Caf Aboong Caf Aboong มาถึงเมืองไทยแล้วนะ ไอศกรีมสุด HOT! สัญชาติเกาหลี มีดีที่ไม่อ้วน

ปีใหม่ที่ผ่านมาจะมีใคร “อ้วนตัวแตก” เหมือนเราบ้างน้อ ก็กิจกรรมรอบตัวเต็มไปด้วยการฉลองและสังสรรค์ที่นา ไม่ว่าจะเป็น ญาติผู้ใหญ่ใจดี๊..ใจดีนำบรรดาอาหารมาต้อนรับอย่างอิ่มหนำสำราญเมื่อยามไปกราบกรานสวัสดีปีใหม่ หรือจะเป็นเหล่าก๊วนแก๊งค์ที่รวมตัวจัด
งานปาร์ตี้ส่งท้ายปี ชนิดที่เรียกได้ว่า “อาหารเพียบ” (-_-’) แบบนี้น้ำหนักตัวเราจะไม่ขึ้นได้ไง แต่เพื่อแฟนๆ PaiNaiDii หน้าที่ในการลัดเลาะรอบกรุงมุ่งหาของกินมาแนะนำยังคงต้องดำเนินต่อไป แต่เนื่องจากเชื่อว่าทุกคนคงยัง “แน่น” ไม่ต่างกัน เปิดศักราชใหม่แบบนี้ บ.ก.พาชิมพาชม ขอเลือกกินแบบเบาๆ กันก่อนดีกว่า แว่วๆ มาว่ามีร้านไอศกรีมสัญชาติเกาหลี ที่กินแล้วไม่อ้วนมาเปิดใหม่ชื่อร้านว่า Caf Aboong เปิดตรงลาน Digital Gateway ฝั่งสยามสแควร์นี่เอง รู้แบบนี้อย่ารอช้าไปปฏิบัติภารกิจกินกันเล้ย...

cafe aboong : ลาน Digital Gateway ฝั่งสยามสแควร์
และการเดินทางก็เช่นเคย นั่งรถไฟฟ้า BTS มาลงสถานีสยาม แล้วมุ่งหน้า Digital Gateway เมื่อเดินมาถึง Caf Aboong (คาเฟ่อาบุง) ต้องร้องOMG! กันเลยทีเดียว ไม่ใช่เพราะการตก
แต่งร้านหรืออะไร แต่เป็นเพราะคลื่นมหาชนจำนวนมากกับปรากฎการณ์คิวยาวเกิดขึ้นอีกแล้ว จะเปลี่ยนใจตอนนี้คงไม่ทัน เพราะมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าสำหรับ ไอศกรีมสายพันธ์ใหม่ ทานแล้วไม่อ้วน บอกอ...นี่รีบต่อแถวเลย ระหว่างรอตาก็เหลือบไปมองป้ายร้าน..เกิดความสงสัยขึ้นมาตามประสา “เด็กอยากรู้” ว่า “อาบุง” คืออะไร? คันปากยุบยิบได้ไม่นาน เลยถามคนที่รอต่อคิวด้วยกัน ได้ความว่า “อาบุง” เป็นภาษาเกาหลีที่แปลว่า “ปลา” ก่อนจะสงสัยต่อว่าทำไมต้องปลา? วัยรุ่นที่เข้าแถวก่อนหน้า ก็เดินถือแป้งรูปปลาใส่ไอศกรีมเดินผ่านหน้าเราไป จึงเก็ทขึ้นมาในทันที


Caf Aboong คาเฟ่อาบุง : ร้านสุดฮิตของวัยรุ่น
สอดส่ายตาแล รอบกายพี่นี้มีแต่ชุดนักเรียนทั้งนั้น พี่นี้...เลยรู้สึกตะหงิดๆ ว่ามันเหมาะกับเรามั้ยนะ เอาน่าต่อแถวจวนจะได้คิวแล้ว และแล้วก็สิ้นสุดการรอคอย น้องพนักงานเขาให้เราเลือกไส้ระหว่าง ถั่วแดง กับ คัสตาร์ดครีม อยากกิน2 ไส้เลย แต่ครั้งนี้เลือกคัสตาร์ดครีมไปก่อน กินหมดแล้วถ้ามันเด็ดจริงสมกับปริมาณคนที่เข้าแถวรอ ค่อยมาต่อคิวสั่งไส้ถั่วแดงอีกก็แล้วกัน

Caf Aboong : ไอศกรีมสัญชาติเกาหลี มีดีที่ไม่อ้วน
ได้มาแล้ว! Soft Ice Cream Fish bun หรือไอศกรีมปลาอ้าปากกว้างใส่ไอศกรีมมาจนล้นทะลัก เสิร์ฟพร้อมผลไม้เสียบไม้จิ้มช็อกโกแลตแบบฟองดูที่เสียบอยู่ด้านข้าง และท็อปปิ้งด้วยถั่วกับธัญพืช อ้าว! แล้วไส้ที่สั่งไปล่ะ... ไม่ต้องตกใจ ก็อยู่ในท้องปลานั่นไง!

