เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาหลายคนอาจจะได้ยินข่าวกันมาแล้วบ้างว่าจะมีการเปิดประเทศ รับนักท่องเที่ยวแบบมีเงื่อนไข เข้ามากระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศเราซึ่งถ้ามองกันแล้ว ส่วนตัวก็คิดว่าดีเหมือนกัน เพราะตอนนี้เองสภาพคล่องยังถือว่าน้อยมาก ดูอย่างสมุยและภูเก็ต จากที่คนเดินกันเต็มถนนกลับไม่มีนักท่องเที่ยวเลย เงียบสิ้นดี
การที่มีนโยบายจากทางรัฐบาลที่ออกมา เปิดรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง ก็เป็นเรื่องที่ดีมาก แล้ววางเงื่อนไขการเข้าประเทศ ก็ถือได้ว่ามีมาตรการป้องกันไว้รัดกุมพอตัว โดยที่มีเงื่อนไขคือ
เงื่อนไขสำหรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษนี้ คือ
1.ต้องเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาพักในประเทศไทยระยะยาว แบบลองสเตย์
2.ต้องยอมรับมาตรการด้านสาธารณสุขในเรื่องการกักตัว 14 วัน
3.มีเอกสารหลักฐานของการเข้ามาพำนักระยะยาวในไทย เช่น เอกสารการชำระเงินของโรงแรม เอกสารการเช่าที่พัก
คอนโดมิเนียม เป็นต้น
ทั้งนี้รัฐบาลตั้งเป้าหมายว่าสามารถเปิดให้เข้ามาได้สัปดาห์ละ 100-300 คน หรือไม่เกินเดือนละ 1,200 คน สร้างรายได้ 1,200 ล้านบาท/เดือน
https://www.thansettakij.com/content/politics/449257
ถึงตอนนี้จะมีการกระตุ้นให้เที่ยวกันในประเทศ แต่ก็ถือว่าเงินยังไม่มากพอ ถ้ามาดูตามสถิติที่ผ่านมาแล้ว
ตามข้อมูลของกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาที่มีสถิติราย
งานว่า ในช่วงเดือน ม.ค. - ก.ค. 63 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเพียงแค่ 6.7 ล้านคน ต่างจากในช่วงเดือน ม.ค. - ก.ค. 62 ตอนนั้นเรามีนักท่องเที่ยวเข้ามาถึง 23 ล้านคน จำนวนนักท่องเที่ยวหายไปเป็นจำนวนมากขนาดนี้ กับประเทศที่พึ่งพาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นหลักอย่างเราก็มีแต่พังกับพัง มันไม่ได้มาพึ่งท่องเทียวไทยแล้วทดแทนกันได้
จากสถานการณ์ที่ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวเป็น 0 เมื่อดูแค่ตัวเลขนักท่องเที่ยวที่ลดลงจากปีที่แล้วก็สัมผัสได้ถึงความน่าใจหาย ที่ส่งผลให้ประเทศสูญเงินไปอย่างมาก โดยตัวเลขที่ลดลงส่งผลต่อ GDP 0.5% นักวิเคราะห์จึงมองว่า ในช่วงไตรมาสที่ 4 แบงค์ชาติอาจจะมีการทบทวน GDP อีกครั้ง ซึ่งแนวโน้มมันเป็นไปในทิศทางลบมากกว่า ประเทศไทยจะเป็นประเทศที่ติดลบ GDP เป็นอันดับต้น ๆ ของโลก
ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศแล้ว แต่ว่าศักยภาพของนักท่องเที่ยวไทยก็ไม่ได้มีมากพอที่จะเอามาชดเชยในส่วนที่ขาดไปได้ เพราะการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวไทยตั้งแต่ที่มีมาตรการผ่อนปรน ส่วนใหญ่ก็จะไปแค่ในระยะใกล้ๆ หัวหิน ระยอง กาญจนบุรี พัทยา ชลบุรี ที่ไม่ต้องขับรถออกไปไกลมากนัก และที่สำคัญนักท่องเที่ยวไม่ได้ใช้จ่ายหนักเหมือนนักท่องเที่ยวต่างชาติ จึงให้มาตรการนี้เป็นเพียงชั่วคราวพอให้เศรษฐกิจมันคลายในระยะสั้นๆ แค่เท่านั้น ตามไปฟังในพอดแคส Mission to the moon EP885 ของคุณรวิศ หาญอุตสาหะ ได้
https://apple.co/3274YT2
เมื่อมองไปในอนาคตไตรมาสสุดท้ายที่เหลือ นับว่าเป็นระยะเวลาฤดูท่องเที่ยว (High Season) โดยปกติแล้วบรรยากาศการท่องเที่ยวมักจะคึกคัก แต่จากสถานการณ์โควิดที่หลายประเทศมีการระบาดรอบ 2 จึงเป็นไปได้ยากมากที่จะหวังว่าเศรษฐกิจประเทศไทยจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติดั่งเดิม
ดังนั้นการแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด ต้องนำนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาให้ได้เร็วที่สุด มิเช่นนั้นเราจะเสียโอกาสอีกหลายอย่าง
ดังนั้นรัฐจะต้องทบทวนมาตรการการเปิดประเทศอย่างระมัดระวัง ต้องหาจุดตรงกลางให้ได้ระหว่างการบริหารความเสี่ยงในเรื่องการแพร่ระบาด และความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะพังมากกว่านี้ เพื่อทำให้ทั้ง 2 ด้านยังคงดำเนินต่อไปได้
เพราะตอนนี้การป้องกันโรคระบาดประชาชนมีความรู้แล้ว จากการที่มีคนติดเชื้อกลับมาอีกครั้ง แต่ทุกคนยังดูไม่ Panic เหมือนช่วงแรกๆ เพราะเขารู้จักการป้องกันดูแลตนเอง และให้ความร่วมมือช่วยเหลือกันเป็นอย่างดี ไม่พาตัวเองไปที่เสี่ยง
แต่พอเป็นเรื่องปากท้องนี่สิ พ่อค้า-
แม่ค้า SME ถึงเขาจะเป็นคนตัวเล็ก แต่ก็เป็นฐานเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศด้วย จะไปต่อกันยังไงในสภาพแบบนี้ ต่อให้ขยันปรับแก้กลยุทธ์กันอย่างไร แต่ถ้าระบบมันพังมันพังกันหมด มันก็เจ๊งกันหมด
วิกฤติแบบนี้รายใหญ่ยังแย่ นับประสาอะไรกับรายย่อยหาเช้ากินค่ำ เดือนชนเดือน จะเหลืออะไร
“รัฐบาลช่วยหามาตรการเปิดประเทศอย่างปลอดภัยมันจะพอเป็นไปได้ไหม?” คิดซะว่า ประชาชนตาดำ ๆ คนนึงขอร้อง
https://pantip.com/topic/40182207
ก็คิดตามจากกระทู้แล้ว มันก็เป็นเรื่องที่เห็นๆ กันอยู่ว่าแค่นักท่องเที่ยวในประเทศเงินมันไม่สามารถหมุนเศรษฐกิจประเทศให้กลับมาเหมือนเดิมได้ ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง