หน้า: 1

ชนิดกระทู้ ผู้เขียน กระทู้: เศรษฐกิจไทยตก ดร.วิรไทอย่าโทษเศรษฐกิจโลก  (อ่าน 69 ครั้ง)
add
เรทกระทู้
« เมื่อ: 3 เม.ย. 19, 10:18 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
Send E-mail

แบ่งปันกระทู้นี้ให้เพื่อนคุณอ่านไหมคะ?

ปิดปิด
 

ตามที่ ดร.วิรไทกล่าวว่าเศรษฐกิจไทยตกต่ำในปี 2562 เพราะตามเศรษฐกิจโลกนั้น ดร.โสภณ "มองต่างมุม" ว่าเศรษฐกิจโลกยังไม่มีปัญหา และที่สำคัญเศรษฐกิจอาเซียนยังแข็งแกร่ง ไทยไปไม่เป็นเอง

ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) กล่าวถึงข่าวที่ ดร.วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า "ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา ธปท.ได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยลง จากที่คาดไว้เดิมที่ 4% เหลือ 3.8% (ในปี 2562) มีสาเหตุมาจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยให้ชะลอตัวตาม แต่สำหรับปัจจัยในประเทศ เชื่อว่าพื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่ดี ยังมีการขยายตัวที่ดีของการบริโภคภาคเอกชน มีแนวโน้มการลงทุนเพิ่มขึ้นทั้งจากนักลงทุนไทยและต่างประเทศ รวมทั้งการท่องเที่ยวที่ขยายตัวดี จึงเป็นแรงส่งให้ 3 เดือนต่อจากนี้ไปให้เศรษฐกิจไทยยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง ระหว่างรอการจัดตั้งรัฐบาลใหม่" (https://bit.ly/2HPZ4gd)

ทั้งนี้ปรากฏว่าเศรษฐกิจโลกยังค่อนข้างแข็งแกร่ง โดย IMF คาดการณ์ว่าอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจโลกปี 2561 และ ปี 2562 ลดลงจาก 3.17% โดยลดลงเล็กน้อยเหลือ 3.08% ( ไม่ได้ลดลงมากมายจนส่งผลกระทบต่อไทยมากนัก (USDA: https://bit.ly/2OH65jH) โดยประเทศในภูมิภาคอาเซียน อันได้แก่ กัมพูชา ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย เมียนมา เวียดนาม อินโดนีเซีย ต่างมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูงกว่าไทยทั้งสิ้น ทั้งนี้ เมียนมา เวียดนาม และอินโดนีเซียมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2562 สูงกว่าปี 2561 เสียอีก


ที่มา: USDA: https://bit.ly/2OH65jH
ส่วน IMF คาดการณ์ไว้ว่าเศรษฐกิจโลกคงยังไม่เปลี่ยนแปลงในช่วงปี 2561-2653 (3.7% เช่นเดิม) แต่เศรษฐกิจไทยจะปรับลดลงในขณะที่เศรษฐกิจบรูไน ลาว เมียนมา ฟิลิปปินส์ ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นในปี 2562 นี้ เศรษฐกิจไทยปรับลดลงไปตามกลไกของรัฐบาลเอง การกระตุ้นเศรษฐกิจจึงอาจไม่ได้ผลเท่าที่ควร

ที่มา: IMF https://bit.ly/2I4qNc9

เศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวคงมาจากการ "แจก" เงินซึ่งไม่ใช่ทางออกที่ยั่งยืนของประเทศ แต่คงเป็นเหตุผลทางการเมืองมากกว่า อย่างไรก็ตามอภิมหาเศรษฐี 50 อันดับแรกนี้ มีสินทรัพย์รวม กัน 5,092,319 ล้านบาท หรือมากกว่างบประมาณแผ่นดินไทยที่ 3 ล้านล้านบาทถึง 70% หรือเกือบเท่าตัว ทรัพย์สินของ 50 อภิมหาเศรษฐีนี้เพิ่มจาก 876,585 ล้านบาทเมื่อ 10 ปีก่อน หรือรวยเพิ่มขึ้น 6 เท่าโดยเฉลี่ย ปีหนึ่งรวยขึ้นประมาณ 19% สิ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งก็คือว่าทำไมรวยเอาๆ ได้ขนาดนี้ เมื่อเทียบกับรายได้ของประชากรในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา เฉพาะกรุงเทพมหานคร ครัวเรือนไทยมีรายได้เพิ่มขึ้น 17% หรือเพียง 1.6% ต่อปี (https://bit.ly/2foScXj) เท่านั้น ถ้าเป็นตัวเลขทั่วประเทศ คงมีรายได้เพิ่มน้อยกว่านี้

การที่อภิมหาเศรษฐีรวยเร็วขนาดนี้ แสดงถึงอาการ "รวยกระจุก จนกระจาย" อย่างชัดเจน (https://bit.ly/2BSCtuu​)
ที่มา : https://bit.ly/2CJIESj



noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า

กระทู้ฮอตในรอบ 7 วัน

Tags:
Tags:  

หน้า: 1

 
ตอบ

ชื่อ:
 
แชร์ไป Facebook ด้วย
กระทู้:
ไอค่อนข้อความ:
ตัวหนาตัวเอียงตัวขีดเส้นใต้จัดย่อหน้าชิดซ้ายจัดย่อหน้ากึ่งกลางจัดย่อหน้าชิดขวา

 
 

[เพิ่มเติม]
แนบไฟล์: (แนบไฟล์เพิ่ม)
ไฟล์ที่อนุญาต: gif, jpg, jpeg
ขนาดไฟล์สูงสุดที่อนุญาต 20000000 KB : 4 ไฟล์ : ต่อความคิดเห็น
ติดตามกระทู้นี้ : ส่งไปที่อีเมลของสมาชิกสนุก
  ส่งไปที่
พิมพ์อักษรตามภาพ:
พิมพ์ตัวอักษรที่แสดงในรูปภาพ
 
:  
  • ข้อความของคุณอยู่ในกระทู้นี้
  • กระทู้ที่ถูกใส่กุญแจ
  • กระทู้ปกติ
  • กระทู้ติดหมุด
  • กระทู้น่าสนใจ (มีผู้ตอบมากกว่า 15 ครั้ง)
  • โพลล์
  • กระทู้น่าสนใจมาก (มีผู้ตอบมากกว่า 25 ครั้ง)
         
หากท่านพบเห็นการกระทำ หรือพฤติกรรมใด ๆ ที่ไม่เหมาะสม ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสื่อมเสียแก่สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รวมถึง การใช้ข้อความที่ไม่สุภาพ พฤติกรรมการหลอกลวง การเผยแพร่ภาพลามก อนาจาร หรือการกระทำใด ๆ ที่อาจก่อให้ผู้อื่น ได้รับความเสียหาย กรุณาแจ้งมาที่ แนะนำติชม