นับเป็นปีแห่งความสำเร็จของ กลุ่มบริษัท ภายใต้การนำของ “อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ โชว์ศักยภาพการพัฒนาธุรกิจในฐานะครอบครัวคนไทยผู้บุกเบิกร้านค้าปลอดอากร (duty free) เมืองไทย ร้านค้าปลีกการท่องเที่ยวสนับสนุนส่งเสริมการเดินทางอย่างไม่มีวันสิ้นสุด โดยปลุกพลังเราเชื่อว่าคนไทยทำได้ไม่แพ้ชาติใดในโลก
สามารถนำกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ คว้าชัยชนะได้ทั้งหมดในโครงการประกอบกิจการจำหน่ายร้านค้าดิวตี้ฟรี 5 สนามบินของ ทอท. สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ หาดใหญ่ และยังได้ขยายการลงทุนครั้งใหญ่ในเลสเตอร์ ซิตี้ ควบคู่กันไปด้วย โดยได้ก้าวข้ามผ่านความท้าทายในปี 2562 อย่างน่าสนใจ ดังนี้
ความท้าทายครั้งแรก ในรอบปี 2562 ของ “กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์” ล้วนต้องเผชิญความกดดันอันดุเดือดมากที่สุดรอบด้าน โดยเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมาระหว่างพฤษภาคม-มิถุนายน 2562 คือ การลงสนามแข่งขันประมูล “โครงการประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากรและพื้นที่เชิงพาณิชย์” ของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” เพื่อชิงสัญญาฉบับใหม่ 10 ปี 6 เดือน จะเริ่มระหว่าง 28 กันยายน 2563 -31 มีนาคม 2574 ต้องเสนอชื่อเข้าประมูลโครงการในเวลาไล่เลี่ยกันรวมถึง 4 สนามบิน ได้แก่ สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นธุรกิจเรือธงหลัก และสนามบินภูมิภาค 3 แห่ง คือ สนามบินภูเก็ต สนามบินเชียงใหม่ และสนามบินหาดใหญ่
กระทั่งวันที่ 19 มิถุนายน 2562 ผู้บริหารกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ทุกคนต่างก็โล่งใจไปตามๆ กัน เมื่อคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท. มีมติประกาศผลการแข่งขัน โดยให้ บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด ชนะคู่แข่งแบบขาดลอยทุกสัมปทาน ทั้งโครงการกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากรสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเสนอจ่ายผลตอบแทนมูลค่าสูงสุดปีละ 15,419 ล้านบาท และพื้นที่เชิงพาณิชย์จ่ายผลตอบแทนขั้นต่ำมูลค่ามากสุดปีละ 5,798 ล้านบาท สูงกว่าเดิมเกินกว่า 1 เท่า
ขณะที่ “โครงการประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากรภูมิภาค 3 สนามบิน” ได้แก่ ภูเก็ต หาดใหญ่ เชียงใหม่ บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด ก็ชนะขาดเช่นกัน โดยเสนอจ่ายผลตอบแทนมูลค่ารวมขั้นต่ำปีละ 2,331 ล้านบาท สูงกว่าเดิมปี 2562 จ่าย ทอท.ประมาณ 1,000 ล้านบาท และสูงกว่าคู่แข่งเกิน 1,000 ล้านบาท
นอกจากกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จะพิสูจน์ความเป็นมืออาชีพในฐานะผู้นำการทำธุรกิจดิวตี้ฟรีให้คนไทยทั้งประเทศเห็นฝีมือแล้ว ยังถือเป็นผู้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้ ทอท.ในเรื่อง “จุดเปลี่ยนรายได้” นับจากปี 2564 เป็นต้นไป ทอท.จะพลิกโฉมรายได้ใหม่สู่เชิงพาณิชย์ (Non Aero) แบบครบวงจร แทนของเดิมได้จากการบิน (Aero) เป็นหลักมาตลอดกว่า 40 ปี
ดร.นิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.ออกมายืนยันทันทีว่า เมื่อ ทอท.รับรู้รายได้ใหม่ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป เฉพาะรายได้จากสัมปทานของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ทั้ง 4 สนามบิน มีมูลค่ารวมประมาณปีละ 23,548 ล้านบาท จะเป็นแรงผลักดันให้ ทอท.สามารถทำกำไรทะยานได้ถึงปีละเกือบ 50,000 ล้านบาท
เป็นการตอกย้ำพลังที่ว่า “เราเชื่อ” คนไทยทำได้ไม่แพ้ชาติใดในโลก
ความท้าทายครั้งที่ 2 เป็นของขวัญส่งท้ายปี ในวันที่ 23 ธันวาคม 2562 “บอร์ด ทอท.” เตรียมชี้ขาดตัวเลขการเสนอจ่ายผลตอบแทนรายได้ “โครงการประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากรสนามบินดอนเมือง ในอาคารระหว่างประเทศหลังที่ 1 พื้นที่รวม 1,884 ตรม.”
ล่าสุดนายประสงค์ พูนธเนศ ประธานกรรมการ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหชน) “ทอท.” ประธานประชุมคณะกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” เมื่อวันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม 2562 มีมติอนุมัติผลการคัดเลือกการให้สิทธิประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง ให้ บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด เป็นผู้ได้รับสิทธิประกอบกิจการดิวตี้ฟรีดอนเมืองเรียบร้อยแล้วเป็นเวลา 10 ปี 6 เดือน ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2565 – 31 มีนาคม 2576 ด้วยการเสนอค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำรายปี (Minimum Guarantee) ปีแรกกว่า 1,500 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) สูงกว่าประมาณการรายได้ที่ ทอท.คาดการณ์ว่าจะได้รับในปีสุดท้าย และสูงกว่าราคาที่ ทอท.คาดหวังไว้ และเตรียมลงนามในสัญญากับบริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด ภายในเดือนมกราคม 2563
โครงการระกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากรสนามบินดอนเมือง นั้น บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี ได้ยื่นเป็นรายแรกตั้งแต่ ทอท.ออกประกาศเชิญชวนคัดเลือกผู้ประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากรสนามบินดอนเมือง ช่วงวันที่ 24 ตุลาคม – 8 พฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมา