เน้นขายไอศกรีม, เค้ก และอาหารที่เป็นของฝาก บรรยากาศร้านดูน่ารักๆ




เค้กมะพร้าวนมสด มีเนื้อมะพร้าวอ่อน และมะพร้าวน้ำหอมระหว่างชั้นเค้ก บวกกับหน้านมสดนุ่มละมุนมากครับ




ส่วนนี่เป็นช็อคลาวา ไอศกรีมวนิลา โปะด้วยเมอแรงค์ชิ้นน้อย เสิร์ฟพร้อมบราวนี่ และช็อกโกแลตมูส

ทานคู่กับชาเขียว เข้ากันได้เป็นอย่างดีครับคุณชาคริตครับ




ขนมเปี๊ยะ ซอย 9

อีกหนึ่งร้านดังของจังหวัดตรัง ปกติถ้าบอกขนมเปี๊ยะ ผมจะไม่ค่อยสน เพราะไม่ชอบทาน แต่ขนมเปี๊ยะที่นี่

เปลี่ยนทัศนคติผมไปเลย สัมผัสมันมีทั้งกรอบทั้งนุ่ม และหอมมากครับ มีไส้ให้เลือกหลายชนิด ชิมก่อนได้ครับ

ถูกใจไส้ไหนค่อยซื้อไป และที่ร้านก็ยังมีขนมชนิดอื่นๆอีกด้วย ร้านจะอยู่ซอยห้วยยอด 9 มีที่จอดรถสะดวกสบาย

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
add
เรทกระทู้
« ตอบ #2 เมื่อ: 9 ต.ค. 14, 09:30 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

นอกจากของกินแล้ว ตัวเมืองตรังยังมีที่เที่ยวอีกหลายที่ เช่น บ้านนายชวนหลีกภัย ซึ่งเหมาะกับคนที่ชอบต้นไม้

เพราะที่นี่มีพันธุ์ไม้พื้นเมืองหายากไว้มากมายหลายสกุล รวมทั้งบรรยากาศก็ร่มรื่นน่านอนมากครับ




อีกแลนด์มาร์กสำคัญที่จะพลาดไม่ได้เลย ก็คือ วงเวียนปลาพะยูน ที่นี่ถ่ายรูปสวยทั้งกลางวันและกลางคืนเลย




หรือจะมาถ่ายรูปเล่นที่สถานีรถไฟตรัง แล้วนั่งรถไฟไปเที่ยวที่สถานีกันตังก็ได้ครับ




เที่ยวกันตัง

ถ้านั่งรถไฟมาสถานีกันตัง ด้วยเที่ยวรถจากตรัง 10.30 น. ถึงกันตัง 11.20 น. คุณจะมีเวลาถ่ายรูปเล่นที่สถานี

ประมาณชั่วโมงนิดๆ เพราะเที่ยวกลับจะออกจากกันตังเวลา 12.40 น. สุ่มเสี่ยงที่จะออกไปตระเวนเที่ยวส่วนอื่นๆ

ของอ.กันตรัง ดังนั้นถ้าอยากเที่ยวกันตังให้ทั่วนั่งรถตู้ หรือเช่ามอเตอร์ไซด์ขับมาดีกว่าครับ




ที่เที่ยวอื่นๆของอ.กันตังก็มี บ้านท่านเจ้าเมืองตรัง หรือ พิพิธภัณฑ์พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี

บิดาแห่งยางพาราไทย ท่านคือผู้บุกเบิกพืชเศรษฐกิจสำคัญที่ทำให้ชาวไทยได้มีอาชีพดีๆมาจนถึงทุกวันนี้ครับ




มาเมืองตรังทั้งที อย่าลืมแวะไปชมต้นยางพาราต้นแรกของประเทศไทยที่ อ.กันตังนะครับ

จริงๆมันก็คือต้นยางต้นหนึ่ง แต่ถ้าเป็นต้นแรกของแผ่นดิน มันก็มีคุณค่ามากครับ ที่เราจะได้มาเห็นด้วยตาตัวเอง

และยังมีจุดชมวิวมุมสูงที่สวนสาธารณะควนตำหนักจันทร์ให้ชมกันอีกด้วย

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
add
เรทกระทู้
« ตอบ #3 เมื่อ: 9 ต.ค. 14, 09:34 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
ถ้ำเลเขากอบ

จากเมืองตรัง คุณยังสามารถนั่งรถตู้ตรัง-ห้วยยอด เพื่อไปเที่ยวถ้ำเลเขากอบได้อีกด้วย โดยขาไปบอกคนขับเลย

ว่าให้ไปส่งที่ถ้ำเล ส่วนขากลับลำบากนิด ต้องจ้างรถแถวถ้ำเลมาส่งที่คิวรถตู้ตลาดห้วยยอด

เมื่อมาถึงถ้ำเลเขากอบ เราต้องจ้างเรือนำเที่ยว ราคาลำละ 300 บาท ควรนั่งไม่เกินลำละ 4 คนครับ




ถ้ำทะเล หรือถ้ำเลเขากอบ ไม่ได้เป็นน้ำเค็มที่มาจากทะเลนะครับ เพียงแต่มีลำน้ำขนาดใหญ่เหมือนทะเล

ไหลอยู่ใต้ภูเขา ชาวบ้านก็เลยเรียกว่าถ้ำทะเล ที่จริงเป็นน้ำจืดไหลมาจากภูเขาครับ

เมื่อมาถึงปากทางเข้าถ้ำ ไกด์จะให้เรานอนราบลงกับลำเรือ ทางเข้าช่วงแรกก็มีเพดานถ้ำทั้งที่ต่ำจนต้องนอน

และสูงพอจะนั่งได้ แต่ผมว่านอนไปเลยดีกว่าครับ นั่งๆนอนๆมันดูเหมือนคนขี้เกียจอะ




การเที่ยวถ้ำเลจะใช้เวลาประมาณ 1 ช.ม. โดยภายในจะมีถ้ำให้เราแวะขึ้นไปเดินชมความงามของหินงอกหินย้อย

กันทั้งหมดสองถ้ำ และปิดท้ายด้วยความตื่นเต้นในการลอดท้องมังกร ถ้ำทั้งสองจะมีหินงอกหินย้อย ที่พานให้

เราจินตนาการไปตามคำบอกเล่าของไกด์ ทั้งหินตายาย, ห้องเจ้าสาว,หรือแม้แต่การลอดท้องหินรูปช้าง




หลังจากเดินชมความงามของถ้ำทั้งสอง ก็มาถึงไฮไลท์ของที่นี่แล้วครับ นั่นก็คือการลอดท้องมังกร

หน้าที่ของเราไม่ต้องทำอะไรมากครับ นอนแผ่สองสลึง แล้วรอรับความเสียว

ไกด์ทั้งสองจะคอยคอนโทรลให้เรือไหลไปตามช่องถ้ำแคบๆ แคบจนแทบจะแนบหน้าตื่นเต้นดีครับ

ใครมีอะไรที่สามารถชูชันออกนอกร่างกายได้ ให้สงบสติอารมณ์แล้วเก็บมันให้ดี ถ้าไปฟาดกับหินแล้วจะเสียใจ

อิอิ ผมหมายถึงเลนส์กล้องนะครับ จะถ่ายรูปก็ให้กล้องแนบต่ำอยู่ข้างลำตัว อย่าให้เกิน มิเช่นนั้นอาจเสียหายได้




ผ่านไปกับ 300 กว่าเมตรแห่งความตื่นเต้น เราเข้ามาทางหาง ผ่านหัวใจมังกร และจะไปออกทางหัวมังกร

เป็นอันสิ้นสุดการทัวร์ครับ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
add
เรทกระทู้
« ตอบ #4 เมื่อ: 9 ต.ค. 14, 09:39 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
เที่ยวชายฝั่งทะเลตรัง

การเที่ยวชายฝั่งทะเลตรัง ผมว่ามาพักริมทะเลจะสะดวกที่สุดครับ โดยที่พักริมทะเลก็มีอีกหลายจุด ซึ่งจะ

นำเสนอถัดไปครับ การไปเที่ยวตามหาดต่างๆ ถ้าไม่ได้เช่ารถยนต์มา เราเช่ามอเตอร์ไซด์จากรีสอร์ทที่เราพัก

เพราะหาดต่างๆของตรังจะอยู่ในระยะทางไม่เกิน 40 ก.ม. บิดมอเตอร์ไซด์ไปไม่เกินช.ม. เพราะคุณจะบิดเกิน

40 แน่นอน เนื่องจากถนนหนทางสะดวกมาก และรถก็สัญจรกันน้อย จะใช้เวลาเท่าไหร่ ก็ขึ้นอยู่กับว่า

คุณจะแวะแต่ละหาดนานแค่ไหนครับ




หาดราชมงคล

ได้มอเตอร์ไซด์มาแล้ว(ค่าเช่าวันละ 250 บาท) เต็มน้ำมันแล้วไปซิ่งกันเลยครับ

จุดแรกที่เราจะไปเที่ยว ก็คือหาดราชมงคล ซึ่งอยู่ภายในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง

ขับเข้ามหาวิทยาลัยไปหลายกิโลฯเหมือนกันครับ ตรงไปอย่างเดียว พอเห็นประภาคารก็แสดงว่าถึงแล้วครับ




เคยเห็นภาพหาดราชมงคลจากงานวิวาห์ใต้สมุทร เป็นหาดที่สวยมากครับ ลักษณะจะคล้ายๆหาดไร่เลย์

แต่วันที่ผมไป โดนเจ้าไต้ฝุ่นคัลแมกีตัวแสบแผลงฤทธิ์ เห็นกลุ่มฝนที่อยู่ในทะเลมั้ยครับ? แค่ไม่กี่วินาที

มันก็เคลื่อนมาถึงตัวผม วิ่งหาที่หลบกันแทบไม่ทัน หวังจะได้มาแก้ตัวในช่วงหน้าไฮ




นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำราชมงคล ไว้ให้ศึกษาหาความรู้อีกด้วยครับ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
add
เรทกระทู้
« ตอบ #5 เมื่อ: 9 ต.ค. 14, 10:44 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
หาดปากเมง




มาถึงชายหาดสำคัญนั่นก็คือ หาดปากเมง ที่นี่เป็นศูนย์กลางของการเที่ยวชายหาดตรังเลยก็ว่าได้

เพราะหาดปากเมงมีทั้งรีสอร์ท, ร้านอาหาร, มินิมาร์ท และยังเป็นท่าเรือสำหรับไปเที่ยวยังเกาะต่างๆอีกด้วย

นักท่องเที่ยวจึงนิยมมาพักที่นี่กันมากที่สุด




รูปปั้นพะยูนที่เห็นอยู่นี้ จะอยู่ช่วงตอนปลายของหาดปากเมง จะมีการก่อสร้างเขื่อนซีเมนต์

เพื่อป้องกันคลื่นกัดเซาะ จากตรงนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่เราจะไปเที่ยวชายหาดในเขตอุทยานกันต่อครับ




ถนนหนทางสะดวกมาก มีป้ายบอกทางตลอดทาง รับรองไม่หลงแน่นอนครับ




อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม

วิ่งจากหาดปากเมง มาประมาณ 6 ก.ม. เราก็จะเจอทางเข้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม

ซื้อบัตรก่อนนะครับ ค่าธรรมเนียมคนละ 40 บาท ซื้อบัตรนี้ยังสามารถนำไปใช้ผ่านเข้าหาดหยงหลิง

ซึ่งเป็นอีกหน่วยของอุทยานได้อีกด้วย จ่ายแค่ครั้งเดียวได้เที่ยวสองที่




ขับเข้ามาตามป้ายเราก็จะถึงหาดเจ้าไหม ซึ่งเป็นหาดโค้งสองหาดมาบรรจบกันคล้ายทะเลแหวก

สามารถมองเห็นหาดได้สองฝัง น้ำขึ้นคงจะงามน่าดู




หาดหยงหลิง

จากหาดเจ้าไหมมาประมาณ 15 ก.ม. เราก็จะเจอทางเข้าหาดหยงหลิง




เลี้ยวขวาเข้าไปอีกพอสมควรก็จะถึงหาดหยงหลิงครับ




หาดหยงหลิง จะทอดตัวไปบรรจบกับหาดยาวทางด้านขวามือ จากตรงนี้จะมองเห็น กระโดงปลาฉลาม

หรือเขาเจ้าไหม ซึ่งตั้งอยู่ที่หาดยาวครับ




หาดยาว

ขับมาจากหาดหยงหลิงประมาณ 2 ก.ม. เราก็จะถึงหาดยาว ทางเข้าอยู่ทางด้านขวามือตามป้ายเลยครับ

เลี้ยวขวาเข้าไปไม่กี่สิบเมตร เท้าเราก็จะแตะหาดทรายแล้ว




เขาเจ้าไหม หรือกระโดงปลาฉลาม ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนหาดยาว เป็นโลเคชั่นที่สวยงามมากๆ

ที่หาดยาวค่อนข้างสงบ มีเพียงนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่กี่คนบนหาดนี้ ส่วนคนไทยจะเยอะช่วงวันหยุดครับ




มองไปขวาจะเห็นหาดหยงหลินอยู่ไกลๆ หาดทรายที่นี่ไม่ถึงกับขาวมากเหมือนบนเกาะ

แต่เวลาเดินก็รู้สึกว่าละเอียดนุ่มเท้าดีครับ




ที่หาดยาวนี่เป็นภาพที่ผมมาพักในช่วงหน้าไฮ ดังนั้น หาดจะสวยไม่มีซากขยะที่พัดขึ้นมาติดบนฝัง

แถมน้ำก็ใสมากๆ คิดว่าหาดอื่นๆในช่วงพีค ก็คงจะสวยไม่แพ้กัน

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
add
เรทกระทู้
« ตอบ #6 เมื่อ: 9 ต.ค. 14, 10:51 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
ถ้ำเจ้าไหม-เจ้าคุณ

บริเวณใกล้ๆกับหาดยาว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกหนึ่งจุด นั่นก็คือถ้ำเจ้าไหม-เจ้าคุณ

ซึ่งสามารถมาเหมาเรือแคนูที่บ้านหาดยาว ซึ่งเป็นชุมชนที่อยู่บริเวณท่าเรือหาดครับ ลำละ 800 บาท

นั่งได้ 2 คน และที่นี่ยังมีเรือหางยาวของชาวบ้านให้ไปยังเกาะต่างๆอีกด้วย

การไปเที่ยวถ้ำเจ้าไหม-เจ้าคุณ ช่วงแรกจะต้องใช้เรือหางยาวจูงไปตามคลองเจ้าไหมก่อนครับ

ถ้าพายแคนูไปตั้งแต่ต้นคงใช้เวลาและเหนื่อยเอาเรื่อง




เมื่อมาถึงทางเข้าคลองจระเข้ขาวถึงจะใช้เรือแคนูพายเข้าไป สัมผัสแรกในเขตคลองจระเข้ขาว มันสงบนิ่ง

อากาศบริสุทธิ์ เย็น รับรู้ได้ถึงนิเวศที่สมบูรณ์ ลักษณะที่นี่เป็นป่าชายเลนสลับด้วยหน้าผาน้อยใหญ่

มีเสียงสัตว์ป่าให้ได้ยินเป็นระยะ



เราลัดเลาะชมความสมบูรณ์ของคลองจระเข้ขาวมาเรื่อยๆ จนถึงทางเข้าถ้ำเจ้าไหม ที่เป็นลักษณะถ้ำลอด

ให้เราพายมุดเข้าไปแต่จะไม่ต่ำมากถึงขนาดต้องนอนไปเหมือนถ้ำเลเขากอบ ความตื่นเต้นจะอยู่ที่ความ

คดเคี้ยวเลี้ยวเลาะเหมือนล่องแก่ง และที่สำคัญคือจุดหมายปลายทางนั้น เป็นธรรมชาติที่แสนสงบ






เมื่อผ่านพ้นถ้ำ เราจะพบกับลากูนป่าชายเลนที่ห้อมล้อมด้วยผาสูงชัน เหมือนกำแพงคอยปกป้องธรรมชาติ

มีเวลาอยู่ที่ถ้ำเจ้าไหมไม่นาน เราก็ต้องรีบลอดถ้ำออกมา เพราะน้ำเริ่มลดแล้ว เดี๋ยวจะพายไปที่ถ้ำเจ้าคุณไม่ได้




เรามาถึงถ้ำเจ้าคุณอย่างเฉียดฉิว ระดับน้ำหน้าถ้ำเริ่มลดต่ำลงแล้วครับ




การเที่ยวถ้ำเจ้าคุณจะเป็นแนวแอดเวนเจอร์ครับ มีการปีนป่ายบ้างเล็กน้อย แต่ที่นี่มีธรรมชาติที่สมบูรณ์มาก

ตั้งแต่ทางเข้าคลองจระเข้ขาว จนมาถึงถ้ำเจ้าคุณ ใครที่ชอบการท่องเที่ยวแบบนี้ ขอแนะนำเลยครับ




บ่อน้ำร้อนควนแคง

ถ้าใครยังไม่หมดแรง จากหาดยาวไปอีกประมาณ 13 ก.ม. ก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวบนฝั่งอีกหนึ่งแห่ง นั่นก็คือ

บ่อน้ำร้อนควนแคง ซึ่งตั้งอยู่ในวนอุทยานบ่อน้ำร้อนกันตัง เป็นแหล่งท่องเที่ยงเชิงสุขภาพสำหรับประชาชน

และนักท่องเที่ยวครับ บ่อน้ำร้อนควนแคง จะมีความร้อนอยู่ทั้งหมด 3 ระดับอุณหภูมิ คือ 70 องศา 40 องศา

และ 20 องศา ชอบแบบไหนลงไปนั่งแช่ขาหย่อนใจกันได้เลย ถ้าส่วนตัวหน่อยก็จะมีเป็นห้องน้ำร้อนให้แช่ครับ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
add
เรทกระทู้
« ตอบ #7 เมื่อ: 9 ต.ค. 14, 10:59 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
ทัวร์ 4 เกาะ มุดถ้ำมรกต

สำหรับการไปเที่ยวเกาะ รวมถึงถ้ำมรกต หากมากันเยอะๆเหมาเรือไปถึงจะคุ้มครับ แต่ถ้ามีมาสมาชิกไม่กี่คน

การซื้อทัวร์ก็เป็นทางเลือกที่ประหยัด ทัวร์ที่ตรังมีให้เลือกหลายเจ้า ราคาคนละ 750 – 800 บาท แตกต่างกันไป

ตามระยะทางที่พักของเรา เป็นการไปเที่ยวด้วยเรือทัวร์ลำใหญ่ พร้อมอาหารกลางวัน 1 มื้อครับ

โดยเรือจะออกจากท่าเรือปากเมงตอน 9 โมงเช้า กลับถึงฝั่งประมาณ 4 โมงเย็นครับ




จุดหมายแรกคือเกาะมุก เรือจะพาเราอ้อมไปด้านข้างเกาะ ซึ่งเป็นที่ตั้งของถ้ำมรกตครับ

ใครอยากถ่ายรูปก็รีบซะตั้งแต่ตอนนี้ เพราะเดี๋ยวเราต้องลงไปมุดถ้ำมรกตกันแล้ว

(โปรแกรมอาจเปลี่ยนแปลงตามน้ำขึ้นน้ำลง)




ถ้ำมรกต จ.ตรัง เป็นอีกหนึ่ง unseen Thailand ที่อยากจะแนะนำให้ไปสักครั้งหนึ่งในชีวิตครับ นอกจากความ

สวยงามแล้ว ยังมีความสนุกในการเดินทางเข้าไป ไม่ยาก และไม่น่ากลัวอย่างที่คิด ว่ายน้ำไม่เป็นก็เข้าไปได้

เพียงแต่ทำตามคำแนะนำของไกด์ คุณก็จะเข้าไปสัมผัสความงดงามของถ้ำมรกต

ผมมีวิธีง่ายๆในการเข้าถ้ำมรกตมาให้ชม เผื่อใครที่มีแผนที่กำลังจะเดินทางไปเที่ยวจะได้เตรียมตัวไว้ครับ

1.เมื่อมาถึงปากถ้ำ เราจะต้องเข้าแถวลงน้ำไปทีละคน โดยมีไกด์เป็นหัวแถว

ให้ทุกคนจับเสื้อชูชีพของคนข้างหน้า เป็นแถวเรียงหนึ่ง

2.ค่อยๆตีเท้า เข้าไปในถ้ำ หัวแถวจะเป็นคนนำทิศทางให้เราเอง ส่วนข้าวของที่เราอยากนำเข้าไป

สามารถฝากไปกับไกด์ได้โดยไม่เปียกน้ำ

3.เข้ามาในถ้ำสนุกสนานกันให้เต็มที่กับครั้งหนึ่งในชีวิต มีขบวนที่สวนออกมาก็ทักทายกันบ้าง

ที่สำคัญอย่าแตกแถวเด็ดขาดครับ

4.ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที คุณก็จะได้พบกับอีกโลกที่น่ามหัศจรรย์





อยากถ่ายรูปต้องรีบถ่าย เพราะเราจะมีเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง(ถ้ามากับทัวร์) ของดีต้องแบ่งกันชมครับ

จากนั้นเราจะมุดกลับออกมาด้วยวิธีการเดิม คนที่ว่ายไม่เป็นไม่ต้องกลัวนะครับ พอออกจากถ้ำจะมีเชือก

ให้เกาะไปถึงเรืออยู่แล้ว ขึ้นเรือไปจะมีถังน้ำจืดให้ล้างหน้าล้างตาอยู่ ใช้น้ำอย่างมีคุณค่านะครับ




มาถึงโปรแกรมที่สองของทัวร์ครับ สรวงสวรรค์กลางทะเลที่ชื่อว่า เกาะกระดาน

ทรายขาวน้ำใสมากๆครับ เรือทัวร์จะไม่สามารถเข้าไปส่งได้ถึงฝั่งฝันนะครับเราจะต้องว่ายน้ำเข้าไป

ดังนั้น ใครว่ายน้ำไม่แข็ง ใส่ชูชีพแล้วเกาะเชือกไว้ก่อนเป็นดีครับ

หรือใครใจถึงจะโดดลงน้ำก็ได้ แต่ต้องว่ายน้ำแข็งหน่อยนะครับ




รอดชีวิตกลับเข้าฝั่ง ตรงที่ยืนอยู่นี่ น้ำลึกประมาณเมตรกว่าๆ แต่ยังใสแจ๋วเห็นพื้นเหมือนในสระว่ายน้ำเลยครับ

กิจกรรมหลักบนเกาะคงจะหนีไม่พ้นการเล่นน้ำ นานๆจะเจอน้ำใสขนาดนี้ เล่นให้เต็มที่ครับ มีเวลาให้หนึ่งชั่วโมง




เสียดายวันนี้ที่เกาะเชือกไม่เอื้ออำนวยต่อการดำน้ำ จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนโปรแกรมมาดำน้ำกันที่ด้านหลัง

ของเกาะกระดาน จุดนี้มีปะการังน้ำตื้นให้ดำชมกัน ซึ่งก็สวยไม่แพ้กันครับ




จากเกาะกระดานเราเดินทางกันมาที่เกาะม้า ดูรูปร่างแล้วคงไม่ต้องบอกนะครับว่าทำไมถึงชื่อเกาะม้า

ที่เกาะม้าไม่มีหาดทราย เมื่อเรือจอดเทียบกับหน้าผา เราจะเห็นค้างคาวมากมาย เกาะกลุ่มท้าแดดอยู่ตามหน้าผา

กิจกรรมจึงมีสองอย่างคือ ดูค้างคาว และดำน้ำครับ




หลังจบโปรแกรมสุดท้ายที่เกาะม้า เรือพาเราแวะไปส่งลูกทัวร์ซึ่งจะพักบนเกาะไหงก่อน แล้วค่อยกลับฝั่ง

ประมาณ 4 โมงเย็นครับ

นี่เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของคนที่จะมาพักที่เกาะไหง เพราะค่าเรือไม่รู้จะแพงไปไหน คนละ 450 บาท

ซื้อทัวร์ 750 บาท แล้วให้เค้ามาส่ง ได้เที่ยวไปด้วย คุ้มกว่ากันเยอะครับ


noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
add
เรทกระทู้
« ตอบ #8 เมื่อ: 9 ต.ค. 14, 11:06 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
ที่พัก

ที่พักในจังหวัดตรังมีมากมาย ทั้งในตัวเมือง และตามชายฝั่ง แต่ผมจะขอนำเสนอเฉพาะที่ผมเคยไปพักมานะครับ

คิดว่าก็น่าจะพอเป็นทางเลือก สำหรับพื้นที่ท่องเที่ยวต่างๆของจังหวัดตรัง ในแต่ละจุดได้พอสมควรครับ


ที่พักในเมือง

การเลือกที่พัก เรื่องทำเลนั้นก็เป็นส่วนสำคัญครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราไม่ได้ขับรถไปเอง สำหรับทำเล

ที่สะดวกสุดในตัวเมืองตรัง ก็คงจะหนีไม่พ้น แถวสถานีรถไฟตรังนั่นแหละครับ เพราะตรงนี้มีทุกอย่าง

ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร, ร้านทัวร์, ถนนคนเดิน และรถรับจ้างต่างๆ ดังนั้น โรงแรมศรีตรัง และโรงแรมธรรมรินทร์

ซึ่งตั้งอยู่ในย่านนั้น จึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก




โรงแรมตรัง

ที่นี่อยู่ห่างจากสถานีรถไฟมาประมาณ 500 ม. อยู่ตรงหอนาฬิกา ของกินเยอะโดยเฉพาะในช่วงกลางคืน

จะอยู่ห่างร้านสะดวกซื้อหน่อย แต่ก็มีร้านขายของชำเล็กๆอยู่ไม่ไกล ทีแรกจะพักธรรมรินทร์ แต่ไปๆมาๆ

เกิดอยากได้บรรยากาศของหอนาฬิกาขึ้นมา เพราะไปมาหลายจังหวัดยังไม่เคยพักแถวหอนาฬิกาเลย

ที่นี่เป็นโรงแรมเก่า แต่ได้มีการรีโนเวทใหม่ทั้งตัวอาคาร ล็อบบี้ และห้องพัก ยกเว้นลิฟท์ ยังเก่าอยู่ครับ q*072




นี่แหละครับ บรรยากาศที่ผมอยากได้ แม้เป็นในเมืองแต่ก็ให้ความรู้สึกในการมาพักต่างถิ่น

มากกว่าเห็นวิวเป็นตึกทั่วๆไป




มาดูในห้องกันบ้างดีกว่า ดูแปลนก็รู้เลยว่าเป็นโรงแรมเก่า เห็นห้องรูปแบบนี้อาจจะนึกถึงความอับชื่น

แต่ที่นี่โอเคครับ เพราะทาสีใหม่ ปูพื้นใหม่ แม้จะดูเชยๆ ไม่มีดีไซน์ แต่ค่อนข้างสะอาดเลยทีเดียว

ห้องนี้ราคา 890 บาทรวมอาหารเช้า แต่ถ้าใครอยากหาติ่มซำกินยามเช้า ก็เลือกไม่รวมอาหารได้ในราคา

690 บาท นี่เป็นห้องสแตนดาด ยังมีห้องแฟมิลี่ที่พักได้ 3 และ 4 คนอีกด้วย






ห้องน้ำก็ทำใหม่ครับ โถส้วมคาดว่าของดั้งเดิมคงจะเป็นแบบยองๆฉี่ สังเกตได้จากรากฐาน

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
add
เรทกระทู้
« ตอบ #9 เมื่อ: 9 ต.ค. 14, 11:10 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
น่าไปค่ะ อ่านจบ อยากไปวะเดี๋ยวนี้เลย q*071q*071
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
add
เรทกระทู้
« ตอบ #10 เมื่อ: 9 ต.ค. 14, 11:16 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
ที่พักตามชายฝั่ง

ตามชายฝั่งทะเลตรัง มีที่พักให้เลือกมากมาย โดยเฉพาะหาดปากเมงซึ่งเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวทะเลตรัง

การมาพักที่ชายหาด ข้อดีก็แน่นอนอยู่แล้ว เราได้ใกล้ชิดทะเล แม้จะมีพายุอดออกเกาะ เราก็ยังเดินเล่นริมทะเล

ชิลๆได้อยู่ จะได้สมกับมาเที่ยวทะเลหน่อย




ขนำชาวเล

อีกหนึ่งที่พักยอดฮิตบนหาดปากเมง ก็คงหนีไม่พ้น ขนำชาวเล ขนำ แปลว่า กระท่อม

ได้ดูจากรีวิวต่างๆก็เห็นว่าเป็นแค่กระท่อมหลังเล็กๆ มันมีอะไรดีนักหนา ก็เลยต้องขอลองของกันหน่อยครับ




นี่คือกระท่อมหนึ่งหลังของขนำชาวเล เป็นกระท่อมเล็กๆ ประตูเป็นกระจกบานเลื่อน ติดแอร์

พร้อมที่จอดรถส่วนตัวอยู่ด้านข้าง ราคาก็กำลังดีครับ

ธ.ค. – พ.ค. คืนละ 980 บาท

มิ.ย. – พ.ย. คืนละ 850 บาท

ที่นี่ไม่มีอาหารเช้านะครับ เช้าๆขับมอเตอร์ไซด์ไปตรงสามแยกปากเมงของกินเพียบ ข้าวเหนียวหมูทอด ตับทอด

