
ตอนนี้กระแสการแบ็คแพ็คแบกเป้เที่ยวมาแรงมาก
มีทั้งแบกเป้คนเดียวก็เที่ยวได้ แบกเป้ไปกับเพื่อนสนิท
แบกเป้ไปกับคนรัก หรือจะแบกเป้เที่ยวกับคนแปลกหน้า
วันนี้ผม ทนายพาเที่ยว (
facebook : ทนายพาเที่ยว)
https://www.facebook.com/travelwithlawyer
ขอแชร์ข้อมูลและเทคนิค 7 ข้อ
สำหรับการ เตรียมตัวแบ็คแพ็คแบกเป้ท่องโลกกันครับ
เริ่มเลยนะครับ
ข้อ 1. การหาข้อมูล
เราต้องมีจุดมุ่งหมายก่อนนะครับว่า
เราอยากจะแบกเป้เที่ยวที่ไหน
เพราะในโลกนี้ช่างกว้างใหญ่ไพศาล
และมีแหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดใจเอามากๆเลยครับ
พอเราโฟกัสได้แล้วว่าจะแบกเป้ไปเที่ยวไหน
ก็เริ่มหาข้อมูลกันเลยครับ
สมัยนี้สามารถหาข้อมูลได้จากหลายแหล่ง
ไม่ว่าจะเป็นตามแผงหนังสือทั่วไป
เพราะเดี๋ยวนี้มีนักเขียนเรื่องท่องเที่ยว ออกหนังสือมาเยอะมากมายหลายแนว
ต่อมาก็แหล่งข้อมูลบนเว็บไซต์
บนเว็บไซต์พันธุ์ทิพย์ก็มีคนเอาข้อมูลรีวิวมาแชร์กันเยอะมาก
ในเพจ “แบกเป้เที่ยว” ก็มีเหมือนกัน รวมทั้งการรีวิวในเว็บไซต์ “เทรคกิ้งไทย”
หรือจะใส่คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องในเว็บไซต์กูเกิ้ลเลยก็ได้นะ อากูช่วยได้ครับ!!!
พอโฟกัสประเทศที่เราจะไปได้แล้ว
หรือถ้าโฟกัสเมืองที่จะเที่ยวได้ก็ดีเหมือนกันนะครับ
ต่อมาเราต้องเช็คก่อนครับว่า ประเทศนั้นสามารถไปเที่ยวได้ช่วงไหน
แต่!!!ช้าก่อนครับ ผมไม่ได้หมายความว่าให้เช็คเพื่อที่จะเที่ยวช่วงพีคซีซั่นนะครับ
ไม่จำเป็นต้องไปโฟกัสว่าต้องไปเที่ยวช่วงพีคเท่านั้น
เพราะบางครั้งการไปช่วงโลว์ซีซั่นก็อาจจะทำให้ค่าใช้จ่ายในการเที่ยวถูกลงก็ได้
แต่ไปเที่ยวช่วงที่ไม่ใช่พายุ ฝนฟ้าคะนองกระหน่ำก็พอครับ
หน้าร้อนบางที่ก็เที่ยวสนุกแม้จะร้อนไปหน่อย
เหมือนอย่างตอนผมไปรัสเซียหน้าร้อนตับแตกในเดือนกรกฎาคม
แต่ได้เที่ยวคุ้มมากเลย เพราะพระอาทิตย์ตกเกือบเที่ยงคืน
เที่ยวแบบว่า เที่ยวกลางวันยันกลางคืนแต่ฟ้ายังสว่างอยู่เลย
ข้อ 2. การแพลนสถานที่ท่องเที่ยว
หลังจากที่เราโฟกัสได้แล้วว่า จะไปเที่ยวที่ประเทศไหน
เราก็ต้องโฟกัสให้เล็กลงครับว่าจะไปเที่ยวที่เมืองไหน
เมื่อโฟกัสเมืองได้แล้ว ก็มาค้นหากันครับว่า
แต่เมืองที่เราโฟกัสนั้น มีที่เที่ยวไหนน่าสนใจบ้าง
วิธีการค้นข้อมูลก็สามารถหาได้หลายช่องทางเหมือน
