เชื่อว่าใครหลายคนคงอยากมีบ้านสักหลังเป็นของตัวเอง ซึ่งหากจะเก็บหอมรอมริบให้ได้จำนวนเงินที่ต้องการนั้น อาจจะใช้เวลาทั้งชีวิตเลยทีเดียว และด้วยจำนวนเงินที่มากมายขนาดนั้น อาจทำให้เราท้อแท้กับการซื้อบ้านก็เป็นได้ แต่ยังมีอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่อยากมีบ้าน แต่ต้องการจ่ายแบบผ่อนระยะยาว นั้นก็คือการขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยนั่นเอง จะทำให้เรามีบ้านหรือที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองได้ โดยการขอสินเชื่อกับทางธนาคารหรือสถาบันการเงินต่างๆ แล้วผ่อนจ่ายบ้าน หรือ ผ่อนคอนโด กับทางสถาบันการเงินนั้น ซึ่งมีสิ่งจำเป็นที่ต้องรู้ ก่อนจะกู้เงินไปซื้อบ้านดังต่อไปนี้
1.สินเชื่อบ้าน
สินเชื่อบ้านหรือสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย คือ เงินกู้ที่ธนาคารหรือสถาบันทางการเงินอนุมัติให้ซื้อหรือสร้างบ้าน คอนโด ทาวโฮม ทาวเฮ้าส์ รวมทั้งอาคารพาณิชย์ โดยผู้ขอสินเชื่อจะมีวงเงินที่ได้ธนาคารประเมินให้มา ซึ่งต้องชำระคืนทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย หรือส่วนที่กู้ไปกับส่วนที่ธนาคารคิดเพิ่ม เพื่อเป็นค่าตอบแทนระหว่างการกู้ ซึ่งผ่อนจ่ายคืนเป็นงวดๆ ระยะเวลางวดละ 1 เดือน ซึ่งอาจยาวนานถึง 10 หรือ 40 ปีเลยทีเดียว ซึ่งมีสิ่งค้ำประกันคือที่อยู่อาศัยที่ขอกู้มาสร้างนั่นเอง
2.ผลิตภัณฑ์สินเชื่อ
ในข้อนี้เราจำเป็นต้องหาข้อมูลจากธนาคารและสถาบันการเงินหลายๆ ที่มาเปรียบเทียบกัน เพราะแต่ละที่นั้นจะมีเงื่อนไข โปรโมชั่น อัตราดอกเบี้ย และการลดหย่อนค่าธรรมเนียมที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งเราต้องหาข้อมูลว่าแต่ละที่แตกต่างกันอย่างไร ที่ไหนเหมาะกับเรา นอกจากนี้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยยังแบ่งได้เป็นอีกหลายประเภท ซึ่งได้แก่ สินเชื่อเพื่อซื้อบ้าน สินเชื่อเพื่อต่อเติมที่อยู่อาศัย สินเชื่อเพื่อซ่อมแซมบ้าน สินเชื่อเพื่อตกแต่งบ้าน สินเชื่อเพื่อซื้อเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งต้องเลือกประเภทสินเชื่อให้ตรงกับจุดประสงค์ของเรามากที่สุด
3.สถานะทางการเงิน
การกู้เงินซื้อบ้านต้องมีเงินดาวน์หรือเงินวางมัดจำ เป็นเงินก้อนจำนวนหนึ่ง จึงต้องแยกเก็บเงินส่วนนี้ไว้ต่างหาก และยังต้องคำนวณรายได้ในแต่ละเดือนด้วยว่ามีจำนวนเท่าไหร่ มีกำลังพอที่จะผ่อนจ่ายหลังจากอนุมัติสินเชื่อผ่านหรือไม่ รวมทั้งรายได้ที่ไม่แน่นอน ซึ่งได้เป็นครั้งคราว สามารถนำมาคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ย้อนหลังได้ 3-6 เดือน ซึ่งแต่ละธนาคารก็จะมีวิธีคำนวณที่แตกต่างกัน และยังต้องสำรวจหนี้สินของเราด้วยว่าเครดิตเป็นอย่างไร มีการผ่อนจ่ายชำระตรงเวลาหรือไม่ หรือมีค้างจ่ายชำระที่ไหนหลงเหลืออยู่บ้างหรือเปล่า ซึ่งบางคนอาจจะมีผ่อนจ่ายช้ากว่ากำหนด แต่ก็อย่าเพิ่งเป็นกังวลไป เพราะเราสามารถชำระหนี้ที่จ่ายช้าหรือคั่งค้างให้หมดก่อนภายใน 6-12 เดือนก่อนการกู้เงินครั้งถัดไปได้
4.ราคาบ้าน
ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกซื้อบ้านแบบไหน ของโครงการอะไร ราคาบ้านจะเป็นตัวกำหนดทั้งจำนวนเงินวางดาวน์หรือเงินมัดจำ และตัววงเงินที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินจะอนุมัติปล่อยกู้ ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะให้ปล่อยกู้ประมาณ 80-90% ของราคาประเมินหรือราคาซื้อขายของตัวบ้าน ขึ้นอยู่กับว่าราคาไหนต่ำกว่ากัน
5.ดอกเบี้ยบ้าน
ดอกเบี้ยสินเชื่อมีหลายประเภท และแตกต่างกันออกไป โดยจะมีดอกเบี้ยแบบอัตราคงที่ เป็นอัตราดอกเบี้ยที่มีความแน่นอนเท่ากันทุกเดือน ไม่ว่าธนาคารจะปรับดอกเบี้ยขึ้นหรือลง เราก็ยังต้องเสียดอกเบี้ยสินเชื่อเท่าเดิม ส่วนอีกประเภทหนึ่งคืออัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว ซึ่งจะเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ไม่แน่นอน มีการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงตามสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศขณะนั้นๆ ซึ่งไม่สามารถกำหนดจำนวนที่ตายตัวได้