อร่อยมาก ค่าเช่ามอเตอร์ไซด์ของรีสอร์ทวันละ 250 บาท




มาชมภายในกระท่อมกันครับ เตียงเล็กไปนิดนึงประมาณควีนไซส์ เพราะตัวห้องมีขนาดเล็ก

เค้าให้ความสำคัญกับพื้นที่นั่งเล่นด้านนอก ซึ่งมีเก้าอี้หวาย และเปลยวน ไว้ให้นั่งๆนอนๆเป็นคนขี้เกียจได้ทั้งวัน




ด้วยพื้นที่จำกัด จึงไม่มีตู้เสื้อผ้าให้นะครับ มีไม้แขวนให้แขวนกับผนังเอา การควบคุมระบบไฟฟ้าจะอยู่บนหัวเตียง

ที่เก๋มากคือเจ้ากบร้องได้ที่ขายตามแหล่งท่องเที่ยว เค้านำมาประยุกต์ใช้กับระบบตัดไฟ เหมือนกับคีย์การ์ด

ที่ใช้ตามโรงแรมนั่นแหละครับ




ข้าวของเครื่องใช้ภายในในห้องน้ำมีครบ ทั้งเจลอาบน้ำ แชมพู ครีมนวด และโลชั่น หน้าต่างเปิดออกได้

เพื่อเปิดรับประสบการณ์ ขี้ข้างคลอง อ่างล้างมือจะอยู่ที่ระเบียงอีกด้าน มีเจลล้างมือ และน้ำยาซักผ้าให้ครับ

เรียกว่าครบครันกว่าโรงแรมใหญ่ๆบางแห่งซะอีก




อุปกรณ์บันเทิงก็มี ตู้เย็น ทีวี กล่องดาวเทียม(gmmZ) และดีวีดี เอาไว้เปิดเพลงชิลๆแล้วนั่งเล่นสบายๆด้านนอก

ซึ่งด้านนอกจะมีพัดลมอีกตัว ไว้พัดกันยุง ผมเลือกพักหลังในสุด ติดกับคลองยุงเลยชุมหน่อยครับ




กระท่อมติดคลองจะมีอยู่สองหลัง ที่หันหน้าเข้าหาคลอง ส่วนตัวมากๆ แสงเวอร์ไปหน่อย เลยไม่เห็นคลอง q*078

ไวไฟที่นี่ถ้าอยู่ด้านนอกโอเค พอเข้าห้องแล้วสัญญาณอ่อน ไม่รู้ว่า บ้านหลังหน้าๆ สัญญาณจะแรงกว่านี้รึป่าวนะครับ

แต่ถ้าชอบความเป็นส่วนตัว ก็ยังเชียร์หลังที่ติดคลองอยู่ เวิร์คมั๊กๆ




ไปเช่ามอเตอร์ไซด์มาจากล็อบบี้แล้วมีของแถมครับ เจ้าแมวเหมียววิ่งตามมอเตอร์ไซด์มาติดๆเหมือนจะหวงรถ

สักพักยกกันมาทั้งตระกูลเลย ซนมาก โดยเฉพาะเจ้าโภคัย(ตั้งชื่อเอง)




ใกล้ๆกระท่อมจะมีทางเดินออกไปที่คลองครับ มีฝักบัวไว้ล้างตัวเวลาไปเล่นน้ำทะเลมาให้ด้วย

ที่เชียร์หลังสุดท้ายก็เพราะได้พักริมคลอง และถ้าอยากเล่นน้ำทะเลเมื่อใด ก็เดินออกไปไม่ถึงร้อยเมตรครับ




แต่ถ้าใครชอบซีวิว ก็ต้องหลังด้านหน้าหน่อยครับ นอนดูทะเลได้สบาย แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการ

ขาดความเป็นส่วนตัวนะครับ เพราะล็อบบี้จะอยู่ด้านหน้านี่เหมือนกัน




โดยรวมผมชอบขนำชาวเล ตรงความเป็นธรรมชาติของที่นี่ครับ คือผมอยากนอนกระต๊อบแบบนี้มาก

ติดที่ว่ามันไม่ค่อยสะดวก แต่ที่ขนำชาวเล เค้าทำให้กระต๊อบหลังเล็กๆอยู่ได้อย่างสะดวกสบาย

เหมาะกับคนชอบใกล้ชิดธรรมชาติ แต่ไม่ชอบลำบากแบบผม ที่สำคัญ ราคาคุ้มค่ามากๆครับ
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
add
เรทกระทู้
« ตอบ #11 เมื่อ: 9 ต.ค. 14, 11:30 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
อนันตรา สิเกา รีสอร์ท แอนด์ สปา

ช่วงปลายหาดปากเมงบริเวณสะพาน จะเป็นที่ตั้งของ อนันตรา สิเกา รีสอร์ท แอนด์ สปา

รีสอร์ทที่หรูที่สุดในย่านนี้ และยังขึ้นชื่อในด้านการบริการที่เป็นเยี่ยมครับ




สมคำร่ำลือจริงๆสำหรับการบริการ รู้สึกได้ตั้งแต่รถมารับเราที่ขนำชาวเล เมื่อมาถึง ก็จะมีพนักงานมาต้อนรับ

เช็คอิน และพาชมรีสอร์ท แขกกรุ๊ปหนึ่งใช้พนักงานให้บริการหลายคนเลยทีเดียว




แลนด์มาร์กสำคัญของที่นี่ ก็คงจะหนีไม่พ้น บีชเฮาส์สีขาว ตัดกับสีท้องฟ้าและน้ำทะเล






มาดูภายในห้องพักกันบ้างครับ นี่เป็นห้องแบบดีลักซ์ เทอร์เรส จะอยู่ชั้นล่าง ส่วนชั้นบนจะเป็นห้องดีลักซ์

ห้องพักที่นี่ราคาเริ่มต้นที่ 3,200 บาท ส่วนดีลักซ์ เทอร์เรส ห้องนี้ผมจองผ่านอโกด้าในราคารวม 3,900 บาท