ลุงกูเกิ้ลช่วยได้อีกแล้วนะครับ โดยการใส่คีย์เวิร์ค
เช่น ชื่อเมืองแล้วตามด้วยคำว่า Attraction หรือ Sightseeing
หรือจะไปดูทัวร์เดย์ทริปของเว็บไซต์บริษัททัวร์ต่างๆ
ให้ศึกษาดูว่า วันๆนึงเขาไปเที่ยวกันที่ไหนบ้าง
แล้วเราก็เอามาอแด๊ปใช้กับแพลนของเรา
ยิ่งเป็นแพลนที่เราหาข้อมูลมาเองแล้วจัดเองเนี่ย สนุกมากเลย ลองทำดูนะครับ
นอกจากคุณลุงกูเกิ้ลจะช่วยได้ดีแล้ว
เราก็ยังสามารถดาวน์โหลดแอพลิเคชั่นเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว
แผนที่ และรีวิว ลงบน
มือถือได้ครับ
ยิ่งเดี๋ยวนี้ แอพแต่ละตัวสามารถจัดการรูทการเดินทางให้เราได้ดีเลยครับ
แอพจะจัดการให้ว่าแต่ละวันที่เราจะไปเที่ยว ควรไปที่ไหนก่อน
จัดให้แบบว่าเที่ยวเรียงกันไปเรื่อยๆ ทำให้ไม่เสียเวลาเที่ยว
บางทีจัดรูทดีๆแทบจะไม่ต้องนั่งรถเที่ยวเลยครับ เดินเที่ยวอย่างเดียว
เดินเที่ยวแบบไม่รู้ตัวกลับมาถึงที่พัก เพิ่งจะรู้ว่าเดินขาลากกันหนักมากกกกก
ผมขอแนะนำแอพลิเคชั่น ดีๆที่สามารถจัดรูทการเที่ยว
หรือสามารถดูระยะทางของแต่ละสถานที่ได้ครับ ได้แก่
I Guide, Tripomatic Trip Planner,Trip on Trip
หรือจะค้นหาจากชื่อเมืองและตามด้วยคำว่า Attraction หรือ Sightseeing
พอเจอแอพที่เป็นเกี่ยวกับแผนที่และไกด์ ก็ลองโหลดมาเล่นดูครับ
ข้อ 3. การจองตั๋วเดินทาง
ตอนนี้เราก็รู้แล้วนะครับว่า เราจะไปเที่ยวที่ประเทศไหน เมืองไหน
และที่สำคัญเราต้องรู้ด้วยว่าเที่ยวได้กี่วัน
หลังจากนั้น ลงมือจองตั๋วเครื่องบินกันก่อนเลยครับ
ส่วนใหญ่หากจองล่วงหน้าราคาก็จะถูกกว่าจองแบบกระชั้นชิด
ถ้าไม่นับตั๋วไฟไหม้ หรือตั๋วโปรโมชั่นกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์นะครับ
เดี๋ยวนี้มีเว็บไซต์ และแอพลิเคชั่นหลายตัวเลยครับที่จะช่วยให้เราค้นหาข้อมูลตั๋วเครื่องบิน
และเปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบินให้กับเรา
อย่างเช่น farecompare, expedia, skyscanner หรือ bravofly
แต่ที่สำคัญเราต้องดูให้ดีนะครับว่า ตั๋วราคาถูกที่เราเห็นนั้นเป็นตั๋วทราสซิส หรือไม่
ตั๋วทรานซิส คือ ตั๋วที่เราต้องเดินทางแบบต้องไปยังสนามบินอีกที่หนึ่งเพื่อรอเปลี่ยนเครื่องบิน
ดังนั้น ต้องเช็คให้ดีว่า ทรานซิสใช้เวลานานเท่าไหร่
