ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “ค่านิยมคลั่งขาว” เป็นค่านิยมที่มาไกลสำหรับสาวไทยในปัจจุบัน และยิ่งมีโฆษณาหรือสื่อต่างๆ ที่ช่วยกันประโคมความเชื่อที่ว่า “ผู้หญิงจะสวยได้ต้องขาว ยิ่งขาวยิ่งสวย ยิ่งสวยยิ่งเป็นที่ยอมรับ” จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไม…วัยรุ่นไทยหลายๆคนถึงอยากขาวจนถึงขั้นยอมเสี่ยงตาย วันนี้เราเลยรวบรวม 5 กรณีคลั่งขาวที่เป็นข่าวที่เกิดขึ้นจริงในช่วงที่ผ่านมาไว้ให้อ่านกัน เพื่อเตือนใจและเป็นอุทาหรณ์สำหรับสาวๆที่อยากขาวว่า “ความสวยที่แท้จริงควรมาพร้อมสุขภาพที่ดี และไม่ได้วัดจากสีของผิว” ก่อนดูต้องขอเตือนก่อนว่าใจไม่ถึงอย่าดูคนเดียว!!
1. “นาทีชีวิต” จากพิษ…กลูตาไธโอน!
ผู้เสียหายรายนี้ เป็นผู้ช่วยพยาบาล เธอซื้อกลูตาไธโอนมาทาน ซึ่งคนขายบอกให้ทานครั้งละ 1-2 เม็ด เธอจึงทานเข้าไป 2 เม็ด เพราะอยากให้ขาวเร็ว ๆ แต่หลังจากทานไปเพียง 2-3 ชั่วโมง เธอก็รู้สึกเวียนหัวเหมือนห้องหมุน กระทั่งในตอนเย็นของอีกวัน จึงตัดสินใจไปหาหมอ เพราะมีอาการปากเบี้ยว พูดไม่ได้ และมีอาการประสาทหลอน แพทย์ตรวจพบว่า เส้นเลือดของเธอตีบลง เพราะยาไปทำให้ภายในบวม จึงต้องให้น้ำเกลือโดยเร่งด่วน เพราะหากช้าอาจจะถึงแก่ชีวิต แต่ถึงกระนั้น การทานกลูตาไธโอน 2 เม็ดในวันนั้นก็ยังส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงวันนี้ เพราะปัจจุบัน เธอยังมีอาการเหนื่อยง่าย อ่อนเพลียง่ายมาก และสุขภาพไม่แข็งแรงอีกเลย (ขอบคุณข่าวจาก http://bit.ly/1IEMcTW)

2. ฉีดยาผิด ดับชีวิตตัวเอง นักศึกษาหญิงในตัวเมืองเชียงใหม่ ทั้งกินทั้งฉีดสารกลูต้าไธโอน แต่ใช้ในปริมาณขนาดมากเกินปกติ ทำให้หมดสติ ต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล คุณหมอที่รักษาหญิงสาวดังกล่าว ออกมาเปิดเผยว่า อาการของหญิงสาวดังกล่าวดีขึ้นบ้างแล้ว แต่ยังไม่พ้นขีดอันตราย และไม่สามารถยืนยันได้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงจะดีขึ้น เนื่องจากผู้ป่วยมีอาการตับวาย เพราะฉีดกลูต้าไธโอนเข้าไปเกินขนาด (ขอบคุณข่าวจาก http://goo.gl/TSvkp8)
3. อุทาหรณ์! อยากหน้าขาวใสใช้ครีมเถื่อน พลาดมาหน้าเละ! เธอคนนี้เป็นผู้หญิงที่คลั่งผิวขาวจนเกินเหตุ จนต้องหันไปพึ่งครีมหน้าขาวที่ไม่ได้มาตรฐาน ถึงแม้จะรู้ทั้งรู้ว่ามีสารปรอทผสมอยู่ในปริมาณมาก แต่ด้วยความที่อยากสวย ซึ่งก็เป็นตามที่เธอหวัง ในระยะ 1 เดือนแรก หน้าของเธอขาวใสและเนียนมาก แต่พอหยุดใช้ได้ประมาณ 1 อาทิตย์เกือบ ๆ 2 อาทิตย์ หน้าเริ่มเป็นผด ๆ เป็นสิวไม่มีหัว รูขุมขนยิ่งกว้างขึ้น ๆ หน้าบวมขึ้น จนเรียกว่าหน้าพัง ! เปลี่ยนเป็นคนละคนเลยทีเดียว (ขอบคุณข่าวจาก http://bit.ly/1QnXSPh)
4. ผลข้างเคียงจากสารสเตียรอยด์ จากกรณี จ.เพชรบุรีได้รับราย
งานว่ากลุ่มวัยรุ่นอายุ 16-18 ปี มีอาการแพ้ ผิวหนังมีผื่นคันและแตกเป็นลายที่บริเวณขา จากการใช้เครื่องสำอาง นักเรียนให้ข้อมูลว่ากำลังฮิตในหมู่วัยรุ่น หวังให้ผิวขาวมีออร่า ส่วนใหญ่ซื้อครีมจากร้านค้าแผงลอยในตลาดนัด ร้านจำหน่ายเครื่องสำอางที่น่าเชื่อถือ ร้านเสริมสวย สั่งซื้อจากอินเตอร์เน็ต แต่กลับตรวจพบทั้งสารสเตียรอยด์และสารต้องห้ามเพียบ บางชนิดมีส่วนผสมยาอันตราย โดยเฉพาะทำให้ผิวหนังเกิดอาการไหม้ แตกลายสีขาว มีรอยแดง มีลักษณะเหมือนคนอ้วนหรือคนตั้งครรภ์ โดยสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทยได้ออกโรงเตือนให้เลิกใช้เด็ดขาดแล้ว (ขอบคุณข่าวจาก http://bit.ly/1GJv0wu)
