เมื่อสองแบรนด์ผู้นำตลาดอย่างโค้กและเป๊ปซี่ต่างก็มีความ
เข้มแข็งในด้านอัตลักษณ์ของสีที่สร้างให้ผู้บริโภคจดจำได้
ผู้ท้าชิงอย่างบิ๊กโคล่าจึงจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์การตลาด
ใหม่ในการสลัดภาพเดิมๆออกเพื่อสร้างแบรนด์อีกมุมให้
คนจดจำได้มากกว่า Low Cost Cola
กลยุทธ์ Color Marketing จึงถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือ
ทางการตลาดตัวหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว
จากเดิมเมื่อแรกเข้าตลาด บิ๊กโคล่าใช้ฉลากสีแดงและฝา
ขวดสีขาวเป็นหลัก ซึ่งใกล้เคียงกับสีของคู่แข่งอย่างโค้ก
อย่างมาก ยุคที่สองบิ๊กโคล่าเริ่มเปลี่ยนมาใช้สลากสีแดง-ดำ
และเริ่มนำสีเหลืองเข้ามาใช้ที่ฝาขวด เพื่อสร้างจุดเด่นและ
ความแตกต่างให้ขยับออกมาอีกนิด แต่ยังเกาะธีมเดิมเป็น
หลักไว้
จนปัจจุบันที่อาเจ กรุ๊ป ลุกขึ้นมาแต่งตัวให้กับแบรนด์
บิ๊กโคล่าครั้งใหญ่ ด้วยการสลัดคราบสีแดงออกไปจนหมด
สิ้นหันมาใช้ฉลากสีเหลืองเต็มตัวซึ่งแตกต่างจากแบรนด์
น้ำอัดลมอื่นๆอย่างชัดเจน โดยใช้ฝาสีเหลืองเช่นกัน จึงมี
ความเด่นชัดและแตกต่างกับคู่แข่งขันอื่นๆบนเชลฟ์อย่าง
เห็นได้ชัด
“บิ๊กโคล่า” โฉมใหม่ ที่ปรับเปลี่ยนทั้งรูปทรง ขวดใหม่ ฉลาก
ใหม่ ฝาใหม่ ถือเป็นการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับแบรนด์
ด้วยการดีไซน์รูปทรงขวดให้ดูทันสมัยขึ้น โค้งมนจับถนัดมือ
พร้อมลายนูนโลโก้ BIG อันเป็นเอกลักษณ์ที่ตัวขวด
นอกจากนี้ ได้นำสีเหลืองมาสร้างการจดจำและเสริมความ
เป็นเอกภาพทั้งที่ฉลากและฝาขวดใหม่ พร้อมเลื่อนตำแหน่ง
ของฉลากให้มาอยู่ด้านบน ที่จะมาสร้างความโดดเด่นชวน
สะดุดตา และยังเข้าถึงคนไทยมากเข้าไปด้วยการเพิ่มฉลาก
ภาษาไทยเข้าไปอีกด้วย
โซเรน เลาริดเซน ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชีย บริษัท
อาเจ กรุ๊ป และกรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท
อาเจไทย กล่าวว่า การปรับเปลี่ยนครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นการ
พลิกโฉมครั้งยิ่งใหญ่ที่ดำเนินภายใต้แนวคิด “คิดให้ใหญ่...
ไปให้สุด” ซึ่งเป็นแนวคิดหลักของแบรนด์”
ซึ่งที่จริงถ้าติดตามดูการเปลี่ยนแปลงของสลากข้างขวด ,
โฆษณา หรืออีเว้นท์ต่างๆ ในช่วง 2-3 ปี จะเห็นว่าบิ๊กโคล่า
พยายามอย่างยิ่งที่จะใช้สีเหลืองเข้ามาเป็นทั้งธีมหลักหรือ
ธีมสอดแทรกลงไปทุกเมื่อ เมื่อมีโอกาส นัยว่าเป็นการสร้าง
ความคุ้นตาให้กับผู้บริโภคอยู่เรื่อยๆ
สนับสนุนโดย
นิตยสารแมกเก็ตติ้ง (Magketing)
สามารถดาวน์โหลดนิตยสารฉบับเต็ม...ฟรี...ได้ที่
http://www.ebooks.in.th/ebook/41656/magketing_vol16/