หลังจากเริ่มสื่อสารข้อมูลและรายละเอียดบางส่วนเกี่ยวกับรถยนต์เจเนอเรชั่นใหม่ รวมถึงการปล่อยคอลัมน์ทดสอบของสื่อมวลชนสายรถยนต์สู่สายตาของสาธารณชน และมีการจองซื้อเข้ามามากกว่า 1,500 คัน ในระยะเวลา 12 วัน New Mazda 3 รุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ รุ่น 2.0 SP หรือรุ่นท็อป ราคา 1,198,000 บาท โดยทำยอดจองมากกว่า 70% เป็นสัดส่วน 50:50 ระหว่าง Sedan 4 ประตู และ Fastback 5 ประตู
จุดเด่นของ Mazda 3 รุ่นใหม่ล่าสุดก็คือ งานออกแบบภายนอกและการตกแต่งภายในที่ฉีกหนีความซ้ำซากจำเจไปสู่การปฏิวัติด้านเรือนร่างและอุปกรณ์ จุดเด่นแรกก็คือ
-รูปทรงของตัวรถทั้งแบบ 5 ประตู และ 4 ประตู
Mazda 3 รุ่นใหม่ออกแบบได้อย่างสวยงามไร้ที่ติ ไล่เรียงจากไฟหน้าใหม่ กระจังหน้าแบบใหม่ที่เต็มไปด้วยรายละเอียดและกันชนหน้าที่ค่อนข้างลงตัว ฝาท้ายของรุ่นแฮตช์แบคที่สอดประสานไปกับความโค้งของกระจกบานหลัง ไฟท้ายของทั้งสองรุ่นคล้ายกับไฟท้ายในรถ Alfa Romeo รุ่นใหม่ จากงานออกแบบที่ให้มุมมองคล้ายกับรถยุโรป เป็นรถที่มีดีไซน์ภายนอกเฉียบคมและสามารถเอาไปแต่งเพิ่มความดุได้ตามใจชอบ
-ช่วงล่าง
ระบบรองรับของ New Mazda 3 เน้นความหนึบแน่น อาจแข็งมากกว่าคู่แข่ง แต่ช่วงล่างซึ่งเป็นเลือดของ Mazda ใน 3 รุ่นใหม่กลับให้อารมณ์สปอร์ตมากกว่าเดิม ปรับเซ็ตมาสำหรับการขับใช้งานในชีวิตประจำวัน และสอดรับกับการทำความเร็ว
-พวงมาลัยไฟฟ้า
แม้จะมีน้ำหนักมากกว่ารุ่นที่ผ่านมา แต่ให้ความมั่นคงแม่นยำในย่านความเร็วสูง ขับแล้วมั่นใจไปพร้อมๆ กับระบบรองรับ พวงมาลัยไฟฟ้าของ Mazda 3 ยังแปรผันน้ำหนักไปตามความเร็ว ซึ่งช่วยทำให้การควบคุมง่ายดายขึ้นไม่ว่าจะขับช้าหรือเร็ว
-การเก็บเสียงในห้องโดยสาร
จุดเด่นที่เหนือกว่ารถคู่แข่งก็คือการมีห้องโดยสารที่ถูกปิดผลึกมาเป็นอย่างดีเพื่อลดเสียงแปลกปลอมจากภายนอก มาตรการเก็บเสียงที่ถูกใส่ใจในรายละเอียดส่งถ่ายออกมาในรถ Mazda 3 รวมไปถึงยางติดรถก็ยังเน้นความเงียบมากเป็นพิเศษเนื่องจากเลือกใช้ยางนุ่มเงียบ Yokohama db แม้จะมีล้อขอบ 18 นิ้ว แต่ขนาดของยางแค่ 215/45R18 ทำให้เสียงการทำงานของยางลดลงไปมาก แม้ยางเงียบจะมีกริ้บที่เป็นรองยางสปอร์ต แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาก็คือความเงียบและเสียงการทำงานของยางขณะบดลงไปบนผิวถนนลดลงอย่างเห็นได้ชัด เสียงลมบริเวณกระจกประตูน้อยลง มีแค่เสียงลมที่ซุ้มล้อหลังซึ่งก็ต้องขับกันเร็วมากถึงจะได้ยิน ในย่านความเร็ว 110-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เจ้า 3 ใหม่วิ่งได้เงียบมากที่สุดเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง New Corolla Altis และ Honda Civic
-ห้องโดยสาร
จุดเด่นที่เหนือชั้นของ New Mazda 3 ก็คือการมีห้องโดยสารที่คล้ายรถยุโรปจากการออกแบบและการเลือกใช้วัสดุตกแต่งภายใน งานดีไซน์ที่แตกต่างจากรถญี่ปุ่นแบรนด์คู่แข่งอย่างชัดเจน จากความกล้าที่จะใช้ของดีมีคุณภาพในด้านการเลือกวัสดุ เบาะ แดชบอร์ด คอนโซล มาตรวัด ซุ้มเกียร์ จอภาพ และแผงประตู ใช้วัสดุที่ดูดีมีราคามากกว่าพลาสติกเกรดต่ำในรถยนต์คู่แข่ง แนวคิดการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างรถกับคนขับ ทุกแง่มุมของแดชบอร์ดถูกวางไว้ในแนวนอนแบบสมมาตร อุปกรณ์ทุกอย่างออกแบบเพื่อทำให้คนขับเป็นจุดศูนย์กลางของการใช้งานอุปกรณ์นั้นๆ องค์ประกอบทุกชิ้นภายในห้องโดยสารถูกปรับปรุงเพื่อให้ตรงกับคนขับและช่วยเน้นแกนขับเคลื่อนของคนขับไปที่ศูนย์กลาง
-จอมอนิเตอร์กลางที่คล้ายกับจอภาพของรถ BMW Series-3
-ปุ่มควบคุมส่วนกลางที่สั่งงานจอภาพ หรือ control panel
