#เงินกู้ฉุกเฉิน จากกรณีธนาคารออมสินเตรียมปล่อยเงินกู้ฉุกเฉิน โดยมีวงเงินกู้สูงสุด 10000บาท อัตราดอกเบี้ย 0.10% ผ่อนชำระนาน 24 เดือน ปลอดชำระเงิน 6 เดือนแรก สำหรับผู้มีอาชีพอิสระ และวงเงิน 50,000 บาท
สำหรับผูวันที่ 15 เมษายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารออมสิน ได้เปิดให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ลงทะเบียนแจ้งความจำนงเข้าร่วม “โครงการสินเชื่อฉุกเฉิน” (ผู้มีอาชีพอิสระ) และ “โครงการสินเชื่อพิเศษ” (ผู้มีรายได้ประจำ) โดยวันนี้เปิดให้ลงทะเบียนผ่านว็บไซต์ธนาคารออมสิน เป็นวันแรก
โครงการสินเชื่อฉุกเฉิน ผู้มีอาชีพอิสระ วงเงินกู้ต่อรายสูงสุด 10,000 บาท ดอกเบี้ยคงที่ 0.10% ต่อเดือน ผ่อนชำระสูงสุด 24 เดือน หรือ 2 ปี ไม่ต้องชำระเงินกู้ 6 งวดแรก มีขั้นตอนการลงทะเบียน ดังนี้
#เงินกู้ฉุกเฉิน
โครงการสินเชื่อพิเศษ สำหรับผู้มีรายได้ประจำวงเงินกู้ต่อรายสูงสุด 50,000 บาท ดอกเบี้ยคงที่ 0.35% ต่อเดือน ผ่อนชำระสูงสุด 3 ปี มีขั้นตอนการลงทะเบียน ดังนี้
#เงินกู้ฉุกเฉิน
ทั้งนี้พบว่า บรรยากาศในการลงทะเบียนวันแรก
มีผู้ใช้เฟซบุ๊กจำนวนหนึ่งเข้าไปคอมเมนต์สอบถามถึงปัญหาในการลงทะเบียน ผ่านแฟนเพจ GSB Society โดยส่วนใหญ่ระบุว่า ไม่สามารถเข้าไปลงทะเบียนได้ เนื่องจากระบบขัดข้อง เมื่อกดเข้าไปแล้วไม่สามารถกรอกข้อมูลได้เนื่องจากโหลดหน้าเว็บไซต์ไม่ขึ้น
ทั้งนี้หลังจากผ่านมาครึ่งวันแล้ว ขณะนี้มีผู้ลงทะเบียนได้แล้วจำนวนหนึ่ง ส่วนอีกจำนวนหนึ่งไม่สามารถเข้าเว็บไซต์ธนาคารออมสินได้ ดังนั้นเพื่อแก้ไขปัญหาความแออัดของผู้ที่มาลงทะเบียนธนาคารออมสินจึงได้เพิ่มช่องทางลงทะเบียนผ่านไลน์ของธนาคารออมสิน อีกช่องทางหนึ่ง ซึ่งทั้ง 2 ช่องทางนั้นจะต้องดำเนินการผ่านคอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์มือถือ และเข้าไปยังเว็บไซต์ธนาคารออมสินอย่างไรก็ตาม ขณะนี้ธนาคารออมสินกำลังรีเซตระบบใหม่ ซึ่งอีกประมาณครึ่งชั่วโมงจะสามารถดำเนินการได้ตามปกติ
ทั้งนี้สำหรับโครงการที่ธนาคารออมสินเปิดให้กู้คือ “โครงการสินเชื่อฉุกเฉิน (สําหรับผู้มีอาชีพอิสระ)” จำนวน 10,000 บาทต่อราย และ “โครงการสินเชื่อพิเศษ (สําหรับผู้มีรายได้ประจํา)” จำนวน 50,000 บาทต่อราย ที่ได้รับผกระทบจากโควิด-19
#เงินกู้ฉุกเฉิน ขณะที่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่งเปิดให้ลงทะเบียนเงินกู้ฉุกเฉินผ่านแอปพลิเคชันไลน์ BAAC Family ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ยังไม่เกิดการร้องเรียนจากผู้ที่ลงทะเบียน ซึ่งระบบยังดำเนินการได้ตามปกติ แต่อาจล่าช้าบ้างเป็นบางช่วง.นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบโครงการสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน ระยะที่ 2 ของธนาคารออมสิน วงเงิน 10,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยที่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินฉุกเฉิน ทั้งค่ารักษาพยาบาล และค่าเล่าเรียนของบุตรหลาน รวมทั้งสามารถนำไปใช้หนี้นอกระบบได้ โดยธนาคารจะปล่อยกู้ให้คนละไม่เกิน 50,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ยต่ำเพียง 0.85% ต่อเดือน คาดว่าโครงการนี้จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้มีรายได้น้อยให้ดีขึ้นประมาณ 200,000 ราย
