ก้าวขา… ออกจากบ้านทีหนึ่ง ความเสี่ยงในชีวิตก็เหมือนจะตามติดเราไปทุกก้าว สำหรับท่านใดที่ใช้รถยนต์ส่วนบุคคลก็คงคิดเหมือนกัน ขับรถยนต์ออกจากบ้านไปทำงาน ไปเที่ยว ไปทำธุระ เราก็อยากได้ความมั่นใจ อยากป้องกันตัวจากการอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด จากภัยธรรมชาติ เช่นน้ำท่วม แผ่นดินไหว หรือ อุบัติเหตุจากรถยนต์ชนกันเราจึงต้องมีสิ่งคุ้มครองในการเดินทางเราในแต่ละวัน สิ่งที่ช่วยคุ้มครองตามหลักกฎหมายอย่างถูกต้องเราเรียกว่า “ ประกันภัยรถยนต์ ” ซึ่งหมายถึงการบริหารความเสี่ยงรูปแบบหนึ่ง ซึ่งจะโอนความเสี่ยงภัยไปสู่บริษัทประกันภัย เมื่อเกิดความเสียหายขึ้น บริษัทประกันภัยที่เราทำไว้จะชดเชยค่าสินไหมทดแทนตามความคุ้มครองในกรมธรรม์ให้แก่ผู้เอาประกันภัย โดยผู้ที่เอาประกันภัยจะต้องเสียเบี้ยประกันภัยให้แก่กรมธรรม์ โดยเงินจำนวนนั้นหากเทียบกับความเสียหายอาจจะเล็กน้อย ซึ่งการประกันภัยจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้านการเงินได้ เราจึงควรมีประกันภัยติดรถยนต์ไว้ ซึ่งแบ่งเป็น 2 ประเภท
1.การประกันชีวิต
เป็นการประกันความสุญเสียที่เกิดขึ้นกับตัวบุคคล หรือการชดเชยเมื่อมีการเสียชีวิต หรือการทุพพลภาพ แต่ถ้ามีชีวิตอยู่เมื่อหมดประกันที่เคยส่ง ก็ยังได้รับความคุ้มครองด้วย
2.การประกันวินาศภัย
เป็นการที่ผู้ทำประกันยินยอมจ่ายค่าสินไหมทดแทน หรือชดเชยความเสียหานจากประกันภัย โดย ประกันรถ จัดอยู่ในกลุ่มนี้ และมีการประกันอัคคีภัย ทางทะเล และเบ็ดเตล็ด อีกด้วย
แค่ประกันอย่างเดียวอาจจะยังไม่พอ เราต้องมีการคุ้มครองจากกรมขนส่งทางบกที่เราต้องใช้รถใช้ถนนกันทุกวันด้วย
พรบ . หมายถึงพระราชบัญญัติ คุ้มครองผู้ประสบภัยทางรถยนต์ที่กำหนดไว้ในปี พ.ศ. 2535 ที่กำหนดให้รถยนต์ที่ได้จดทะเบียนกับกรมขนส่งทางบกต้องมีประกันภัย เพื่อคุ้มครองแก่ผู้ประสบอุบัติเหตุจากการใช้รถในทุกกรณีโดยบ่งค่าชดเชยออกเป็น 2 ค่าเสียหายเบื้องต้นและค่าสินไหมทดแทน
พอเราได้ได้รู้ว่าทำไมต้องมีประกัน และ พ.ร.บ. เราอาจจะต้องมานั่งคิดหนักอีกว่าจะซื้อ ประกันรถชั้น 1 ที่ไหนดี อะไรดีนะ ไม่มีความรู้เลย ถ้าซื้อแพงแต่ประกันจะดีหรอ หรือซื้อถูกกว่าจะคุ้มไหม จะได้ ประกันรถ ที่ถูกกว่า บริการคุณภาพดี แถมต่อ พ.ร.บ ให้ด้วยได้ที่ไหน แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว วันนี้จะมาเสนอประกันแต่ละชั้น ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไง เพื่อประกอบการตัดสินใจของทุกคน ไปเริ่มกันเลย
ประกันภัยชั้น 1
-สำหรับบุคคลภายนอก จะสามารถคุ้มครองในกรณีบาดเจ็บและเสียชีวิต และชดเชยค่าซ่อมแซม
-สำหรับตัวคนขับ สามารถคุ้มครองในกรณีบาดเจ็บและเสียชีวิตเหมือนกัน อีกทั้งยังสามารถชดเชยค่าซ่อมแซมจากอุบัติเหตุที่ชนเองก็ได้
ประกันภัยชั้น 2
-สำหรับบุคคลภายนอก คุ้มครองเหมือนประกันชั้น 1
-สำหรับตัวคนขับ ในส่วนค่าซ่อมแซมจะชดเชยในกรณีที่โจรกรรม อุบัติเหตุทางธรรมชาติ แต่ไม่รับผิดชอบส่วนที่ชนเอง
ประกันภัยชั้น 2+
-มีความคุ้มครองเหมือน ชั้น 2 แต่เพิ่มกรณีคุ้มครองตัวผู้ขับไปชนคู่กรณีเท่านั้น
ประกันชั้น 3
-สำหรับบุคคลภายนอก จะคุ้มครองเหมือนประกันภัยชั้น 1
-สำหรับตัวคนขับ จะคุ้มครองเฉพาะการบาดเจ็บและเสียชีวิตแต่ไม่มีการคุ้มครองตัวรถ
ประกันภัยชั้น 3+
-เหมือน ประกัน ชั้น 3 แต่เพิ่มความคุ้มครองรถของตัวผู้ขับ กรณีที่ไปชนแบบมีคู่กรณี
ประกันภัยชั้น 4 ไม่เป็นที่นิยมเพราะคุ้มครองแค่รถของคู่กรณี ไม่มีการคุ้มครองของผู้ขับและตัวคู่กรณี
เห็นแบบนี้ประกันภัยชั้น 1 น่าจะมีความปลอดภัย ครอบคลุม มากที่สุด ดังนั้นควรหาบริษัทประกันภัยที่น่าเชื่อถือกันด้วยนะ..