อยากได้ถูกกว่านี้ ต้องรอซื้อเว้าเชอร์ตามงานท่องเที่ยวครับ เค้ามาออกงานเป็นประจำ




อ่างอาบน้ำจะถูกออกแบบให้เปิดโล่งเป็นส่วนหนึ่งของตัวห้อง สามารถแช่น้ำไปดูทีวีไปได้

ส่วนใครที่อยากแช่น้ำแบบส่วนตัว ก็มีบานเลื่อนปิดได้ครับ




ข้าวของเครื่องใช้ภายในห้องน้ำครับ สำหรับใครที่ชอบสะสมขวดแชมพูติดตราโรงแรมต้องเสียใจด้วยครับ

ที่นี่ของใช้ส่วนใหญ่ใส่ขวดรีฟิล มีแต่สบู่สองก้อนนี้ที่ติดไม้ติดมือกลับมาสะสมได้




ห้องอาบน้ำกับสุขาแยกไว้เป็นสัดส่วน




ค่อนข้างผิดหวังกับวิวจากเทอร์เรสครับ เพราะผมได้ห้องมุมอับ ตรงข้ามเป็น Pool bar มีพนักงานทำงานตลอดวัน

ไม่ส่วนตัวเลยต้องปิดม่านตลอด จดไว้เลยนะครับ ถ้ามาพักที่นี่ ให้หลีกเลี่ยงห้อง 121 และถัดไปอีก 4 ห้อง




ออกไปดูสันทนาการด้านนอกกันบ้าง มีมินิกอล์ฟให้ตีเล่นริมทะเล พร้อมสนามสำหรับเด็กๆ ห้องฟิตเนส สปา

และกิจกรรมทางน้ำเช่น พายเรือคายัค มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลตลอด




สระว่ายน้ำจะมีอยู่สองสระนะครับ คือสระด้านดีลักซ์ ที่นี่เด็กๆลงเล่นได้




ส่วนอีกสระอยู่ทางฝั่งซีวิว เป็นสระสำหรับผู้ใหญ่ครับ ตรงนี้จะสงบส่วนตัวกว่า




ชายหาดของอนันตราครับ ดูไม่ค่อยน่าเล่นเท่าไหร่ เพราะตรงนี้เป็นปากน้ำ มีตะกอนจากแม่น้ำไหลออกมาปน

เหมาะเอาไว้เดินถ่ายรูปเล่นมากกว่า แต่ถ้าเป็นช่วงไฮซีซั่น รีสอร์ทจะมีเรือพาไปเที่ยวบีชคลับส่วนตัวของเค้า

บนเกาะกระดานครับ(ดูรูปเกาะการะดานด้านบน)




บรรยากาศบีชเฮาส์ ยามค่ำคืนครับ ข้างบนจะเป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยนชื่อ Acqua อาหารรสชาติถูกปากเลยทีเดียว




อาหารเช้าของที่นี่สอบถามได้ความว่า ถ้าวันนั้นมีแขกเกิน 50 ท่านจะเป็นบุพเฟ่ครับ

ผมว่าถ้าวันหยุด หรือหน้าไฮก็น่าจะเกินทุกวัน




อาหารมีหลากหลาย ทั้งฝรั่งและไทย ยังลงรูปไม่หมดนะครับ รสชาติใช้ได้ ถูกใจน้ำผึ้งสดๆจากคอน




โดยรวมแล้วเรื่องห้องพักและสถานที่ ไม่ได้เหนือความคาดหมายใดๆ เหมาะสมเป็นไปตามระดับดาว

(ติดที่วิวจากห้องพัก) แต่เรื่องการบริการเยี่ยมมากครับ เหมือนเค้าจะแบ่งงานกันเป็นทีม และแข่งขันกันสร้าง

ความประทับใจให้กับแขก ตอนเช็คเอาท์ยังสงสัยอยู่ว่า ทำไมมีพนักงานมายืนรอส่งเยอะจัง? เพราะเค้ามีโชว์

ประสานเสียงส่งท้ายให้ลูกค้า เป็นความประทับใจเล็กๆน้อยก่อนการลาจากกัน

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
add
เรทกระทู้
« ตอบ #12 เมื่อ: 9 ต.ค. 14, 11:35 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
บ้านพักอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม

ที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม มีบ้านพักอยู่หลายหลังด้วยกันนะครับ

ผมยังไม่มีโอกาสไปพัก ได้แต่เก็บภาพบ้านพักด้านนอกมาให้เห็นบรรยากาศกันครับ




ขับเข้ามาจะเจอสองหลังแรกนี้ก่อนครัช ชื่อบ้านพีพี และแหลมสน




บริเวณบ้านจะดูรกๆไปนิด ช่วงนี้พายุเข้า รายละเอียดจะเหมือนกันทั้งพีพี และแหลมสนนะครับ

คือหลังนึงมี 4 ห้อง พักได้ห้องละ 2 คน ราคาคืนละ 800 บาทต่อห้อง(พัดลม)

มีเตียง ตู้เย็น กับโต๊ะเครื่องแป้ง ไม่มีทีวีนะครับ หาหนังใส่ไอแพดมาดูกันเอาเอง




พีพีและแหลมสนนี้ จะอยู่ห่างออกมาจากเซนเตอร์ของหาดเจ้าไหมหน่อยนึงนะครับ

ตรงข้ามบ้านพักจะมีทางเล็กๆให้ลงไปที่ชายหาด มีม้านั่งให้สังสรรค์กัน ยังไงอย่าเสียงดังกันมากนะครับ




ถัดมาตรงช่วงเซนเตอร์ของหาดเจ้าไหม จะมีบ้านพักรวมกันอยู่หลายหลัง แต่ละหลังจะคล้ายๆกัน คือ

3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ พักได้ 6 คนต่อหลัง บ้านพักทั้งหมดของอุทยานจะเป็นห้องพัดลม และไม่มีทีวีนะครับ

บ้านเจ้าไหม, สิมิลัน, สุรินทร์ ราคาหลังละ 1,500 ต่อคืน(6คน)

บ้านพังงา, เภตรา ราคาหลังละ 1,000 ต่อคืน(6คน) สองหลังนี้จะไม่มีโต๊ะอาหารและโต๊ะเครื่องแป้ง