5. สลด! ว่าที่เจ้าสาว…ดับเพราะอยากขาว ลูกสาวนายตำรวจกัมพูชาตกเป็นเหยื่อใช้ครีมผิวขาว ถึงขั้นช็อคจนเสียชีวิต โดยระหว่างเตรียมตัวเป็นเจ้าสาว ได้ไปซื้อครีมลอกผิว หรือครีมทาผิวขาว จากตลาดปอยเปตมาทาตัวเพื่อต้องการให้ผิวขาวเตรียมเข้าพิธี
แต่งงาน พอทาได้ 2 ชั่วโมง เกิดแน่นหน้าอกหายใจไม่ออก ญาติๆจึงพาส่งโรงพยาบาล หลังจากนั้นอีก 2 วันได้เกิดอาการแพ้อย่างหนักผิวลอกออกมาเป็นแผ่นๆและหมดสติ หมอไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้ ระบุสาเหตุเกิดจากพิษสารปรอท ที่ทำให้ตับวายเฉียบพลัน
(ขอบคุณข่าวจาก http://bit.ly/1QAyc20)
จะเห็นได้ว่า
“ค่านิยมคลั่งขาว” จนเกินพอดี อาจทำให้ชีวิตต้องเสี่ยงได้อย่างไม่คาดคิด ซึ่งในความเป็นจริงแล้วยังมีอีกหลายๆวิธีที่สามารถทำให้สาวๆผิวขาวสวยได้ โดยไม่ต้องพึ่งสารอันตรายต่างๆ แค่เพียงทำสองสิ่งนี้ควบคู่กันไป
1. การออกกำลังกาย ด้วยการแอโรบิก เดิน หรือจ๊อกกิ้งวันละ 30 นาที ตามด้วยการออกกำลังกายแบบเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อครั้งละ 20 นาที สัปดาห์ละ 3 ครั้ง โดยทำอย่างสม่ำเสมอ การออกกำลังกายด้วยวิธีดังกล่าวจะช่วยสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และเพิ่มระบบต้านอนุมูลอิสระ ส่งผลให้ระดับกลูตาไธโอนในร่างกายสูงตามไปด้วยโดยไม่ต้องรับประทานหรือฉีดเพิ่ม
2. การรับประทานผักผลไม้ที่มีวิตามินซีหรือการรับประทานวิตามินซีเสริม เพราะวิตามินซีจะช่วยต้านอนุมูลอิสระ เสริมภูมิคุ้มกัน และบำรุงผิวให้ขาวใสมีสุขภาพดีจากภายในได้อย่างปลอดภัย แต่! อย่าลืมว่าอะไรที่มากเกินไปย่อมไม่เกิดผลดี แม้กระทั่งวิตามินซีที่ว่าปลอดภัยแล้ว หากรับประทานครั้งละมากเกินไปก็ไม่เกิดประโยชน์ เนื่องจากร่างกายของคนเราดูดซึมวิตามินซีได้ในปริมาณที่จำกัด เพราะฉะนั้นการกินวิตามินซีครั้งละเยอะๆ ในทีเดียวจึงไม่ได้ผลนัก (เช่น หากรับประทานครั้งละ 1,000 mg ร่างกายจะดูดซึมได้เพียง 60%) เพราะร่างกายจะขับส่วนที่ไม่ได้ดูดซึมทั้งหมดทิ้งผ่านทางไต นอกจากสิ้นเปลืองแล้วไตยังต้องทำงานหนักอีก ดังนั้นการทานวิตามินซีครั้งละน้อยๆ จึงเป็นวิธีที่ได้ผลและปลอดภัยที่สุด อย่างที่ประเทศญี่ปุ่น สาวๆจะนิยมกินวิตามินซีชนิดอมกันมากๆ เพราะจะทำให้ร่างกายค่อยๆ ดูดซึมวิตามินซีเข้าสู่ร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่สิ้นเปลืองแถมยังได้ประโยชน์จากวิตามินซีอย่างเต็มที่อีกด้วย มิน่า....ผู้หญิงญี่ปุ่นถึงมีผิวดี๊ดีแบบลุคใสๆ เห็นละน่าอิจฉาสุดๆ
สุดท้ายนี้ อย่าลืมว่าในการเลือกซื้อวิตามินหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอะไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องตรวจสอบที่มาให้ชัดเจนว่ามาจากผู้ผลิตที่มีความน่าเชื่อถือ แม้ว่าจะมีผู้ทดลองใช้มาแล้วจำนวนมากแค่ไหนก็ตาม หากไม่สามารถตรวจสอบที่มาและมาตรฐานของผู้ผลิตได้ ก็ไม่ควรเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยง เพราะผลลัพธ์ที่ได้ไม่คุ้มค้าอย่างแน่นอน!!