ออกแบบคล้ายกับปุ่ม Audi MMI หรือ multimedia interface ซึ่ง Mazda เรียกว่าปุ่มควบคุมหน้าจอ Center Commander มีแค่ Mazda แบรนด์เดียวเท่านั้นในกลุ่มยานยนต์ c segment ที่ให้ปุ่มแบบนี้มาใช้งาน สวิตช์ 5 ทิศทางที่ใช้ควบคุมสั่งงานจอภาพ เลือกเมนูและปรับตั้งระบบต่างๆ ทำให้ไม่ต้องเอื้อมมือไปแตะที่จอภาพ
-แผงหน้าปัดมาตรวัดดิจิตอล TFT LCD
สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลข้อมูล มาตรวัดคมชัดอ่านค่าได้ง่ายและมีรูปแบบที่คล้ายกับรถสปอร์ต
-ระบบเสียงจาก Bose พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่งรอบห้องโดยสาร
สำหรับคนชอบฟังเพลง การขับรถพร้อมฟังเพลงโปรดสร้างความรื่นเริงลดความเครียดจากการขับรถต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ เช่นการขับออกทางไกล คุณภาพเสียงจากลำโพง Bose แบบ Real Acoustic ที่จัดวางรอบๆ ห้องโดยสารมากถึง 12 ดอกให้มิติของการฟังอยู่ในเกณฑ์ดีเมื่อเทียบกับราคาค่าตัว เป็นชุดเครื่องเสียงที่ดีที่สุดในรถยนต์ราคา 1.1 ล้านบาท
-ระบบความปลอดภัย
I-ACTIVSENSE ใน New Mazda 3 มาครบทุกองคาพยพเพื่อช่วยยกระดับความปลอดภัยในการใช้รถ เช่น เซนเซอร์กะระยะช่วยจอดด้านหน้า 4 ตำแหน่ง เซนเซอร์กะระยะช่วยจอดด้านหลัง 6 ตำแหน่ง กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา กุญแจ Immobilizer สัญญาณกันขโมย Burglar Alarm ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง คู่หน้า 2 ตำแหน่ง ด้านข้าง 2 ตำแหน่ง ม่านนิรภัย 2 ตำแหน่ง ถุงลมหัวเข่าคนขับ 1 ตำแหน่ง
สำหรับระบบความปลอดภัยหลักๆ นอกจากระบบเบรกป้องกันล้อล็อก การเฉลี่ยและเสริมแรงเบรกแล้ว New Mazda 3 ยังมาพร้อมกับ
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (DSC)
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และลื่นไถล (TCS)
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HLA)
ระบบไฟหน้า Adaptive LED Headlamps (ALH) ยกหรือลดไฟสูงแบบอัตโนมัติ
ระบบแจ้งเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกช่องจราจร (LDWS)
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องจราจร (LAS)
ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติด้านหน้า (SCBS)
ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติด้านหลัง (SCBS-R)
ระบบช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (DAA)
ระบบเตือนเมื่อมีรถในมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (ABSM)
ระบบเตือนเมื่อมีรถในมุมอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA)
ระบบเตือนการชนด้านหน้า และช่วยเบรก (SBS)
ระบบควบคุมความเร็ว และพวงมาลัยตามรถคันหน้า (Cruising & Traffic Support : CTS)
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Mazda Radar Cruise Control : MRCC)
ระบบควบคุมแรงบิดขณะเข้าโค้ง G-Vectoring Control แบบ PLUS
ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อเบรกกะทันหัน (ESS)
แม้เครื่องยนต์และเกียร์ยังใช้ของเดิมแต่มีการปรับแรงม้าให้มากกว่ารุ่นเก่านิดหน่อย อัตราสิ้นเปลืองดีขึ้นเล็กน้อย จากที่เคลมมาว่าสามารถทำอัตราสิ้นเปลืองได้ประมาณ 15 กิโลเมตรต่อลิตร เมื่อลองวิ่งจริงขับทดสอบในจังหวัดพังงา New Mazda 3 ตัวถัง Fastback 5 ประตู ทำได้ 12 กิโลเมตรต่อลิตรบนเส้นทางภูเขา ถือว่าใช้ได้ ไม่ได้ประหยัดมากนักแต่ก็ไม่ได้ซดดุเดือดจนทำให้รู้สึกแย่ เครื่องยนต์ไม่ได้เน้นแรงบิด แต่ปรับย่านของกำลังให้ขับสนุกและเข้ากับคาแรกเตอร์ของรถ เป็นยานยนต์รุ่นใหม่ของ Mazda ที่มีความสวยงามน่าใช้งาน โดยเฉพาะการตกแต่งภายในนั้นกินขาดทุกแบรนด์
ที่มา https://www.thairath.co.th/news/auto/news/1672343