ใกล้ๆบ้านพัก มีร้านอาหารของอุทยานฯตั้งอยู่ ดูร้างๆชอบกล คงเปิดเฉพาะเวลามีนักท่องเที่ยว

ผมมีข้อมูลคร่าวๆเท่านี้นะครับ รายละเอียดอื่นๆลองติดต่อสอบถามกับทางอุทยานฯดูครับ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
add
เรทกระทู้
« ตอบ #13 เมื่อ: 9 ต.ค. 14, 11:43 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
บ้านเจ้าไหม บีช เฮาส์

ที่นี่เป็นรีสอร์ทเดียวที่ตั้งอยู่ที่หาดยาว ซึ่งเป็นหาดที่สวยงามและสงบมากครับ

สามารถนั่งรถตู้สายตรัง - หาดยาว มาได้อย่างสะดวก หรือจะใช้บริการรถรับส่งของรีสอร์ทก็ได้

จากสนามบินคิดเที่ยวละ 400 บาท ถ้าโอกาสอำนวย เค้าจะพาเราแวะเที่ยวกันตังด้วย




ตัวบ้านพักเป็นแบบกึ่งไม้กึ่งปูนครับ โครงสร้างหลักเป็นปูน ตกแต่งเฉลียงด้วยไม้




ห้องพักจะเป็นแบบเรียบง่ายไม่มีลูกเล่นอะไรหวือหวา แต่ก็ตกแต่งได้น่ารัก และสะอาดสะอ้านดีครับ

ราคาห้องพักคืนละ 1200 บาท รวมอาหารเช้า ผมจองผ่านอโกด้าราคาเท่ากันครับ

อาหารเช้าจะเป็นชุดไข่กะทะ กาแฟ ขนมปัง และของทานเล่นท้องถิ่นครับ

ในห้องพักส่วนนี้จะมีทั้งหมด 7 ห้องนะครับ และยังมีแบบเป็นหลัง 2 ชั้น อีก 1 หลังด้วย




สิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องก็มี แอร์, ทีวี, ตู้เย็น ส่วนตู้เสื้อผ้าไม่มี แต่มีที่แขวนให้ครับ

ห้องน้ำกันกว้างขวางดี ตกแต่งพอน่ารัก เสียดายที่ไม่มีน้ำอุ่น เพราะแถวนี้กระแสไฟฟ้าเข้ามาแค่เฟดเดียว

ถ้ามีเครื่องทำน้ำอุ่นด้วยไฟอาจจะตกได้



รูปซ้ายบนจะเป็นส่วนของล็อบบี้ และห้องอาหารครับ ส่วนรูปด้านขวาและรูปเล็กๆจะเป็นบ้านแบบ 2 ชั้น

บ้านหลังนี้จะมี 2 ห้องนอน พักได้ 4 คน ราคาคืนละ 3,000 บาท เสริมเตียงได้อีกคนละ 300 บาท

ถูกมากครับสำหรับบ้านพักริมทะเลแบบนี้




รอบๆบริเวณรีสอร์ทมีการจัดมุมพักผ่อนไว้รับลมทะเลชิวอยู่หลายจุด รั้วเชือกที่เห็นคืออาณาเขตของรีสอร์ท

ถัดไปก็จะเป็นทิวสน ก่อนถึงตัวหาด ใครที่จะมาพายเรือแคนูเช่าไปมุดถ้ำเจ้าไหม-เจ้าคุณพักที่นี่สะดวกสุดครับ




โดยรวมของที่นี่เป็นรีสอร์ทเล็กๆง่ายๆ แต่โลเคชั่นสวยมาก และจุดเด่นคือการบริการที่เป็นกันเองครับ




จังหวัดตรังนั้น เหมาะสมมากกับฉายา เมืองแห่งความสุข เพราะผู้คนมีน้ำใจ ไม่แบ่งแยกคนไทยหรือฝรั่ง

ธรรมชาติก็ยังสมบูรณ์ ฤดูกาลท่องเที่ยวที่กำลังจะมาถึงนี้ อย่าลืมออกไปกอดเมืองตรัง ให้หายเหนื่อยนะครับ

q*039q*039q*039q*039q*039q*039q*039q*039q*039
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:  ตรัง 

หน้า: 1

 
ตอบ
ชื่อ:
 
แชร์ไป Facebook ด้วย
กระทู้:
ไอค่อนข้อความ:
ตัวหนาตัวเอียงตัวขีดเส้นใต้จัดย่อหน้าชิดซ้ายจัดย่อหน้ากึ่งกลางจัดย่อหน้าชิดขวา

 
 

[เพิ่มเติม]
แนบไฟล์: (แนบไฟล์เพิ่ม)
ไฟล์ที่อนุญาต: gif, jpg, jpeg
ขนาดไฟล์สูงสุดที่อนุญาต 20000000 KB : 4 ไฟล์ : ต่อความคิดเห็น
ติดตามกระทู้นี้ : ส่งไปที่อีเมลของสมาชิกสนุก
  ส่งไปที่
พิมพ์อักษรตามภาพ:
พิมพ์ตัวอักษรที่แสดงในรูปภาพ
 
:   Go
  • ข้อความของคุณอยู่ในกระทู้นี้
  • กระทู้ที่ถูกใส่กุญแจ
  • กระทู้ปกติ
  • กระทู้ติดหมุด
  • กระทู้น่าสนใจ (มีผู้ตอบมากกว่า 15 ครั้ง)
  • โพลล์
  • กระทู้น่าสนใจมาก (มีผู้ตอบมากกว่า 25 ครั้ง)
         
หากท่านพบเห็นการกระทำ หรือพฤติกรรมใด ๆ ที่ไม่เหมาะสม ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสื่อมเสียแก่สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รวมถึง การใช้ข้อความที่ไม่สุภาพ พฤติกรรมการหลอกลวง การเผยแพร่ภาพลามก อนาจาร หรือการกระทำใด ๆ ที่อาจก่อให้ผู้อื่น ได้รับความเสียหาย กรุณาแจ้งมาที่ แนะนำติชม