“เจเอเอส แอสเซ็ท (มหาชน)” สยายปีก บุกศูนย์การค้าชุมชน ทุ่ม 500 ล้านบาท เปิด “The Jas รามอินทรา” เสริมความแกร่งธุรกิจ

บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจการบริหารพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้า และธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มากว่า 15 ปี รุกคืบด้วยการเปิดศูนย์การค้าชุมชน สาขาที่ 2 “The Jas รามอินทรา บนเนื้อที่กว่า 9 ไร่ มีพื้นที่ขายกว่า 12,000 ตร.ม. ริมถนนรามอินทรา-ลาดปลาเค้า เจาะกลุ่มครอบครัว และคนรุ่นใหม่ที่นิยมช็อปสะดวก ใกล้บ้าน โดยรวบรวมร้านค้าแบรนด์ดังไว้มากมาย ทั้งร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ต ฟิตเนส พร้อมที่จอดรถสะดวกสบายกว่า 350 คัน ด้วยเงินลงทุนกว่า 500 ล้านบาท พร้อมโชว์เจ๋งขายพื้นที่เรียบเกิน 95 เปอร์เซ็นต์ คาดมีผู้ใช้บริการอย่างต่ำ 3,000 คนในวันปกติ และศุกร์-อาทิตย์ 5000 คน (20 พ.ย. 58 ณ The Jas รามอินทรา )
คุณนงลักษณ์ ลักษณะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) เผยว่า “จากความสำเร็จในการขยายธุรกิจด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในรูปแบบศูนย์การค้าชุมชน สาขาแรกที่ The Jas วังหิน ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทางบริษัทฯ จึงได้เปิดตัวศูนย์การค้าชุมชน The Jas สาขาที่ 2 คือ The Jas รามอินทรา เพื่อเป็นเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ จากประสบการณ์การบริการพื้นที่มากว่า 15 ปี อีกทั้งปัจจุบันได้เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เชื่อมั่นได้ว่าบริษัทจะขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง และมั่นคง”
ปัจจุบันธุรกิจของบริษัทแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบหลัก คือ 1) การบริหารพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้าในส่วนโทรศัพท์เคลื่อนที่และสินค้าเทคโนโลยี ภายใต้ชื่อ “IT Junction” 2) การพัฒนาและบริหารพื้นที่ในรูปแบบตลาดชุมชน ภายใต้ชื่อ “J Market” และ 3) การพัฒนาและบริหารพื้นที่ในรูปแบบศูนย์การค้าชุมชน ภายใต้ชื่อ “The Jas” สำหรับการพัฒนาและบริหารพื้นที่ในรูปแบบศูนย์การค้าชุมชน ภายใต้ชื่อ “The Jas” ในปี 2557 บริษัทเริ่มดำเนินการพัฒนาและบริหารพื้นที่ในรูปแบบศูนย์การค้าชุมชนแห่งแรก ในโครงการ “The Jas วังหิน” ซึ่งตั้งอยู่บน ถ.ลาดพร้าว-วังหิน เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ โดยมีขนาดพื้นที่โครงการทั้งหมด 5 ไร่ 2 งาน 20 ตารางวา และมีพื้นที่ให้เช่าทั้งหมด ประมาณ 5,750 ตร.ม. (หากไม่รวมพื้นที่ลานโปรโมชั่นและพื้นที่ในลักษณะoutdoor จะเหลือพื้นที่เช่า 4,970 ตร.ม.) โดยมีผู้เช่าหลัก ได้แก่ Tops Market, Starbucks, Zen, MK Restaurant ซึ่งโครงการดังกล่าวบริษัทเป็นเจ้าของที่ดินสำหรับพัฒนาศูนย์การค้าชุมชนเอง และเปิดให้บริการตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2557 จนล่าสุดบริษัทฯ ได้ขยายการลงทุน สาขาที่ 2 The Jas รามอินทรา ซึ่งตั้งอยู่ที่ ถ.ลาดปลาเค้า เขตบางเขน กรุงเทพฯ
สำหรับเป้าหมาย ปัจจุบันบริษัทมีพื้นที่เช่ารวมทั้งสิ้นมากกว่า 20,000 ตร.ม. มีสาขารวมทั้ง 3 ธุรกิจอยู่ที่ 49 สาขา โดยบริษัทมีเป้าหมายในการขยายจำนวนพื้นที่เช่าทั้ง 3 รูปแบบ (IT Junction, J Market และ The Jas) ให้มากกว่า 100 สาขา ภายใน 5 ปี (ภายในปี 2562) โดยมีวิสัยทัศน์ “มุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านการบริหารจัดการพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้า และเป็นนักพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อชุมชนที่น่าอยู่ยิ่งขึ้น”
ด้านรายละเอียด จุดเด่น The Jas รามอินทรา ตั้งอยู่บริเวณ รามอินทรา กม.2 ลาดปลาเค้า บนที่ดินกว่า 9 ไร่ ใช้พื้นที่ก่อสร้างรวม 28,000 ตารางเมตร พื้นที่ขายกว่า 12,000 ตารางเมตร และที่จอดรถกว่า 350 คัน (ใหญ่กว่าสาขาวังหินประมาณ 1 เท่าตัว) รองรับกำลังซื้อคนในโซนนี้และผู้สัญจรผ่านไปมา โดยกลุ่มเป้าหมายหลัก อยู่ในระดับกลาง-บน เพราะมีทั้งบ้านเดี่ยวราคาตั้งแต่ยูนิตละกว่า 10 ล้านบาท รวมถึงทาวน์โฮม, คอนโดมิเนียมเกิดใหม่มากมายเกินกว่าสิบโครงการฯ ปัจจุบันมีผู้จองพื้นที่แล้วกว่า 95% และมั่นใจว่าจะปิดการขายเต็มพื้นที่ทั้งโครงการ 100% ภายในสิ้นปี 2558
The Jas รามอินทรา เป็นศูนย์การค้าแบบเปิด มีที่จอดรถสะดวกสบายกว่า 350 คัน มีร้านค้า แบรนด์ดัง ที่สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์กลุ่มเป้าหมายอย่างครบถ้วน โดยมีทั้งร้านอาหาร , ซุปเปอร์มาร์เก็ต , ฟิตเนส , โซนบิวตี้ , โซนเอ็ดดูเคชั่น และบริการด้านต่างๆ อาทิ Starbucks , Maxvalue , Swensens ,ธนาคารกรุงเทพ, Wine connection, MoMo Paradise , Santafe , Mk , Yayoi , Domino Pizza , Chairman by Chafman , ไก่ย่างพระราม 9 เป็นต้น
ผู้พัฒนาโครงการ บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) เริ่มดำเนินธุรกิจตั้งแต่ปี 2543 จากการเป็นหน่วยงานหนึ่งใน บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) ซึ่งในขณะนั้นเจมาร์ทได้ขยายธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้าโดยเริ่มเช่าพื้นที่ในส่วนโทรศัพท์เคลื่อนที่และสินค้าเทคโนโลยีในศูนย์การค้าบิ๊กซี จังหวัดนครปฐม เป็นแห่งแรก ภายใต้ชื่อ “IT Junction” ต่อมาธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าดังกล่าวได้ขยายตัวและเติบโตจนเป็นธุรกิจหลักของบริษัท ต่อมาในปี 2555 และปี 2557 บริษัทได้ขยายธุรกิจไปสู่การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในรูปแบบตลาดชุมชนและศูนย์การค้าชุมชน ตามลำดับ