สำหรับโครงการดังกล่าว ธนาคารออมสินจะปล่อยสินเชื่อให้ผู้มีรายได้น้อย ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและประชาชนผู้มีรายได้น้อยทั่วไป ที่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้จ่ายเงินฉุกเฉิน โดยต้องไม่เป็นการรีไฟแนนซ์หนี้ในระบบ มีระยะเวลาโครงการ 3 ปี โดยสามารถยื่นขอสินเชื่อได้ภายในวันที่ 31 มี.ค. 2563 ระยะเวลาการให้กู้ยืมไม่เกิน 5 ปี และต้องมีบุคคลค้ำประกันอย่างน้อย 1 คน หรือมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ส่วนหลักเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อจะพิจารณาความสามารถในการจ่ายหนี้จากรายได้ และค่าใช้จ่ายรวมของบุคคลในครอบครัวเป็นหลัก โดยสามารถตรวจสอบประวัติการชำระหนี้จากเครดิตบูโรได้
“ที่ผ่านมาโครงการดังกล่าวในครั้งแรก มียอดการปล่อยสินเชื่อเกือบเต็ม 100% แล้ว สามารถช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยที่ต้องการเงินไปใช้จ่ายฉุกเฉินได้จริง และตลอดระยะเวลาของโครงการก็มีสัดส่วนหนี้เสีย (เอ็นพีแอล) เพียง 0.41% เท่านั้น จึงเป็นเหตุผลที่จะต้องทำโครงการในระยะที่ 2 โดยคาดว่าจะเกิดประโยชน์อย่างมาก และที่สำคัญยังช่วยแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบได้อย่างมาก เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยของหนี้นอกระบบกับดอกเบี้ยของสินเชื่อโครงการนี้ มีสัดส่วนที่ต่างกันหลายเท่า”
ทั้งนี้ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ให้ความเห็นว่า ในการอนุมัติสินเชื่อให้ผู้มีรายได้น้อยที่เข้าร่วมโครงการควรทำด้วยความรอบคอบ เพื่อ ป้องกันไม่ให้เกิดการซ้ำซ้อนในการดำเนินงาน และป้องกันการเกิดปัญหาเอ็นพีแอลในระบบ โดยเสนอให้ธนาคาร ควรพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ ให้กับผู้ที่มีรายได้น้อยที่ยังไม่เคยเข้าร่วมโครงการในระยะที่ 1 เป็นลำดับแรก เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม
ส่วนการดำเนินการอย่างจริงจังกับเจ้าหนี้นอกระบบที่กระทำผิดกฎหมายนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติยังคงกวดขันจับกุมผู้ปล่อยเงินกู้นอกระบบและผู้ติดตามทวงถามหนี้โดยผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง โดยผลการดำเนินการสะสมนับตั้งแต่เดือน ต.ค.2559 เป็นต้นมาถึง ณ สิ้นเดือน ก.พ.2561 มีการจับกุมผู้กระทำผิดรวมทั้งสิ้น 2,139 คน.
https://thaihotnew.com/
https://on-189.com/