คาเฟ่ อาบุง : ไอศกรีมกินแล้วไม่อ้วน
มาพิสูจน์กันเต๊อะ! หมู่เฮา ว่าทำไมไอศกรีมตัวนี้ ถึงกินแล้วไม่อ้วน อย่างแรกเลยสำหรับไอศกรีมเป็น ซอฟครีมรสโยเกิร์ต สูตรเฉพาะที่ต้องนำเข้าจากเกาหลีเท่านั้น ไม่ว่าจะทานที่เกาหลี หรือที่นี่ ก็ร้อง อันยองงงงง ได้เหมือนกัน เป็นไอศกรีมพรีเมี่ยมโยเกิร์ต Non Fat ที่ไม่มีไขมันเลยแม้แต่เปอร์เซ็นต์เดียว รสชาติไม่หวานบาดคอ เนื้อไอศกรีมก็เนียน กริ๊บ ละมุนแบบไม่มีเกล็ดน้ำแข็งให้ต้องสะดุดลิ้นกันเลย

คาเฟ่ อาบุง : ไอศกรีมกินแล้วไม่อ้วน
แล้วเจ้าวาฟเฟิลรูปปลาอ้าปากกว้างตัวนี้ล่ะ ทำไมมันอร่อยจังนะ แต่อร่อยแบบนี้มันจะอ้วนมั้ยอ่ะ? ตัวแป้งวาฟเฟิลก็เป็นแป้งที่นำเข้าจากเกาหลีด้วยเช่นเดียวกัน ที่สำคัญเค้าใช้น้ำตาลทรายแดงแทนน้ำตาลทรายขาวที่ให้แคลอรี่มากกว่า แค่นี้ก็ทำให้ไม่อ้วนแล้ว โอเคร..เจ้สบายใจนิดนุง กินกันต่อแบบไม่ยั้ง ก็แป้งวาฟเฟิลทั้งกรอบนอกนุ่มในเสิร์ฟกันแบบอุ่นๆ พอกัดเข้าไปเจอกับไอศกรีมนะ เจ้ขอบอกเลย...ฟินเฟ่อร์

ส่วนท็อปปิ้งเกร๋ๆ อย่าง ผลไม้จุ่มฟองดู เราสามารถเลือกชนิดของผลไม้มาเสียบไม้ได้ด้วยนะ แล้วมาจุ่มฟองดูช็อกโกแล็ตชั้นเลิศ และสุดท้ายกับท็อปปิ้งถั่วพิเศษที่ส่งตรงมาจากเกาหลีเช่นกัน

กัดไปจนถึงกลางพุงเจอไส้ คัสตาร์ดครีม แบบเต็มๆคำ ช่างเป็นอะไรที่เข้ากันกับตัวแป้งวาฟเฟิล ชนิดที่เรียกได้ว่าเหมาะเหม็ง เพลิดเพลินเจริญปาก เจริญพุงกันเลย เผลอแผ่บเดียวกัดไปเจอกระดาษที่ใช้ห่อซะแล้ว ตกกะใจ! นึกว่าทำหล่น ที่ไหนได้เรานี่เองที่ฟาดเรียบ

ตอนแรกก็รู้สึกแอบเสียดายสตางค์ตอนที่เราควักจ่ายไปตั้ง 159.- แต่พอได้กินตั้งแต่หัวยันหาง เราเข้าใจว่ามันคุ้มค่าแค่ไหนกับความอร่อยของ Soft Ice Cream Fish bun แลกกับการเสียเวลาต่อคิว ก็ยังถือว่าคุ้มค่านะ ว่าแต่เราลืมอะไรไปหรือเปล่า อ๋อ...ยังไม่ได้ลองไส้ถั่วแดงเลยนี่นา พี่นี้...วิ่งไปต่อคิวอีกรอบ กินแทนข้าวกันเลยทีเดียว



แม้ช่วงนี้ด้วยความ Hot Hit ของของอร่อยที่ยังใหม่มากสำหรับคนไทย จะทำให้ต้องอ่อนใจไปกับผู้คนที่ต่อคิวกันยาวบ้าง แต่บอกเลยว่า ไอศกรีมสัญชาติเกาหลี ตัวใหม่น่าสุดนี้ มันน่าลองจริงๆ ถ้าว่างๆ และไม่อยากคุยกับใครเขาไม่รู้เรื่อง ลองแวะมากัดปลากันนะที่ Caf Aboong บ.ก.พาชิมพาชมขอแนะนำ
เครดิต : http://www.painaidii.com/diary/diary-detail/002176/lang/th/