หากคุณยอมรับระยะเวลาที่ทรานซิสได้ สิทธิในการซื้อตั๋วราคาถูกนั้นก็เป็นของคุณครับ
แต่ก็มีตั๋วถูกที่ไม่ต้องทรานซิสก็มีเยอะนะครับ ค่อยๆดูอย่างละเอียดนะครับ
ข้อ 4. การจองที่พัก
นักแบ็คแพ็คเกอร์ส่วนใหญ่จะเลือกนอนที่พักแบบ Hostel ซึ่งเป็นที่พักแบบแชร์ค่าห้องกันครับ
ในห้องนอนจะมีลักษณะเป็นเตียงสองชั้น แต่บางที่อาจจะเป็นเตียงชั้นเดียว
แต่จะมีหลายเตียงในห้องนึง เป็นการพักร่วมกับนักเที่ยวแปลกหน้านะครับ
เราจะได้เจอเพื่อนใหม่ๆกันที่นี่ซะส่วนใหญ่
เพราะว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเที่ยวคนเดียวก็เยอะครับ
ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลกันก็มีเยอะ คุยไปคุยมาชวนกันไปเที่ยวก็มีนะครับ
นอกจากที่พักราคาถูกแบบ Hostel แล้ว ก็ยังมีเกสเฮ้าท์นะครับที่ราคาไม่สูงมาก
สุดท้ายก็จะเป็นที่พักแบบโรงแรมนะครับ
สิ่งที่ควรรู้ในการจองที่พัก คือ รูปแบบของเตียงนะครับ
เพราะมีความแตกต่างกัน ดังนี้ครับ
Single Bed : เป็นห้องที่เป็นเตียงเดี่ยว นอนได้ 1คนต่อ 1 ห้อง ขนาดเตียงจะอยู่ที่ 3.5 ฟุต หรือ 4.0 ฟุต
Twin Bed : เป็นห้องที่มีสองเตียงเล็กแยกกัน ขนาดเตียงจะอยู่ที่ 3.5 ฟุต หรือ 4.0 ฟุต
Double Bed : เป็นเตียงเดี่ยวขนาด 5-6 ฟุต สำหรับนอนคู่กันสองคน
Queen Size Bed : เป็นเตียงเดี่ยวขนาดใหญ่ 5 ฟุต นอนได้สองคน
King Size Bed : เป็นเตียงเดี่ยวขนาดใหญ่ 6-7 ฟุต นอนได้สองถึงสามคน
Triple Bed : เป็นเตียงเดี่ยวขนาด 3.5-4 ฟุต มีสามเตียงในห้องเดียวกัน
Extra Bed : คือการขอเสริมเตรียมนอนหรือที่นอน
***ที่พักที่เป็นแบบ Hostel จะมีลักษณะพิเศษ
คือ มีห้องแบบ Dormitory Room หรือเรียกสั้นๆติดปากว่า Dorm Room
เป็นห้องที่มีเตียงสองชั้นหลายเตียง หรืออาจจะเป็นเตียงเดี่ยวเล็กๆขนาด 3.5-4 ฟุต
หลายเตียง นอนรวมกับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ
ราคาการเข้าพักก็จะถูกกว่าการพักโรงแรมครับ
เนื่องจากเขาถือว่าเป็นการแชร์ค่าห้องพักกับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆนั่นเอง
ในห้องแบบนี้ บางที่ก็จะมีห้องน้ำในห้องนอน (Ensuite Bathroom)
แต่บางที่ก็มีเป็นห้องน้ำรวมอยู่นอกห้องนอน (Shared Bathroom)
***เดี๋ยวมาต่อกันที่ ข้อ 5-7 นะครับ เพราะบอร์ดนี้เขาจำกัดจำนวนตัวอักษร***