Coty เตรียมควบรวมธุรกิจความงามของ P&G สู่การเป็นผู้นำและผู้ท้าชิงในอุตสาหกรรมความงามระดับโลก
- Coty Inc. เตรียมควบรวมธุรกิจน้ำหอม เครื่องสำอาง และสีผมของ P&G ผ่านการดำเนินธุรกรรมแบบ Reverse Morris Trust
- การผนวกรวมธุรกิจจะก่อให้เกิดรากฐานอันแข็งแกร่ง นำไปสู่การเติบโตในอนาคต ทั้งการเติบโตจากธุรกิจหลักของบริษัท หรือจากการเข้าซื้อกิจการของบริษัทอื่น
- เพิ่มกำไรต่อหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ และสร้างผลประโยชน์เพิ่มเติมจากการควบรวมธุรกิจ
- เงินปันผลรายปีจะเพิ่มขึ้นเป็น 0.50 ดอลลาร์/หุ้น ภายหลังควบรวมธุรกิจเรียบร้อย
Coty Inc. (NYSE: COTY) ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้ลงนามข้อตกลงขั้นสุดท้ายในการผนวกธุรกิจน้ำหอม เครื่องสำอาง และสีผม (“P&G Beauty Business”) ของ The Procter & Gamble Company’s (NYSE:PG) เข้าเป็นส่วนหนึ่งของ Coty ผ่านการดำเนินธุรกรรมในรูปแบบ Reverse Morris Trust ที่ปลอดภาษี การดำเนินธุรกรรมครั้งนี้เป็นไปตามข้อเสนอของโคตี้ ซึ่งตีมูลค่าธุรกิจ P&G Beauty Business ไว้ที่ราว 1.25 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในขณะจัดทำข้อเสนอดังกล่าว โดยหลังจากที่การดำเนินธุรกรรมเสร็จสิ้น ผู้ถือหุ้นของ P&G จะเป็นเจ้าของหุ้น 52% ของหุ้นหมุนเวียนทั้งหมดที่คำนวณแบบ fully diluted (รวมการแจกหุ้นทั้งหมด) ขณะที่ผู้ถือหุ้นเดิมของ Coty จะมีกรรมสิทธิ์ในบริษัทที่ควบรวมแล้วคิดเป็น 48%
การดำเนินธุรกรรมดังกล่าวจะก่อให้เกิดบริษัทความงามที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกทันที ด้วยรายได้ประมาณการรวมกันต่อปีมากกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์โดยวัดจากผลการดำเนินงานในปีงบการเงิน 2014 ซึ่งจะเสริมสร้างสถานะการเป็นผู้นำของบริษัทในอุตสาหกรรมความงามโลกที่มีมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยคาดว่าการผนวกรวมธุรกิจของ P&G ในครั้งนี้ จะหนุนให้ Coty ก้าวขึ้นเป็นผู้นำระดับโลกในวงการน้ำหอม และจะยกระดับสถานะในแวดวงเครื่องสำอางขึ้นมาได้อย่างมีนัยสำคัญ สำหรับธุรกิจของ P&G ประกอบด้วยแบรนด์น้ำหอมชั้นนำ อาทิ Hugo Boss, Dolce & Gabbana และ Gucci ส่วนแบรนด์เครื่องสำอาง ได้แก่ COVERGIRL และ Max Factor การซื้อและควบรวมธุรกิจครั้งนี้ยังเปิดทางให้ Coty มีธุรกิจหมวดหมู่ใหม่ที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมความงาม ผ่านการผนวกธุรกิจสีผมของ P&G ซึ่งนำโดยแบรนด์ Wella และ Clairol การดำเนินธุรกรรมครั้งนี้จะขยายกิจการของ Coty ให้ครอบคุลมพื้นที่ทางภูมิศาสตร์เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก โดยจะเปิดทางสู่การเข้าถึงตลาดความงามขนาดใหญ่อย่าง บราซิล และ ญี่ปุ่น พร้อมทั้งยังเพิ่มโอกาสในภูมิภาคสำคัญๆ ที่ Coty ดำเนินธุรกิจอยู่ในปัจจุบัน อาทิ อเมริกาเหนือ ยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเชีย
Bart Becht ประธานกรรมการและรักษาการซีอีโอของ Coty แสดงความคิดเห็นว่า “ด้วยความรู้ความสามารถในธุรกิจความงามของทั้งสองฝ่าย ประกอบกับรายชื่อสุดยอดแบรนด์ระดับโลกที่อยู่ในครอบครอง เราจึงมีโอกาสในการสร้างผู้นำและผู้ท้าชิงที่มุ่งเน้นเฉพาะธุรกิจความงามอย่างแท้จริง ซึ่งสามารถมอบโอกาสและประโยชน์อันเร้าใจให้แก่พนักงาน ผู้ออกใบอนุญาต ลูกค้า และซัพพลายเออร์ได้ Coty จะสามารถยกระดับสถานะในการแข่งขันและศักยภาพในการเก็บเกี่ยวโอกาสจากรายได้และกำไรที่เพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปได้อย่างไร้ข้อกังขา เนื่องจากบริษัทสามารถนำเสนอสินค้าที่หลากหลายมากขึ้นจากแบรนด์ชั้นนำ การส่งเสริมแบรนด์อย่างแข็งแกร่ง และการพัฒนาช่องทางกระจายผลิตภัณฑ์แปลกใหม่ที่ดียิ่งขึ้น ตลอดจนการเข้าถึงขอบเขตทางภูมิศาสตร์ที่ครอบคลุมกว้างขวางและลึกขึ้น นอกจากนี้ ระบบดำเนินการและการเงินที่ที่หลอมรวมกันยังเปิดทางให้เราผลักดันให้กำไรต่อหุ้น (EPS) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และก่อให้เกิดกระแสเงินสดอิสระที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในระยะยาว ทำให้เรามีงบดุลที่แข็งแกร่ง ในขณะที่การใช้จ่ายของบริษัทอยู่ในแนวทางที่รอบคอบระมัดระวัง ทั้งหมดนี้คือศักยภาพที่นำไปสู่การสร้างมูลค่าให้เพิ่มขึ้นสำหรับผู้ถือหุ้นของ Coty”